อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 47 การแต่งงาน
ตอนพิเศษ 47 การแต่งงาน
ตอนพิเศษ 47 การแต่งงาน
อู๋ซื่อล้มหมอนนอนเสื่อมาหลายปีแล้ว เพียงแค่ก้าวออกมาจากเรือนก็ยังไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ? แล้ววันนี้นางมาถึงเรือนโยวหรานที่อยู่ไกลขนาดนี้ได้อย่างไร?
ทุกคนในห้องตกใจ ต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ครู่หนึ่งแม่นมหูที่อยู่ข้างอู๋ซื่อก็เปิดม่านให้อู๋ซื่อเข้ามา
ไท่ฮูหยินและรองเจ้ากรมหลานหันไปมองทันที แล้วพบว่าสีหน้าของอู๋ซื่อดีขึ้นมาก หลังจากไม่ได้เห็นมานาน แม้ว่านางจะยังเดินอย่างอ่อนแรง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้คนคอยประคองอีกต่อไป
สีหน้าของจินซื่อเปลี่ยนไปมาก เพราะเหตุใดกัน? หมอที่นางพามาบอกนางชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ที่อู๋ซื่อจะฟื้นตัว เพราะอาการป่วยของนางเรื้อรังมานานเกินไป อาจเหลือเวลาอีกเพียงแค่สองหรือสามปีเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เหตุใดถึงดูอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าเนี่ยนเนี่ยน…
ทันใดนั้นดวงตาของจินซื่อก็สว่างขึ้น เป็นเพราะเนี่ยนเนี่ยน นางได้ยินว่าทุกครั้งที่เนี่ยนเนี่ยนมา นางจะไปที่เรือนของอู๋ซื่อ นางไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย สถานะของหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้สูงส่งอะไร
แต่วันนี้นางรู้แล้วว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นธิดาของซิวหวางเฟย ลูกสาวของหมอปีศาจ แล้วทักษะทางการแพทย์ของนางจะแย่ได้อย่างไร?
ให้ตายเถอะ นางประมาทเกินไป
จินซื่อกัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น
อีกฝั่งหนึ่ง อวี้ชิงลั่วยืนขึ้นแล้วเดินไปข้างอู๋ซื่อ “หลานฮูหยิน ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”
อู๋ซื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะหยุดนิ่ง ทันใดนั้น เมื่อพินิจพิจารณาคนตรงหน้าใกล้ ๆ รูม่านตาของนางก็หดลงทันที
“ท่าน ท่านคือ…”
“ฮูหยิน นี่คือหญิงที่ช่วยท่านในตอนนั้นนี่เจ้าคะ” แม่นมหูที่อยู่ข้างนางก็โพล่งออกมาด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน นางไม่อาจปกปิดความดีใจได้
อู๋ซื่อคว้ามืออวี้ชิงลั่ว แล้วเกือบจะหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านอีก ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านอีก ตอนนั้นต้องขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตของข้าและสุ่ยชิงเอาไว้ ข้าคิดว่า ข้าคิดว่าชีวิตนี้ข้าคงไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว แต่จู่ ๆ ข้าก็ได้เจอท่านอีกครั้ง”
“ใช่แล้ว ชะตาของพวกเราถูกลิขิตไว้จริง ๆ” อวี้ชิงลั่วหัวเราะ แต่ก็แอบถอนหายใจในใจ
ในเวลานั้นแม้ว่านางจะตั้งครรภ์และดูซีดเซียว แต่นางก็ยังดูเป็นหญิงงามในอุดมคติ ทว่าตอนนี้นางดูแก่ขึ้นหลายสิบปี เหตุใดนางถึงอยู่เช่นนี้มาหลายปี?
