อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 48 อวี้ชิงลั่วจากไปด้วยความโกรธเคือง
ตอนพิเศษ 48 อวี้ชิงลั่วจากไปด้วยความโกรธเคือง
ตอนพิเศษ 48 อวี้ชิงลั่วจากไปด้วยความโกรธเคือง
หลานสุ่ยชิงก็รู้สึกเช่นเดียวกับนาง นางไม่รู้จะพูดเรื่องนี้อย่างไร
ซิวหวางเฟยเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ ว่าอยากให้นางกับซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวแต่งงานกัน ถ้านางปฏิเสธ มันจะไม่เป็นการหักหน้าซิวหวางเฟยหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงว่าซิวหวางเฟยพูดเช่นนี้ก็เพื่อช่วยพวกนาง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเหลวไหล แต่นางก็ไม่อาจหักหน้าผู้มีพระคุณได้
แต่ถ้ายอมรับว่าสิ่งที่ซิวหวางเฟยพูดเป็นความจริง และปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ ก็จะทำให้คนคิดว่าแม่ของนางเป็นคนไม่รักษาคำพูดไม่ใช่หรือ?
นี่แหละคือ… ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลานสุ่ยชิงกังวลอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
อวี้ชิงลั่วดื่มชาอย่างใจเย็น เมื่อเหลือบมองหน้าคนในห้องนี้จากหางตา นางก็พบว่ามันน่าสนใจมาก
หงเย่ที่อยู่ข้างนางอดไม่ได้ที่จะกลอกตา ความร้ายกาจของหวางเฟยยังคงเหมือนเดิมมานานหลายทศวรรษแล้ว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเห็นใจลูกสาวคนโตของตระกูลหลานขึ้นมาเล็กน้อย หากนางแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว ก็ไม่รู้ว่านางจะถูกหวางเฟย ‘เล่น’ อย่างไรบ้าง
ท้ายที่สุดในตำหนักอ๋องซิว ไม่ว่าจะเป็นหนานหนาน เนี่ยนเนี่ยนหรือเป่ยเป่ย ต่างก็โตกันหมดแล้ว หวางเฟยจึงไม่สามารถเล่นพวกเขาเหมือนตอนเด็กได้อีกต่อไป จึงคาดว่าความร้ายกาจนั้นคงจะถูกส่งต่อไปที่หลานสุ่ยชิงผู้น่าสงสารแทน
“เฮ้อ…” เมื่อทั้งห้องโถงเงียบลง ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังมาจากข้างนอก ตามมาด้วยร่างสง่างามที่เดินนวยนาดเข้ามา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นและเห็นเนี่ยนเนี่ยนยืนอยู่ข้างประตู นางพิงกรอบประตูมองดูสถานการณ์ภายในประตู
“ท่านแม่ ท่านพูดได้อย่างไรว่าการแต่งงานครั้งสำคัญนี้ ตกลงกันสำเร็จแล้ว? แม้ว่าสุ่ยชิงกับพี่ใหญ่จะเคยเป็นดั่งคู่หมั้นหมายกันเมื่อหลายปีก่อน แต่ตำหนักอ๋องซิวของเราก็เปิดกว้างเสมอ เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ทั้งสองยังไม่รู้จักกันดีนัก ควรให้ทั้งสองฝ่ายได้พบปะทำความรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้นก่อนเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วเอียงคอ ก่อนจะเท้าคางเลิกคิ้วขึ้นเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้ม “เนี่ยนเนี่ยน สิ่งสำคัญแรกที่ต้องทำเมื่อเจอแม่คืออะไร?”
