อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 43 เหลือเชื่อ
ตอนพิเศษ 43 เหลือเชื่อ
ตอนพิเศษ 43 เหลือเชื่อ
ซิวหวางเฟยมาสู่ขอนางงั้นหรือ??
หลานสุ่ยชิงตกตะลึง นางเหม่อมองเยียนจือที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดชุดให้นาง ขณะพูดว่า “คุณหนู ในที่สุดมันก็จบแล้วเจ้าค่ะ ปรากฏว่าคนที่ซิวหวางเฟยมาสู่ขอไม่ใช่คุณหนูรองและคุณหนูสาม ฮ่าๆ ท่านยังไม่เห็นสีหน้าของคุณหนูรองสินะเจ้าคะเมื่อได้ยินซิวหวางเฟยบอกว่าคนผู้นั้นคือท่าน ส่วนไท่ฮูหยินกับฮูหยินรองก็หน้าซีดเผือดนิ่งไปราวถูกฟ้าผ่า คุณหนูต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี ตอนนี้มันสิ้นสุดลงแล้วเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงซวนเซเล็กน้อยและตัวสั่นเทา ต้องใช้เวลาสักพักกว่าสติจะกลับคืนมา จากนั้นนางก็จับมือเยียนจือ “เจ้าพูดอีกครั้งสิว่าซิวหวางเฟยมาสู่ขอใคร? ข้าหรือ? เจ้าได้ยินถูกหรือเปล่า? “
เป็นไปได้อย่างไร? นางไม่เคยพบซิวหวางเฟยมาก่อนเลย และชื่อของนางก็ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แล้วซิวหวางเฟยจะสนใจนางโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…จวิ้นจู่จิ่นซิ่วกับเนี่ยนเนี่ยนไปพูดถึงนางต่อหน้าซิวหวางเฟย?
แต่ก็ไม่น่าจะใช่ คนเฉลียวฉลาดอย่างซิวหวางเฟยจะสู่ขอสตรีที่นางไม่เคยพบหน้าเลยได้อย่างไร? อย่างไรก็ต้องรู้นิสัยใจคอกันก่อน
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเหตุผลสำคัญบางอย่าง?
หลานสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแผนการและเล่ห์เหลี่ยมอันซับซ้อน เรื่องนี้แปลกมาก
“เจ้าค่ะ บ่าวได้ยินถูกต้องแน่นอน ซิวหวางเฟยบอกว่านางมาสู่ขอลูกสาวคนโตของจวนหลาน คุณหนู ท่านรีบเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเจ้าค่ะ อีกไม่นานไฉ่ซินที่ไท่ฮูหยินส่งมาจะมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของเยียนจือเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่นางก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ไม่ว่าไฉ่ซินจะเดินช้าเพียงใด นางก็ควรจะมาถึงแล้ว แม้ว่านางจะวิ่งมา แต่สุดท้ายไฉ่ซินก็ออกจากเรือนโยวหรานก่อนนางอีก แล้วเหตุใดนางถึงยังมาไม่ถึงที่นี่?
ฮึ่ม นางต้องจงใจแน่นอน ไฉ่ซินต้องทำเป็นงุ่มง่ามและจงใจมาเรียกคุณหนูช้า เพื่อให้ซิวหวางเฟยรู้สึกไม่พอใจคุณหนูเป็นแน่
โชคดีที่นางกลับมาทันเวลา จึงได้บอกให้คุณหนูเปลี่ยนชุดก่อน
ขณะที่เยียนจือกำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลนอกเรือน จากนั้นเสียงอ่อนหวานของไฉ่ซินก็ดังขึ้น “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ บ่าวมาหาท่านเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงและแม่นมปู้ในห้องขมวดคิ้วพร้อมกัน คำพูดของไฉ่ซินไม่เคยรื่นหูเท่านี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงประจบประแจงเช่นนี้จากนาง
ดูเหมือนว่า… เรื่องที่เยียนจือเพิ่งบอกมาจะเป็นความจริง
แต่หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นาง… ไม่ได้ต้องการแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว นางมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว แม้ว่าตำหนักอ๋องซิวจะร่ำรวยและสูงส่ง แต่ก็ยังเป็นดั่งห้วงน้ำลึกที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และเรื่องยุ่งยากมากมาย หากไม่ระวัง ชีวิตอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าอยู่ในจวนหลาน
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เคยพบซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวมาก่อน ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร และเป็นคนดีหรือไม่
“คุณหนูใหญ่ รีบไปเปลี่ยนชุดที่สะอาด แล้วรีบไปพบไท่ฮูหยินเพื่อเข้าเฝ้าซิวหวางเฟย นี่เป็นเรื่องที่เป็นเกียรติแก่ท่านมาก เพราะท่านจะได้เป็นถึงฮูหยินของซื่อจื่อ ช่างวาสนาดียิ่งนักเจ้าค่ะ” ทันทีที่ไฉ่ซินเดินเข้าประตูมา นางก็รีบเดินมาหาอย่างกระตือรือร้น พร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจบนใบหน้า
จากที่นางสบตาไท่ฮูหยินก่อนหน้านี้ นางจึงไปที่เรือนของนายท่านก่อนเพื่อแจ้งข่าว จากนั้นจึงอ้อมมาบอกคุณหนูใหญ่
แม้ว่านางจะรู้ดีว่าไท่ฮูหยินพยายามขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้อย่างเต็มที่ แต่ใครจะรู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่? บางทีคุณหนูใหญ่คนนี้อาจจะไต่เต้าขึ้นไปเป็นหงส์ก็ได้ ตอนนี้จึงเป็นการดีกว่าที่นางจะทำเป็นเคารพ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเดือดร้อนทีหลัง
เยียนจือเห็นแล้วก็นึกเย้ยหยัน แต่ตอนนี้นางตื่นเต้นเกินไปจึงไม่ได้สนใจ แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วรีบจูงหลานสุ่ยชิงไปหลังฉากกั้นห้อง จากนั้นรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วเปลี่ยนชุดใหม่ให้
หลานสุ่ยชิงเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่เยียนจือและแม่นมปู้แต่งตัวให้อย่างดีด้วยความตื่นเต้น
เมื่อนางรู้สึกตัว ชุดบนตัวก็ถูกเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าเยียนจือกำลังจะเสยผมของตน หลานสุ่ยชิงก็รีบยกมือขึ้นห้ามนาง “เอาล่ะ พอแล้ว ไม่เป็นอะไร”
“ได้ที่ไหนเล่าเจ้าคะ?” เยียนจือร้องออกมา นางยังได้กลิ่นควันกับข้าวจากเส้นผมของคุณหนูอยู่เลย ไม่รู้ว่าจมูกของซิวหวางเฟยใช้งานได้ดีหรือไม่ หากนางได้กลิ่นแล้วตำหนิว่าคุณหนูไร้มารยาทจะทำอย่างไร?
