อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 41 คนที่ข้ามาสู่ขอคือหลานสุ่ยชิง
ตอนพิเศษ 41 คนที่ข้ามาสู่ขอคือหลานสุ่ยชิง
ตอนพิเศษ 41 คนที่ข้ามาสู่ขอคือหลานสุ่ยชิง
เยียนจือตอบเสียงอ่อน เมื่อนึกถึงงูเมื่อครู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน แต่ก็ยังฝืนเดินออกไปพร้อมกับสำรับอาหาร
งูตัวนี้ทำให้เยียนจือขยะแขยงสิ่งที่อยู่ในสำรับอาหารนี้จนตัวสั่น โยนทิ้งไปไกล ๆ เลยดีกว่า
ขณะคิดเช่นนั้น นางก็เผลอเดินไปที่ครัวใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ
ทว่าทันทีที่นางเดินไปถึงประตูครัวใหญ่ นางก็เห็นความโกลาหลข้างใน ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายสุดขีด
แม่นมซ่งคนสนิทของไท่ฮูหยินยืนอยู่นอกประตู แล้วตะโกนบอกเหล่าสาวใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวว่า “ทำงานให้ว่องไวกว่านี้ แขกวันนี้คือซิวหวางเฟย ต่อให้หวางเฟยจะเสวยมาแล้ว แต่ก็อย่าให้ของว่างและน้ำชาขาดตกบกพร่อง อย่างไรเสียเราก็เป็นคนของจวนขุนนางผู้มีเกียรติ ดังนั้นอย่าทำให้อับอายขายหน้า รีบทำงานให้เร็วและรอบคอบหน่อย”
สาวใช้ในครัวเดินเข้ามาหานางอย่างมีเลศนัย แล้วถามว่า “แม่นมซ่ง ท่านบอกว่าซิวหวางเฟยเสด็จมา เพราะนางเอ็นดูคุณหนูรองและคุณหนูสามในจวนเราหรือเจ้าคะ? หากจวนหลานของเราเป็นดองกันกับตำหนักอ๋องซิว ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าดูแคลนเราแล้ว”
แม่นมซ่งจ้องมองนางพร้อมกับเลิกคิ้ว “ไปทำงานให้ดี จะมาถามเพื่ออะไร?”
แต่ต่อให้นางจะดุ นางก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มมุมปากได้ ในที่สุดนางก็ลดเสียงลงพูดกับหญิงคนนั้นว่า “ยังไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะมาสู่ขอหรือไม่ แต่คนรับใช้ของซิวหวางเฟยแอบกระซิบบอกข้าว่า หวางเฟยมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อมาสู่ขอ”
“อา แม่นมซ่งสนิทกับคนรับใช้ในตำหนักอ๋องซิว ต่อจากนี้ไป แม่นมซ่งต้องเมตตาพวกเรามากขึ้นนะเจ้าคะ”
“พวกเจ้านี่ ถ้าทำงานเรียบร้อยดีก็ย่อมมีสิ่งตอบแทน”
มุมปากของเยียนจือกระตุกขณะนางแอบฟังอยู่ที่ทางเดิน ก่อนจะเบะปาก
ช่างน่าทึ่งนัก มีอะไรให้ภาคภูมิใจ? แม่นมปู้บอกว่าซิวหวางเฟยมาที่นี่พร้อมกล่องของหมั้น ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมรู้ได้ทันที
จุ๊ๆ นางทำเป็นมาบอกว่าคนรับใช้ของซิวหวางเฟยบอกนาง ตอนนั้นแม่นมปู้ก็รู้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ช่างหน้าซื่อใจคด ไร้ยางอายเสียจริง
ยิ่งเยียนจือคิดเรื่องนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่นางถือสำรับอาหารที่คุณหนูรองกับคุณหนูสามใส่งูไว้ นางก็นึกอยากจะรีบไปฟ้องซิวหวางเฟย เพื่อบอกให้รู้ว่าคุณหนูรองและคุณหนูสามมีเจตนาร้าย
นางถอนหายใจขณะคิดเรื่องนี้ และเมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่นมซ่งออกมาจากห้องครัว
เยียนจือรีบหลบไปด้านข้าง เมื่อแม่นมซ่งจากไปแล้ว นางจึงค่อย ๆ เดินออกไป
นางเม้มปากแน่น และยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็สูดหายใจลึก บีบสำรับอาหารในมือ แล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังคงต้องการไปสืบว่าซิวหวางเฟยเอ็นดูคุณหนูรองและคุณหนูสามจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริง นางต้องกลับไปแจ้งให้คุณหนูทราบโดยเร็ว เพื่อให้คุณหนูเตรียมพร้อมรับมือ
เมื่อนึกได้ดังนั้น เยียนจือก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
คนมากมายมายังเรือนโยวหรานที่ไท่ฮูหยินอาศัยอยู่ ไม่เพียงแต่คนรับใช้ที่ซิวหวางเฟยพามาด้วยเท่านั้น แต่ยังมีคนรับใช้ของจวนหลานมามุงดูด้วย
แม้ว่าไท่ฮูหยินจะสั่งให้สาวใช้เหล่านั้นทำตามหน้าที่ของตน และไม่อนุญาตให้เบียดเสียดกันเข้ามาในเรือนโยวหรานเพื่อชมเหตุการณ์ตื่นเต้นอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่ก็ยังมีสาวใช้บางคนแอบออกมาสังเกตการณ์อยู่ดี
เยียนจือวางสำรับอาหารไว้ที่มุมกำแพง ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนของไท่ฮูหยินอย่างคุ้นเคย นางกับแม่นมปู้มักจะมาที่นี่เพื่อสอบถามข่าวคราว พวกนางจึงรู้ว่าที่ใดเป็นจุดอับสายตาเหมาะแก่การซ่อนตัว
นางจึงได้อยู่ตรงตำแหน่งที่ดีกว่าสาวใช้คนอื่น ๆ ที่แอบมาดูสถานการณ์ แล้วแอบเดินเข้าไปในเรือนโยวหรานอย่างเงียบเชียบ
สาวใช้ที่อยู่ข้างเรือนโยวหรานมีสายตาเฉียบคม เมื่อนางเห็นเยียนจือก็รีบขยิบตาให้ แล้วพานางเข้าไปในห้องโถงด้านข้างเงียบ ๆ แล้วกระซิบบอกนางว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาสืบข่าว นี่ก็ทันเวลาพอดี ข้ายุ่งเกินกว่าจะส่งข่าวถึงคุณหนูใหญ่ เจ้าแค่ซ่อนตัวแอบฟังอยู่ตรงนี้ก็พอ อย่าออกไปเพ่นพ่าน เข้าใจหรือไม่?”