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจเย็นชา ก่อนเดินเข้าไปข้างในและกวาดสายตามองหน้าคนในห้อง
หลังจากที่นางพูดประโยคนั้นจบ สีหน้าของทุกคนก็แตกต่างกันมาก
หลานสุ่ยชิงตาเป็นประกาย หลังจากฟังคำพูดของเนี่ยนเนี่ยนแล้วก็รู้สึกเห็นด้วย นางไม่รู้จักซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิว นางไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้นหากนางเจรจากับซื่อจื่อ ก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาถอนตัวจากการแต่งงานครั้งนี้ได้ ลูกชายคนโตของตำหนักอ๋องซิวจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบด้วย
เมื่อครู่นี้รองเจ้ากรมหลานกับไท่ฮูหยินได้รับการยืนยันตัวตนของหลานสุ่ยชิงแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรไปชั่วขณะ สำหรับพวกเขานั้น ความเข้าใจผิดที่ยาวนานกว่าสิบปีนั้น ซับซ้อนกว่าเรื่องตำหนักอ๋องซิวมาสู่ขอ มันทำให้พวกเขารู้สึกสับสนกว่ามาก
หลานสุ่ยหยวน หลานสุ่ยเถียนและจินซื่อที่อยู่ด้านข้างตาเป็นประกายทันที ใช่แล้ว มันผ่านมากว่าสิบปีแล้ว ซื่อจื่อองค์นั้นคงไม่ได้สนใจหลานสุ่ยชิงแล้ว ต่อให้พวกเขาจะได้พบกัน แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้การแต่งงานครั้งนี้เปลี่ยนแปลงได้ พูดง่าย ๆ คือพวกนางจะไม่ปล่อยให้หลานสุ่ยชิงได้แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวแน่นอน
เนี่ยนเนี่ยนวิเคราะห์สีหน้าของทุกคนได้อย่างแตกฉาน หางตาของนางฉายแววเหยียดหยามรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
นางค่อย ๆ เดินไปอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด ก็ตอบอย่างกระสับกระส่ายว่า “วันนี้ข้าอารมณ์เสีย ข้าจึงไม่ถวายบังคมท่านแม่เจ้าค่ะ”
“อารมณ์เสียงั้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วมองนางด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดเจ้าถึงอารมณ์เสีย? เจ้าบอกว่าสุ่ยชิงเป็นเพื่อนของเจ้าไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงอารมณ์เสียเมื่อมาหานาง?”
“ตอนแรกก็ดีอยู่หรอกเพคะ แต่เมื่อเช้ามีคนมาขวางข้าไว้ โดยบอกว่าข้าเก่งมากที่ประจบประแจงจวิ้นจู่จิ่นซิ่วจนได้ดีและสามารถเข้าไปกินดื่มได้ทุกที่ บอกว่าในเมื่อข้าประจบสอพลอเก่ง เหตุใดข้าจึงไม่ไปเสนอหน้ากับจวิ้นจู่ให้มากกว่านี้ ด้วยรูปโฉมอันงดงามของข้า บางทีจวิ้นจู่จิ่นซิ่วอาจจะไปเข้าเฝ้าเพื่อเป่าหูฮ่องเต้ และให้ข้าเข้าวังในฐานะนางสนมก็ได้ไม่ใช่หรือ?
หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนหน้าซีดทันที พวกนางวิตกกังวลจนไม่รู้จะวางมือวางเท้าอย่างไร
แต่เนี่ยนเนี่ยนกลับยิ้มหวานขึ้น แล้วพูดต่อไปว่า “พวกนางยังบอกอีกว่าด้วยสถานะของข้า ที่บ้านคงจะไม่ได้สั่งสอนเรื่องมารยาทความไร้ยางอายและที่ต่ำที่สูงให้ พูดไปก็คงเปล่าประโยชน์ ท่านแม่ ที่ตำหนักเราไม่มีใครสอนข้าให้รู้จักมารยาท ความไร้ยางอายและที่ต่ำที่สูงให้เลยหรือเจ้าคะ? ถ้าแม่นมเซียวได้ยินเรื่องนี้คงเสียใจมากเป็นแน่เจ้าค่ะ”
คราวนี้แม้แต่สีหน้าของไท่ฮูหยินก็เปลี่ยนไป นางไม่คาดคิดว่าหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวจะพูดถ้อยคำเช่นนี้ พวกนางบังอาจตำหนิตำหนักอ๋องซิว
แน่นอนว่าสีหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนไปทันที นางตบโต๊ะดังลั่น แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ผู้ใดเอ่ยวาจาเช่นนั้น? กล้าดีอย่างไรมาว่าตำหนักอ๋องซิวของพวกเรา? ไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้วหรือ?”
