อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 50 สามจินซื่อรับโทษทัณฑ์
ตอนพิเศษ 50 สามจินซื่อรับโทษทัณฑ์
ตอนพิเศษ 50 สามจินซื่อรับโทษทัณฑ์
ไท่ฮูหยินผู้ใจดี อ่อนโยน และช่างพูดไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว จากนั้นได้ยินไท่ฮูหยินกระแอมเบา ๆ แล้วพูดกับนางอย่างอ่อนแรงว่า “มานี่สิ มาให้ย่าดูให้ชัด ๆ หน่อย”
ย่างั้นหรือ? หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
จินซื่อ หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? แม้แต่ไท่ฮูหยินก็ยอมรับตัวตนของหลานสุ่ยชิงหรือ? อีกทั้งยังใจดีกับนางด้วย
หลานสุ่ยชิงไม่อยากไป แต่อู๋ซื่อลูบหลังมือของนางเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “ไปเถิด”
จากนั้นหลานสุ่ยชิงก็เม้มปาก ก่อนตอบรับเบา ๆ จากนั้นบอกแม่นมหูให้ช่วยพาอู๋ซื่อกลับไป แล้วเดินไปหาไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้เล็กน้อย ก่อนจับมือหลานสุ่ยชิงไว้ ขณะพินิจพิจารณานางอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็เอ่ยละล่ำละลัก “สุ่ยชิง มันเป็นความผิดของย่าเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาย่าเข้าใจเจ้ากับแม่ของเจ้าผิดไป มันเป็นความผิดของย่าเอง คิ้วกับตาเจ้าเหมือนพ่อเจ้ามาก ใจย่าถูกครอบงำจนมืดบอดไร้มโนธรรม จนไม่แม้แต่จะเหลียวแลเจ้าด้วยซ้ำ”
มือนุ่มนวลและแข็งแรงจับนิ้วที่ค่อนข้างหยาบกระด้างของหลานสุ่ยชิงไว้ เมื่อเปรียบเทียบกันก็รู้สึกว่าช่างแตกต่างยิ่งนัก
หลานสุ่ยชิงหลุบตาลง แล้วพูดด้วยเสียงเบา “ไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ”
“จะไม่ผิดได้อย่างไร?” ไท่ฮูหยินขึ้นเสียงเล็กน้อย นางจับมือของหลานสุ่ยชิงไว้ แล้วลูบไล้อย่างอ่อนโยน “พวกเราเคยถูกนางเสี่ยวจิ้งนั่นหลอกลวง เจ้าคือหลานสาวแท้ ๆ ของย่า ย่า…”
หลานสุ่ยชิงนึกเย้ยหยันในใจ แต่ไม่อยากจะพูดอะไร
เมื่อเห็นดังนั้น ไท่ฮูหยินก็ไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี รอยยิ้มของนางฝืดเฝื่อนเล็กน้อย
ปกติลูกหลานที่อยู่รอบกายนางล้วนแต่เป็นคนแบบหลานสุ่ยหยวนและจินซื่อ ที่มักจะใช้ถ้อยคำอ่อนหวานประจบสอพลอนาง ตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากที่นางจะก้มหน้าขอโทษหลานสาวตัวเอง เมื่อเห็นว่าหลานสุ่ยชิงไม่เห็นคุณค่า ไท่ฮูหยินจึงรู้สึกเสียหน้าและไม่พอใจเล็กน้อย
แต่เมื่อนึกถึงทัศนคติของซิวหวางเฟย ที่มีต่อหลานสุ่ยชิงและอู๋ซื่อในตอนนี้ ก็เกรงว่าคงต้องพึ่งพานางเพื่อทำให้ซิวหวางเฟยสงบสติอารมณ์ ไท่ฮูหยินจึงทำได้เพียงข่มความอัดอั้นไว้ในอก แล้วพูดกับนางอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่ากังวล คราวหน้าถ้ามีเรื่องขุ่นข้องหมองใจในอนาคตก็บอกย่าได้ แล้วย่าจะเป็นคนช่วยตัดสินใจให้เอง ตอนนี้ย่ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลาน และเป็นหลานสาวของย่า ดังนั้นย่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าถูกรังแกอีก”
นางพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองแม่นมซ่ง แล้วสั่งว่า “เจ้าไปจัดการให้ลูกสาวคนโตย้ายไปที่เรือนสุ่ยสี นางเป็นลูกสาวที่แท้จริงของจวนหลานของเรา เราจึงไม่อาจปล่อยให้นางอยู่ในสถานที่เช่นนั้นต่อไปได้”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว ไท่ฮูหยินรีบพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กกตัญญู ถึงได้อยากอยู่เรือนที่ใกล้กับแม่ของเจ้า เพื่อจะได้คอยดูแลได้ง่าย แต่เจ้าไม่อาจอยู่ที่นั่นได้ตลอดเวลาใช่หรือไม่? ก่อนหน้านี้แม่ของเจ้ามีสุขภาพไม่ค่อยดี จึงต้องอาศัยอยู่ในที่เงียบสงบและสะดวกต่อการพักฟื้น แต่ย่าเห็นว่าวันนี้แม่ของเจ้าสุขภาพดีขึ้นมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้แม่ของเจ้าย้ายไปอยู่ที่สวนหลานที่อยู่ข้างเรือนสุ่ยสี เจ้าสองแม่ลูกจะได้อยู่ใกล้กัน ดีหรือไม่?”