นึกได้เช่นนั้น อวี้ชิงลั่วก็ขมวดคิ้ว แล้วหันไปจ้องมองรองเจ้ากรมหลานด้วยสายตาดุดัน
รองเจ้ากรมหลานตกตะลึงทันที เขาไม่ค่อยเข้าใจสายตาของนางนัก แต่ก็ผุดลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่รู้ตัวว่าเหตุใดตนถึงไปช่วยประคองหลานฮูหยินด้วยตนเอง
ใบหน้าของอู๋ซื่อเต็มไปด้วยความตกใจ มีแม้กระทั่งความตื่นตระหนกแวบเข้ามา
แม่นมหูที่อยู่ด้านข้างยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น แล้วยืนขวางรองเจ้ากรมหลานอย่างไม่สนใจมารยาท
โทสะพลันฉายวาบขึ้นบนใบหน้าของรองเจ้ากรมหลาน เขาเกือบจะโพล่งออกมาด้วยความโกรธ แต่หางตาเหลือบเห็นอวี้ชิงลั่วยืนอยู่ เขาจึงรีบระงับความโกรธ ก่อนจะดึงมือกลับด้วยความลำบากใจ แล้วพูดกับอู๋ซื่อว่า “ฮูหยิน เหตุใดเจ้าไม่รีบมาพบซิวหวางเฟย?”
ซิวหวางเฟยหรือ?
หลานฮูหยินมองอวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้านางด้วยความประหลาดใจ ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ชั่วขณะ
จนกระทั่งหลานสุ่ยชิงเดินเข้ามาใกล้นาง ก่อนพยักหน้าให้นางและพูดว่า “ท่านแม่ นี่คือซิวหวางเฟยเจ้าค่ะ”
หลานฮูหยินตัวสั่นสะท้าน และกำลังจะรีบคุกเข่าลง
อวี้ชิงลั่วผู้มีสายตาเฉียบคมและมือฉับไวรีบประคองนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ากำลังจะทำอะไร? มิตรภาพของเรา ต้องมีอะไรตอบแทนด้วยหรือ?”
เมื่อไท่ฮูหยินและจินซื่อได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของพวกนางก็ฉายความลำบากใจ ตอนนี้พวกนางกำลังตกที่นั่งลำบาก ไม่ต้องพูดถึงการให้ซิวหวางเฟยมาประคองหรอก พวกนางลุกขึ้นยืนยังไม่ได้เลย
“ข้า ข้าไม่คาดคิดว่าท่านจะเป็นซิวหวางเฟย มิน่าเล่า ไม่แปลกใจเลยที่ท่านปกป้องเราสองคนแม่ลูกให้ปลอดภัยได้ ในยามที่ข้าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้น กลับกลายเป็นว่าข้าได้พบหมอปีศาจที่คนร่ำลือกัน ข้า…” หลานฮูหยินตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้ตัวตนของข้าหรือ? เป็นไปได้อย่างไร ข้าบอกเสี่ยวจิ้งชัดเจนแล้วนี่”
“…” หลานฮูหยินตกตะลึง แล้วมองอวี้ชิงลั่วด้วยความสับสน เสี่ยวจิ้งอะไรกัน? นางไม่เคยเจอเสี่ยวจิ้งมาก่อน
แต่อวี้ชิงลั่วไม่สนใจสีหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางไปนั่งข้าง ๆ แล้วพูดราวกับพูดกับตัวเองว่า “ตอนนั้นข้าเห็นว่าเจ้ากำลังอ่อนแอ ข้าจึงไม่ได้บอกตัวตนของข้าให้เจ้าได้รู้ ส่วนแม่นมหูก็มัวแต่ใส่ใจดูแลเจ้าอยู่ ข้าจึงบอกสาวใช้ชื่อเสี่ยวจิ้งที่อยู่กับเจ้า ข้าบอกนางว่าถ้าเจ้ามีอาการไม่ดี ให้มาหาข้าที่ตำหนักอ๋องซิว เพราะอย่างไรเสียข้าก็เป็นคนทำคลอดให้เจ้า ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเจ้าหรือชีวิตของเด็กคนนี้ ข้าก็ต้องรับผิดชอบเอง”
ใบหน้าของไท่ฮูหยินกับรองเจ้ากรมหลานซีดเซียว ย้อนกลับไปในตอนนั้น เสี่ยวจิ้งบอกว่าหลานสุ่ยชิงเป็นเด็กที่นางไปหามาข้างนอก คาดไม่ถึงเลยว่านางเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนของซิวหวางเฟย แต่นางกลับไม่พูดอะไรเลย… หมายความว่าอย่างไรกัน? ถ้านางพูดเรื่องนี้ จวนหลานคงได้เข้าใกล้ตำหนักอ๋องซิวไปนานแล้ว มีหรือจะยังเป็นเพียงจวนขุนนางชั้นผู้น้อยอยู่?