หลานสุ่ยชิงทำอะไรไม่ถูก แต่ก็จูงมือเยียนจือ “เอาล่ะ เจ้าเลิกวุ่นวายได้แล้ว ไปถามเนี่ยนเนี่ยนที่ห้องครัวเล็กให้ข้า ว่านางอยากไปกับข้าหรือไม่?” อย่างไรเสีย เนี่ยนเนี่ยนก็คือคนของตำหนักอ๋องซิว ในเมื่อซิวหวางเฟยอยู่ที่นี่ นางก็อาจต้องไปแสดงความเคารพด้วย หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่าหากมีนางไปด้วย ก็อาจจะไม่ตื่นตระหนกมากนัก
ตอนนี้นางยังไม่รู้สถานการณ์อะไรเลย นางกำลังสับสนและรู้สึกอธิบายไม่ถูก ถ้าไม่มีใครอยู่ข้างกายเพื่อช่วยให้นางตัดสินใจได้ นางก็อาจจะสติแตก
เยียนจือนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้าราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ “ใช่ๆๆ แม่นางเนี่ยนเนี่ยนต้องรู้ว่าซิวหวางเฟยชอบทรงผมแบบไหน และมีนิสัยอย่างไร เหตุใดข้าถึงไม่คิดจะถามนางนะ? ข้าจะไป ไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“…” มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก เมื่อเห็นเยียนจือรีบวิ่งไป นางก็รู้สึกปวดหัว
ขณะเดียวกัน ไฉ่ซินที่ยืนรออยู่นอกฉากกั้นห้องก็เริ่มใจร้อนเล็กน้อย แต่กำได้เพียงระงับอารมณ์ แล้วเอ่ยเตือนว่า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ซิวหวางเฟยยังรออยู่ รีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก แล้วกำลังเดินออกจากด้านหลังฉากกั้นห้อง
เพียงแต่ว่าเยียนจือยังไม่กลับมา นางจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นเยียนจือเดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูนางว่า “คุณหนู แม่นางเนี่ยนเนี่ยนบอกว่านางจะกินข้าวก่อน ให้ท่านไปก่อนเลย ปกติซิวหวางเฟยใจดีมากจริง ๆ เป็นเรื่องดีที่จะได้ไปหานาง บางทีซิวหวางเฟยอาจจะยอมมารักษาฮูหยินด้วยตัวเองก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
มารักษาด้วยตัวเองงั้นหรือ? ประโยคนี้โน้มน้าวใจหลานสุ่ยชิงได้ดีมาก
แม้ว่าเนี่ยนเนี่ยนจะดูแลร่างกายแม่ของนางได้ แต่เนี่ยนเนี่ยนก็บอกว่า นางให้ความสำคัญกับการค้นคว้ายาพิษมากกว่านางจึงไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องโรคของผู้หญิง ถ้าต้องการให้อู๋ซื่อดีขึ้นโดยเร็วที่สุดและเจ็บปวดน้อยลง หากมีซิวหวางเฟยมาช่วยรักษา ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีกว่าเดิมถึงสองเท่า
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เนื่องจากเนี่ยนเนี่ยนไม่อยากไป นางก็ย่อมไม่อาจบังคับได้
นางจัดชุดให้เรียบร้อย จากนั้นนางก็พาเยียนจือตามไฉ่ซินไปที่เรือนโยวหรานของไท่ฮูหยิน
แม่นมปู้เดินไปที่ประตู นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยหลังไปเงียบ ๆ แล้วเดินไปที่เรือนของอู๋ซื่อ
ฮูหยินคือมารดาของคุณหนู ในเมื่อซิวหวางเฟยมาสู่ขอคุณหนู ก็ควรแจ้งเรื่องนี้ให้ฮูหยินทราบ ฮูหยินกังวลเรื่องการแต่งงานของคุณหนูมาโดยตลอด หากเป็นการแต่งงานที่ดี ฮูหยินก็จะมีความสุข
ทุกคนในเรือนของหลานสุ่ยชิงสลายตัวไปในพริบตา
เหลือเพียงเนี่ยนเนี่ยนที่บอกว่าจะกินข้าวในครัวเล็กเท่านั้น นางยืนพิงกรอบประตูขณะยกยิ้มอ่อน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิวหน้าตาเป็นยังไงก็ได้เจอแทบทุกคืนแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-