อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 51 สาแก่ใจนัก
ตอนพิเศษ 51 สาแก่ใจนัก
ตอนพิเศษ 51 สาแก่ใจนัก
จินซื่อพลันทรุดลงกับพื้น ให้กักตัวอยู่ที่ห้องพระหนึ่งเดือนงั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร?
บัดนี้ไท่ฮูหยินรับรู้ความเป็นมาของหลานสุ่ยชิงแล้ว หญิงคนนี้เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ หากนางไม่อยู่ที่นี่ถึงหนึ่งเดือน ก็ไม่รู้ว่านางจะทำเรื่องใดออกมาได้บ้าง นี่มัน…..
จินซื่อหันหน้ากลับมามองหลานสุ่ยชิง อีกฝ่ายมองนางด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หัวใจของจินซื่อเต้นไม่เป็นส่ำ รีบร้อนโขกศีรษะให้ไท่ฮูหยิน “ไท่ฮูหยิน ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เป็นข้าที่ไม่ได้อบรมสั่งสอนพวกนางสองพี่น้องให้ดี ข้ายินดีรับการลงโทษ แต่ว่าพวกเขาสองพี่น้องเป็นหลานแท้ ๆ ของท่าน ท่านทำใจตีพวกเขาถึงสิบไม้ได้เชียวหรือ? หากบาดเจ็บขึ้นมา ต่อไปข้าจะทำอย่างไร? ไท่ฮูหยิน ข้าไม่กล้าร้องขอให้ท่านปล่อยพวกเขา เพียงแต่การลงโทษนี้ สามารถเบาลงหน่อยได้หรือไม่?”
ไท่ฮูหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าปรากฎความลังเลใจ
สายตาของจินซื่อสว่างวาบขึ้นมา นางอยู่ข้างกายไท่ฮูหยินมานานหลายปี สัมผัสอารมณ์อ่อนไหวของนางอย่างชัดเจน
“ไท่ฮูหยิน เห็นแก่ที่พวกเขามีใจพากเพียรกตัญญูต่อท่านหลายปีมานี้ ลงโทษเล็กน้อย ให้พวกเขาได้รับบทเรียน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“ท่านย่า ท่านให้อภัยพวกเราเถิดเจ้าค่ะ” หลานสุ่ยหยวนคุกเข่าลงแล้วคลานเข้าไปใกล้ ๆ เอ่ยขึ้นพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “พวกเรารู้ว่าพวกเราผิดไปแล้ว ภายหน้าจะไม่ทำอีก หลายปีมานี้ท่านย่ารักใคร่เอ็นดูพวกเรา พวกเราไม่เคยได้สัมผัสความเจ็บปวดแม้แต่น้อย หากจู่ ๆ ก็ถูกตีถึงสิบไม้ จะต้องเจ็บจนตายแน่ ๆ เลยนะเจ้าคะ”
หลานสุ่ยชิงนั่งอยู่ด้านข้าง เมื่อครู่หลานสุ่ยหยวนเข้ามาใกล้ ยังชนนางเข้าจัง ๆ หนึ่งที
เอาจริงหรือ ถึงตอนนี้แล้ว นางยังจะทำตัวเช่นนี้อีก
ถึงแม้จะเห็นคนร้องห่มร้องไห้ น้ำเสียงของหลานสุ่ยชิงยังคงนิ่งขรึมดังเดิม “นั่นสิ ท่านย่าเจ้าคะ ตีสิบไม้หนักเกินไปจริง ๆ ข้าว่ามิสู้ให้พวกนางคัดลอกสุภาษิตสอนหญิงเถิดเจ้าค่ะ คราก่อนข้ากระทำความผิด ก็คัดลอกสุภาษิตสอนหญิงเช่นกัน ในตอนที่เนี่ยนเนี่ยนเห็น ยังหัวร่อข้าอยู่เลย บอกว่าออกจากจวนโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านย่าเพียงแค่ลงโทษให้ข้าคัดลอกสุภาษิตสอนหญิงถือว่าเบาแล้ว ไม่ให้ข้าเกียจคร้าน บางทีเนี่ยนเนี่ยนอาจจะพอใจกับการลงโทษเช่นนี้นะเจ้าคะ ถึงตอนนั้นท่านย่าส่งสุภาษิตสอนหญิงที่น้องรองและน้องสามคัดลอกไปที่ตำหนักอ๋องซิว หวางเฟยจะต้องเข้าใจความจริงใจของท่านย่าเป็นแน่เจ้าค่ะ”
สีหน้าของไท่ฮูหยินแปรเปลี่ยนฉับพลัน ทันใดนั้นนางก็ตะโกนบอกแม่นมซ่ง “ยังมัวรออันใดอยู่? ปล่อยให้คนอยู่ที่นี่อีก สิบไม้ก็คือสิบไม้ โบยให้หนัก อย่าได้ขาดแม้แต่ไม้เดียว พวกเขาจะได้ไม่ก่อเรื่องไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้อีก”
หลานสุ่ยหยวนและน้องสาวร้องไห้โฮออกมาทันที “ท่านย่าไว้ชีวิตข้าเถอะ ท่านย่า…..”