สาวใช้คนนี้เป็นคนที่ไปแจ้งข่าวให้หลานสุ่ยชิงก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นสายสืบคนหนึ่งของหลานสุ่ยชิง
เยียนจือพยักหน้า แล้วยกยิ้มให้นาง “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ไฉ่เฟิง”
ไฉ่เฟิงเตือนอีกครั้งและเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับถาด แล้วยกน้ำชาไปให้หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนที่เพิ่งเข้าประตูมา
ตอนนี้หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวประพฤติตัวเรียบร้อย ตั้งแต่รู้ว่าซิวหวางเฟยจะมาสู่ขอ พวกนางก็ตื่นเต้นมาก หลังจากแต่งตัวในห้องได้สักพักก็เยื้องกรายเข้ามา
ใบหน้าในขณะนี้แดงเรื่อราวดอกท้อ พร้อมทั้งมีท่าทางเขินอายและอ่อนโยน
อวี้ชิงลั่วที่นั่งอยู่ด้านบนสุดนั่งจิบชามองหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง ไท่ฮูหยินก็ตื่นเต้นมาก และพูดด้วยรอยยิ้ม “หวางเฟยเสด็จมาที่นี่ หม่อมฉันรู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนักเพคะ หยวนเจี่ยเอ๋อร์และเถียนเจี่ยเอ๋อร์ได้เข้าเฝ้าหวางเฟยเมื่อสองวันก่อน เมื่อพวกนางกลับมาก็สรรเสริญไม่ขาดปากว่าไม่พบเจอคนที่เหมือนนางฟ้าเช่นหวางเฟยมาก่อน ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยความชื่นชมเลยเพคะ”
อวี้ชิงลั่วนั่งตัวตรง เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็คลี่ยิ้ม ดูสง่างามมีเสน่ห์
มุมปากของหงเย่ที่ยืนอยู่ข้างหลังนางกระตุก นางอยากเจอลูกสาวคนโตของสกุลหลานมาตั้งแต่แรก แล้วตอนนี้จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่ออะไร?
“หวางเฟยของเราก็ชื่นชมสองพี่น้องมากเช่นกัน” หงเย่ตอบ
ไท่ฮูหยินยิ่งดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของนางเหม่อมองออกไปข้างนอกเป็นระยะ ๆ ราวกับมองหาของกำนัลหมั้นหมายจากตำหนักอ๋องซิวในเรือนนี้
ของกำนัลเหล่านั้นอลังการประหนึ่งงานอภิเษกฮองเฮา จนนางไม่อาจละสายตาได้เลย
หญิงชราเช่นนางมีชีวิตอยู่มาเกือบทั้งชีวิต นางได้เห็นสิ่งดี ๆ ในโลกนี้มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นของกำนัลในพิธีหมั้นมากมายถึงเพียงนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของหยวนเจี่ยเอ๋อร์หรือเถียนเจี่ยเอ๋อร์ใช่หรือไม่? พวกนางช่างวาสนาดีเหลือเกิน
คิดได้ดังนั้น ดวงตาของไท่ฮูหยินก็หยีลงด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเพราะความเมตตาของหวางเฟยเพคะ ลูกสาวทั้งสองในตระกูลของเรายังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมาก ในอนาคตหวางเฟยคงต้องสอนพวกนางอีกมากเพคะ”
ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็วางถ้วยชาลงก่อนยกยิ้ม แล้วพูดกับของไท่ฮูหยินที่พยายามซ่อนเร้นสายตาละโมบว่า “คุณหนูของจวนหลานไม่จำเป็นต้องให้ข้าสอนหรอก ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูทั้งสามในจวนหลานนั้นมีมารยาทและนิสัยดี อ๋อ อีกอย่าง ตอนนี้มีคุณหนูมาเพียงสองคนเท่านั้น มีคุณหนูอีกคนไม่ใช่หรือ? นางอยู่ที่ใดเล่า?”
ไท่ฮูหยินตกตะลึง หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะจินซื่อยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
อยู่ดี ๆ เหตุใดทางตำหนักอ๋องซิวถึงถามหาหลานสุ่ยชิงหญิงคนนั้น?
“โอ้ หวางเฟยกำลังพูดถึงสุ่ยชิงนี่เอง เด็กคนนั้นค่อนข้างชอบเก็บตัว และชอบทำตัวจู้จี้ตลอดทั้งวัน เกรงว่าจะทำให้หวางเฟยขุ่นเคือง จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเพคะ”
“หือ? แล้วข้าควรทำอย่างไรดีเล่า? ในเมื่อคนที่ข้าจะมาสู่ขอในวันนี้คือนาง”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ช็อตระดับการไฟฟ้านครหลวงตบท้ายตอนเลยทีเดียว ไท่ฮูหยินเกรียมแล้วไหม
ไหหม่า(海馬)