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนไม่อาจแบกรับแรงกดดันได้อีกต่อไป จึงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยเสียงอันดัง แล้วคำนับร้องขอความเมตตา “หวางเฟยโปรดอภัยเพคะ เป็น เป็นเราสองพี่น้องเอง ที่ทำให้จวิ้นจู่เนี่ยนเนี่ยนไม่พอใจโดยไม่มีเหตุผล พวกเราสมควรตาย หวางเฟยโปรดอภัยด้วยเถิดเพคะ”
“พวกเจ้าหรือ?” อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนทันที แล้วชี้ไปที่พวกนางด้วยนิ้วที่สั่นเทา “พวกเจ้าช่างบังอาจนัก เจ้าอยากบอกข้าหรือไม่ว่าตำหนักอ๋องซิวของข้าเป็นอย่างไร? พวกเจ้าเป็นอะไร? ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าพวกเจ้าค่อนข้างมีมารยาทดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำตัวเสแสร้งต่อหน้าข้า แต่กลับรังแกลูกสาวข้าลับหลัง พวกเจ้าสมควรตายจริง ๆ”
ไท่ฮูหยินตกใจกลัว รีบวิงวอนขอความเมตตา “หวางเฟยโปรดอภัยเพคะ พวกนางทั้งสองไม่รู้จักตัวตนจวิ้นจู่น้อย จึงพูดจาหยาบคายเช่นนั้น เป็นความผิดของข้าเองเพคะ ต่อไปข้าจะต้องอบรมสั่งสอนพวกนางให้ดีเพคะ”
“อบรมสั่งสอนหรือ?” อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “ข้าไม่กล้าบังอาจหรอก การอบรมในจวนหลานของเจ้านั้นดีมากอยู่แล้ว ยังต้องอบรมกันใหม่อีกหรือ?”
“หวางเฟยโปรดอภัย หวางเฟยโปรดอภัยด้วย…”
“ฮึ่ม ถ้าไม่รู้ตัวตนของเนี่ยนเนี่ยน แล้วเหตุใดต้องพาครอบครัวนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย? เนี่ยนเนี่ยนทำอะไรให้พวกเจ้าต้องดูถูกนางเช่นนี้? ความจริงตอนนี้ข้าโมโหมาก” อวี้ชิงลั่วพูด ก่อนจะปัดถ้วยชาออกจากโต๊ะ
เสียงเครื่องกระเบื้องแตกดังเปรื่อง ทั้งห้องดั่งถูกปกคลุมไปด้วยโทสะของอวี้ชิงลั่ว
ทุกคนไม่กล้าพูดอีกต่อไป แต่อวี้ชิงลั่วกลับคิดว่ายังไม่พอ นางคว้ามือเนี่ยนเนี่ยนเดินออกไปที่ประตู “บอกว่าเนี่ยนเนี่ยนไม่รู้เรื่องมารยาทในครอบครัวของเรางั้นหรือ? ได้ ได้เลย ข้าจะไปถามท่านอ๋องของเรา จะไปถามฝ่าบาท และจะเชิญพวกเขาให้มาตัดสินเนี่ยนเนี่ยน”
พูดแล้วทั้งสองก็รีบออกไป
หงเย่มีสีหน้าหมดคำจะพูด แต่นางก็เดินตามออกไปด้วยความอ่อนน้อม
ทุกคนในห้องตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็อ้าปากค้าง ให้ท่านอ๋องและฝ่าบาทตัดสินใจงั้นหรือ? คนสองคนที่มีสถานะสูงสุดในอาณาจักรเฟิงชาง… พวกเขาจะกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจได้อย่างไร
ไท่ฮูหยินรู้สึกวิงเวียนอยู่ชั่วขณะ และเกือบจะล้มลงกับพื้น
รองเจ้ากรมหลานรีบตามออกไป “หวางเฟยประเดี๋ยวก่อน หวางเฟยประเดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ…”
แต่อวี้ชิงลั่วหาได้หยุดไม่ นางสั่งให้หงเย่ขวางเขาไว้ แล้วเดินออกจากจวนหลานไป
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชักศึกเข้าบ้านแล้วยัยสองพี่น้อง เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับจวิ้นจู่แห่งตำหนักอ๋องซิว โดนโทษหนักแน่ ไม่ตายก็คางเหลือง
ไหหม่า(海馬)