เพียงแต่แม่นมซ่งไม่กล่าล่าช้าอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงหาบ่าวรับใช้หน่วยก้านดีสองสามคนมาลากทั้งสองคนออกไป
จินซื่อคิดจะร้องขอความเมตตา กลับถูกไท่ฮูหยินปรายตามอง “เจ้าคิดว่าสิบไม้เบาเกินไปหรือ? หากคิดอยากจะพูดอะไรล่ะก็ เช่นนั้นก็เพิ่มอีกสิบไม้”
จินซื่อหุบปากทันที ทว่าเมื่อนางหันกลับไป สายตาของนางก็จ้องมองหลานสุ่ยชิงอย่างเคียดแค้น
หลานสุ่ยชิงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วหัวเราะออกมา มาโกรธนางเอาตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? การโต้กลับของนาง นับแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเริ่มขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่ปล่อยให้นางได้หยุดหายใจเชียวล่ะ
ปีนั้นที่มารดาของนางล้มป่วย ต้องทุกข์ระทมและเจ็บปวดนานหลายปีเพียงนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนาง
บัดนี้ ถึงเวลาที่นางควรลงมือแล้ว
ไท่ฮูหยินสะบัดมือให้จินซื่อออกไป
สีหน้าของจินซื่อเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ทว่าเมื่อนางได้ยินเสียงลูกสาวร้องเรียกจากข้างนอก จึงยอมถอยออกไป
กระทั่งในห้องเหลือเพียงไท่ฮูหยินและหลานสุ่ยชิง ไท่ฮูหยินถึงได้คว้ามือนางเข้ามากุม กระซิบแผ่วเบา “ตอนนี้สุ่ยหยวนและสุ่ยเถียนก็ถูกทำโทษแล้ว สุ่ยชิง เมื่อไหร่เจ้าจะไปพูดคุยกับหวางเฟยท่านอ๋องซิวและองค์หญิงเล็ก บอกพวกเขาว่าจวนหลานเราได้สั่งสอนคนที่พูดจาไร้มารยาทแล้ว ไม่มีเจตนาที่จะดูถูกเหยียดหยามตำหนักอ๋องซิวอย่างแน่นอน”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า คิดแค่เพียงว่าเสียงกรีดร้องด้านนอกนั่นช่างไพเราะเสนาะหูเหลือเกิน
นางกล่าวยิ้ม ๆ “ท่านย่าวางใจ ข้าจะต้องบอกเนี่ยนเนี่ยนแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้หวางเฟยท่านอ๋องซิวและเนี่ยนเนี่ยนกำลังโกรธ หากรีบร้อนไปตอนนี้ นอกจากจะไม่เป็นผลดีแล้ว รังแต่จะทำให้พวกเขารังเกียจ ความโกรธที่อยู่ในใจมีแต่จะหยั่งลึกยิ่งกว่าเดิมนะเจ้าคะ”
ไท่ฮูหยินขมวดคิ้ว หลานสุ่ยชิงจึงกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม เนี่ยนเนี่ยนสัญญากับข้าไว้ว่าพรุ่งนี้นางจะมาจวนหลานเพื่อติดตามอาการของท่านแม่ เนี่ยนเนี่ยนเป็นคนที่เชื่อถือได้ ถึงแม้วันนี้นางจะอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่สิ่งที่นางกล่าวออกมาแล้วจะต้องทำตามอย่างแน่นอน รอให้วันพรุ่งนางมา ข้าจะต้องพูดกับนางเป็นแน่ อีกอย่างข้าได้ยินเนี่ยนเนี่ยนเคยบอกไว้ว่า สองวันนี้หวางเฟยท่านอ๋องซิวไปเฟิงเฉิง ไม่อยู่เมืองหลวงเป็นการชั่วคราว เรื่องวันนี้คงยังไม่ถึงหูท่านอ๋องซิวในระยะสั้น ๆ นี้ ทางด้านฝ่าบาท ภายหน้ารองเจ้ากรมราชทัณฑ์ย่อมไม่ด่วนตัดสินใจ ท่านย่าไม่ต้องกังวล ข้าเป็นลูกหลานของสกุลหลาน ย่อมต้องคิดคำนึงเพื่อสกุลหลาน”
ไท่ฮูหยินเผยอปาก ละล้าละลังที่จะเอ่ย อยากให้นางวิ่งไปตำหนักอ๋องซิวเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรบีบเค้นหนักเกินไป อีกทั้งนางยังเชื่อว่าหลานสุ่ยชิงจะไม่ทำให้จวนหลานตกอยู่ในอันตราย