ใบหน้าของจินซื่อและหลานสุ่ยหยวนบูดบึ้งยิ่งนัก เรือนสุ่ยสีและสวนหลานเป็นเรือนที่ดีที่สุดในจวนหลาน ไท่ฮูหยินสร้างสวนหลานไว้เพื่ออยู่เอง แต่มันค่อนข้างอยู่ห่างไกล นางแก่ชราแล้วจึงไม่สะดวกที่จะไปอยู่ เรือนใหญ่หลังนั้นจึงยังคงว่างเปล่า
จินซื่อหมายปองเรือนหลังนั้นมานานแล้ว แต่ไท่ฮูหยินยังไม่เต็มใจจะให้ นางจึงปล่อยให้มันว่างอยู่ แต่ก็มีคนคอยไปทำความสะอาดทุกวัน
บัดนี้สถานที่ดังกล่าวตกเป็นของหลานฮูหยินและหลานสุ่ยชิงแล้วงั้นหรือ?
จินซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนปวดฟัน ภายในเวลาแค่ครึ่งวัน นางไม่คาดคิดเลยว่าสถานะของหลานสุ่ยชิงจะก้าวกระโดดไปจนถึงจุดสูงสุดได้ แล้วนางจะพอใจได้อย่างไร?
เดิมทีหลานสุ่ยชิงอยากจะปฏิเสธ เพราะนางใช้ชีวิตในเรือนหลังปัจจุบันได้สบายอยู่แล้ว แม้ว่ามันจะเล็กไปหน่อย แต่ก็สะอาดมาก
แต่เมื่อนางหันไปเห็นใบหน้าของจินซื่อและลูกสาว นางก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทันที แล้วส่งยิ้มให้ไท่ฮูหยิน “ดีเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านย่า”
ไท่ฮูหยินน้ำตาไหล “เด็กดี แค่เจ้าชอบก็ดีแล้ว แค่เจ้าชอบก็ดีแล้ว”
จากนั้นนางก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยความลำบากใจว่า “สุ่ยชิงเอ๋ย ซิวหวางเฟยดูเหมือนจะโปรดปรานเจ้ามาก แต่เจ้าก็รู้ว่าน้องสาวไร้ประโยชน์ทั้งสองของเจ้า ทำให้จวิ้นจู่น้อยขุ่นเคือง เจ้ากับจวิ้นจู่น้อยเป็นสหายที่ดีต่อกัน เจ้าคิดว่าเจ้าพอจะคุยกับจวิ้นจู่น้อยได้หรือไม่? เพราะหากเรื่องนี้ไปถึงฮ่องเต้ ทั้งจวนหลานของเราจะต้องเดือดร้อน เจ้ากับแม่ของเจ้าก็เป็นคุณหนูและฮูหยินของจวนหลาน จึงไม่อาจนั่งดูจวนหลานเดือดร้อนอยู่เฉย ๆ ได้”
ร่องรอยของความรู้ทันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลานสุ่ยชิง แน่นอนว่าทัศนคติที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ย่อมเป็นเพราะเรื่องขอโทษหวางเฟย
นางรู้สึกร้อนใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะทนต่อไปได้นานเพียงใด ไม่คิดบ้างหรือว่าการพูดแบบนี้ในตอนนี้มันค่อนข้างไร้ยางอายเกินไป?