“…” หลานฮูหยินนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นนางก็เข้าใจ ซิวหวางเฟย ท่านรู้สถานการณ์ของพวกเรา จึงต้องการล้างมลทินให้พวกเรางั้นหรือ?
“อีกอย่าง ที่ข้ามาสู่ขอก็เป็นเพราะจี้เส้นนั้น มันเป็นสิ่งที่ลูกชายข้ามอบให้สุ่ยชิงไว้ในตอนนั้น ข้าคิดว่าเมื่อถึงเวลาจะให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน ลูกชายข้าเฝ้ารอสุ่ยชิงมานานหลายปี จนยังไม่ได้แต่งงานมีลูกจนถึงตอนนี้ เขาตกหลุมรักสุ่ยชิงตั้งแต่ตอนนั้น แต่ข้าคาดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปหลายปี พวกเจ้าก็ไม่ได้มาหาเรา ข้ายังคิดเลยว่าเป็นเพราะเจ้าไม่พอใจการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ หากไม่พอใจที่ข้ามาสู่ขอก็บอกได้”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลานฮูหยินก็ไม่กล้าปฏิเสธ และรีบปลอบนางว่า “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่าเพคะ? พวกเราจะไม่พอใจการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างไร? ซื่อจื่อน้อยในตอนนั้นที่มีอายุเพียงห้าขวบก็ฉลาดมากแล้ว ข้าชอบเขายิ่งนัก ถ้าสุ่ยชิงได้แต่งงานกับเขา นั่นจะเป็นบุญวาสนาของสุ่ยชิง ข้า…”
ทันทีที่หลานฮูหยินพูด นางก็นึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไป จู่ ๆ นางก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย และมองหลานสุ่ยชิงที่กำลังตกตะลึงด้วยความรู้สึกผิด
อวี้ชิงลั่วกระแอมเบา ๆ ก่อนเม้มปากแล้วยกยิ้ม “อย่าเพิ่งไม่พอใจเลย ลูกชายข้าคนนี้ ข้าไม่ได้อวดนะ แต่เขามีความรอบรู้ทั้งกิจการพลเรือนและการทหาร หน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ เมื่อเจ้าตกลง สินสอดทองหมั้นเหล่านี้เจ้าก็ต้องรับไว้ แล้วเราค่อยมาเลือกฤกษ์งามยามดีกันทีหลัง”
หลานฮูหยินชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะเป็นไปในทิศทางนี้
นางมาที่นี่เพราะได้ยินแม่นมปู้บอกว่าซิวหวางเฟยมาสู่ขอสุ่ยชิง จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าจะมีความลับบางอย่างที่ตนไม่รู้ซ่อนเร้นอยู่ หรือเพราะลูกชายคนโตแห่งตำหนักอ๋องซิวมีอาการป่วย หรือมีอะไรซ่อนอยู่ ถึงได้มาจับคู่กับหญิงสาวสถานะต่ำต้อยที่ถูกลืมมานานในจวนขุนนาง
แต่หลังจากการพบปะกันครั้งนี้ และได้พบว่านางเป็นผู้มีพระคุณในตอนนั้น และสิ่งที่นางพูดเมื่อสักครู่นี้ก็ชัดเจน ว่ามีจุดประสงค์เพื่อยกระดับสถานะของสองแม่ลูกในครอบครัว
หากนางปฏิเสธก็ไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ
อีกทั้งนางเคยเจอเด็กคนนั้นในตอนนั้นแล้ว เขารูปงามราวรูปปั้นหยกแกะสลัก เฉลียวฉลาด และน่ารักมาก ตอนนั้นนางเอ็นดูเขามาก
แต่การแต่งงานของสุ่ยชิง… นางยังคงต้องเคารพความคิดเห็นของลูก
หลานฮูหยินคิดได้ดังนั้นก็หันหน้าไปมองหลานสุ่ยชิง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอกาสในการหลุดพ้นจากจวนหลานมาถึงแล้วสุ่ยชิง เหลือแค่จะรับหรือไม่รับเท่านั้นแหละ
ไหหม่า(海馬)