ถึงแม้นางจะมีความคับข้องใจอยู่ภายในใจมากเพียงใด เพื่อท่านแม่คนนั้นของนางแล้ว นางย่อมไม่อาจไม่สนใจใยดี
คิดเช่นนี้แล้ว ไท่ฮูหยินจึงทำได้เพียงพยักหน้า เอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “ที่เจ้าพูดก็ถูก ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักผ่อนเสียก่อน เก็บเรี่ยวเก็บแรงเอาไว้ พรุ่งนี้ก็พูดคุยกับจวิ้นจู่น้อยให้ดี”
“เจ้าค่ะ” หลานสุ่ยชิงลุกขึ้น พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นจึงเยื้องย่างออกจากห้องไท่ฮูหยิน
เสียงของไม้กระดานด้านนอกยังไม่มีทีท่าจะหยุดลง นางยืนอยู่ภายในเรือน เอ่ยถามแม่นมซ่งที่อยู่ข้าง ๆ “ยังเหลืออีกกี่ไม้?”
“เรียนคุณหนูใหญ่ พึ่งตีไปแปดไม้เจ้าค่ะ” แม่นางซ่งคราวนี้ตอบอย่างนอบน้อม ไม่กล้าผิดพลาดแม้แต่น้อย
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า แย้มยิ้มมองหลานสุ่ยหยวนและน้องสาวที่ร่างกายชุ่มโชกด้วยเหงื่อ สีหน้าซีดเผือด เจ็บปวดเสียจนเอ่ยปากออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว แล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ “น้องสาวทั้งสองคงได้รับบทเรียนแล้ว ภายหน้าก็อย่าได้เปิดปากเอ่ยคำพูดยโสโอหังออกมาอีก มิเช่นนั้นจะมิใช่เป็นการนำหายนะมาสู่สกุลหลานหรอกหรือ?”
หลานสุ่ยหยวนลืมตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจขึ้นมา แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา อยากพูด อยากก่นด่านาง แม้กระทั่งอยากใช้มือขีดข่วนใบหน้าของนาง ทว่านางในตอนนี้ไม่อาจทำอะไรได้เลย ความเจ็บปวดแพร่กระจายไปทั่วทุกส่วนบนร่างกายของนาง ทำให้นางอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
ตั้งแต่เล็กจนโต มีเพียงหลานสุ่ยชิงเท่านั้นที่ถูกตี ถูกด่าทอ ถูกทรมานสารพัด ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งล้วนกลับตาลปัตรไปหมดสิ้น ทั้งยังต้องรับโทษร้ายแรงถึงเพียงนี้ จะให้นางยอมรับได้อย่างไร?
หลานสุ่ยชิงยิ้มจนตาหยี หัวเราะคิกคักเบา ๆ จากนั้นนำเยียนจือออกจากเรือนโยวหราน
“คุณหนู วันนี้ช่างสาแก่ใจจริง ๆ นะเจ้าคะ” เยียนจือเดินไปพลางตื่นเต้นไปพลาง นางรอคอยวันนี้มานานแล้ว “ดังคาด คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี คำพูดนี้เป็นสัจธรรมจริง ๆ นะเจ้าคะ”
หลานสุ่ยชิงยิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด ใช่แล้ว นางรอคอยให้วันนี้มาถึง อีกทั้งรอมาเนิ่นนานแล้ว
ทั้งสองคนอารมณ์ดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเดินมาถึงสวนดอกไม้ ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากข้างหลังภูเขาเทียม
เยียนจือตะลึงพรึงเพริด นางยื่นมือออกมาบังหน้าหลานสุ่ยชิงโดยสัญชาตญาณ จ้องมองร่างตรงหน้าสีหน้าถมึงทึง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฟาดให้หนักๆ หลังเดี้ยงเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เลยนะคะ จะได้ไม่ไปก่อกวนสุ่ยชิงอีก
ใครมอบมาหากันน่ะ
ไหหม่า(海馬)