หลานสุ่ยชิงไม่ได้พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ไท่ฮูหยินจึงเริ่มกังวลมากกว่าเดิม นางเริ่มรู้สึกปวดหัวตื้อ ๆ จึงรีบบีบมือของหลานสุ่ยชิง แล้วพูดว่า “สุ่ยชิง ย่าทำอะไรไม่ได้เลย ถ้ารักษาตำแหน่งขุนนางของพ่อเจ้าไว้ไม่ได้ ชีวิตในอนาคตของเจ้ากับแม่ของเจ้าก็จะไม่มีหลักประกันอีกต่อไป”
หลานสุ่ยชิงยังคงก้มหน้าลง หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ท่านย่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย จวนหลานเป็นบ้านของข้า ข้าย่อมหวังว่าจะยังอยู่อย่างปลอดภัย แต่ท่านก็รู้ว่าเหตุใดซิวหวางเฟยถึงอารมณ์เสียได้ถึงเพียงนี้ ทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ หากสาเหตุนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยนเนี่ยนกับข้าจะดีเพียงใด มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ ยิ่งกว่านั้นคือข้าเพิ่งรู้จักเนี่ยนเนี่ยนได้ไม่กี่วัน นางอาจจะมองหน้าข้าไม่ติดแล้วก็ได้ หากท่านต้องการทำให้ซิวหวางเฟยสงบลง ท่านก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดออกทันที
ใช่แล้ว ซิวหวางเฟยโกรธเพราะหลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนทำให้จวิ้นจู่น้อยอับอาย คิดดูแล้วตัวต้นเหตุก็คือพวกนางสองคน
คิดได้ดังนั้น สายตาของไท่ฮูหยินก็หันไปจ้องหลานสุ่ยหยวนและอีกสองคน
หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนไม่เคยเห็นไท่ฮูหยินมองพวกนางด้วยสายตารังเกียจเช่นนี้ ก็พากันลนลานอยู่พักหนึ่ง แล้วรีบพูดว่า “ท่านย่า ทั้งหมดเป็นแผนการของหลานสุ่ยชิงเจ้าค่ะ ท่านย่า ท่านลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ หลานสุ่ยชิงเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย นางเคยใส่ร้ายเรามาก่อน แต่ตอนนี้นางมีคนหนุนหลังแล้ว จึงเริ่มจัดการกับพวกเราหนักข้อขึ้น ท่านย่า เห็นได้ชัดว่านางสมรู้ร่วมคิดกับเนี่ยนเนี่ยน เห็นได้ชัดว่าเป็นนาง”
หลานสุ่ยชิงหัวเราะเยาะ พวกนางยังใช้วิธีฟ้องเหมือนที่เคยทำมาตลอด
แต่ทั้งสองคนลืมไปแล้วว่าไท่ฮูหยินเคยไม่ชอบนางเพราะคิดว่านางไม่ใช่สายเลือดของตระกูลหลาน นางจึงหูเบาจนเชื่อคำพูดของพวกนาง แต่ตอนนี้… ตัวตนของนางได้รับการยืนยันแล้ว และไท่ฮูหยินก็กำลังโกรธพวกนางทั้งสองอยู่ด้วย แล้วจะยังฟังคำของพวกนางอยู่ได้อย่างไร?
เมื่อไท่ฮูหยินเห็นหลานสุ่ยหยวนรีบเข้ามาหา นางก็คว้าข้อมือไว้ทันที แล้วพูดกับแม่นมซ่งว่า “คุณหนูรองและคุณหนูสามทำให้จวิ้นจู่น้อยขุ่นเคือง ให้กักบริเวณเพื่อสำนึกผิดอยู่ในจวนหลาน และลากตัวไปโบยสิบไม้ก่อน”
“เจ้าค่ะ”
จินซื่อตกใจ รีบร้องขอความเมตตา “ไท่ฮูหยิน ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูทั้งสองร่างกายบอบบางและอ่อนโยน หากถูกโบยหนักถึงเพียงนั้นอาจถึงขั้นปางตายเลยนะเจ้าคะ”
“หุบปาก ข้ายังไม่ได้จัดการเจ้า เห็นหรือไม่ว่าเจ้าอบรมสั่งสอนคุณหนูรองและคุณหนูสามอย่างไร? จากวันนี้ไป เจ้ากับน้องสาวของเจ้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่หลังประตู คุกเข่าอยู่แต่ในห้องพระ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้มีชีวิตดีๆ เสียทีนะสุ่ยชิง ปล่อยให้จินซื่อกับลูกๆ รับกรรมที่เคยก่อไป
ไหหม่า(海馬)