อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 55 ถูกทุบตีอย่างหนัก
ตอนพิเศษ 55 ถูกทุบตีอย่างหนัก
ตอนพิเศษ 55 ถูกทุบตีอย่างหนัก
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนสองพี่น้องถูกตามใจตั้งแต่ยังเด็ก มีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เสมอ ชนิดที่ว่าหากพวกนางทำของตกพื้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บของชิ้นนั้นขึ้นมาเอง
แต่ครั้งนี้พวกนางต้องประสบกับความตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เพียงแต่ซิวหวางเฟยมาสู่ขอหลานสุ่ยชิงถึงที่บ้าน นางยังช่วยล้างมลทินชื่อเสียงให้อีกฝ่ายอีกด้วย ทำให้ความยากลำบากของท่านแม่ของพวกนางหลายปีมานี้ต้องสูญเปล่า
บัดนี้ท่านย่าที่รักใคร่พวกนางมาตลอดได้สั่งโบยพวกตนถึงสิบครั้ง และเพื่อแสดงความจริงใจต่อจวิ้นจู่น้อย สิบไม้ที่โบยลงมานั้นก็ไม่ปรานีแม้แต่น้อย
ตอนนี้ทั้งสองคนนอนพังพาบอยู่บนเตียง ทว่าในใจกลับไม่ยินยอมและความไม่พอใจ ตอนนี้หลานสุ่ยเถียนอยู่ในห้องของหลานสุ่ยหยวน ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงนอนพูดคุยอยู่บนเตียงเดียวกัน
เมื่อได้ยินเสียงสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกรายงานเข้ามา สายตาของทั้งสองคนเป็นประกายขึ้นมาทันที ยกมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตนเอง จากนั้นเอ่ย “ให้นางเข้ามา”
ไม่นาน ร่างบางในชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบของสาวใช้ขั้นสามก็เดินเข้ามา นางคารวะพวกนางอย่างนอบน้อม จากนั้นค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่นางได้ยินมาเบา ๆ
“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ?” หลานสุ่ยหยวนแทบจะลุกขึ้นนั่งด้วยความประหลาดใจ แต่ทันทีที่นางขยับ ร่างกายนางก็เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งตัว ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากข่มความเจ็บปวดลงไป เอนตัวลงนอนอีกครั้ง มองหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาเฉียบคมแล้วเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
“บ่าวชื่ออาตี้เจ้าค่ะ”
“ดีมาก อาตี้ เจ้าคอยจับตามองหลานสุ่ยชิงให้ข้า เจ้าบอกว่าเยียนจือผู้นั้นยังกล่าวอีกว่ามีหลักฐานไม่ใช่หรือ? เจ้าไปคิดหาทางเอาหลักฐานนั้นมาให้เร็วที่สุด ได้ยินหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” อาตี้ก้มหัวลงเล็กน้อย ร่องรอยของความผิดหวังปรากฎบนใบหน้าของนาง นางยังคิดว่าจะมีรางวัลอะไรเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะไม่ได้อะไรเลย แล้วยังต้องยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้อีก
หลานสุ่ยเถียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ได้ยินเสียงของนางแผ่วลง นางจึงกล่าวเสริม “เจ้าวางใจ เมื่อไหร่ที่เจ้าทำงานนี้สำเร็จแล้ว แน่นอนว่าเจ้าจะได้ผลตอบแทนอย่างงามเลยเชียวล่ะ ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้ามาอยู่ข้างกายพวกเรา ให้เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้”
ความยินดีแวบผ่านสีหน้าอาตี้ รีบตอบรับเสียงค่อยทันที “ขอบคุณคุณหนูรองและคุณหนูสามเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยหยวนทำแค่เพียงสะบัดมือ อาตี้จึงถอยออกไปทันที
ทันทีที่นางจากไป ในห้องก็เหลือแค่นางกับหลานสุ่ยเถียนแล้ว
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนหัวเราะร้ายกาจขึ้นมาพร้อมกัน “นึกไม่ถึงว่าหลานสุ่ยชิงจะรนหาที่ตาย นางช่างไร้ยางอายซะจริง ถึงกับลักลอบคบชู้สู่ชาย”
“แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้พวกเรากำลังบาดเจ็บ เหอะ อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกเราจะไม่ได้ทำอะไร นางก็ไม่อาจมีชีวิตที่ดีเช่นกัน ถ้านางปฏิเสธการสู่ขอของตำหนักอ๋องซิวจริง ๆ ซิวหวางเฟยและจวิ้นจู่น้อยผู้นั้นจะต้องจัดการนางแน่ หากนางไม่ปฏิเสธ เช่นนั้นก็ย่อมถึงเวลาตายของนางแล้ว พวกเราเพียงแค่รอให้งานแต่งได้ข้อสรุป เมื่อทุกคนรู้กันหมดแล้ว ค่อยเผยเรื่องอับอายขายขี้หน้าของนางออกมา ดูซิว่านางจะอธิบายอย่างไร?”
“ใช่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาบาดแผลให้หายดี รอชมงิ้วอยู่เงียบ ๆ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันแล้วค่อย ๆ หัวเราะขึ้นมา
ระหว่างที่พวกเขากำลังปรึกษาหารือกัน สาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างนอกก็เข้ามา เอ่ยเสียงเบา “คุณหนูรอง คุณหนูสามเจ้าคะ จวิ้นจู่น้อยจากตำหนักอ๋องซิวมาแล้วเจ้าค่ะ”
เนี่ยนเนี่ยนคนนั้นมาแล้วหรือ?
สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนเป็นรังเกียจในทันที ทว่าพื้นเพของพวกนางสู้คนอื่นเขาไม่ได้ จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ยิ่งพวกนางมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากเท่าใด ภายหน้าแตกคอกัน ความเกลียดชังที่มีต่ออีกฝ่ายก็จะมากขึ้นเท่านั้น พวกนางจะตั้งตารอให้วันนั้นมาถึง
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนมา ไม่เพียงแต่พวกหลานสุ่ยหยวนที่ได้รู้ข่าว แม้กระทั่งทั่วทั้งจวนหลานก็รับรู้ถ้วนทั่วแล้ว บรรยากาศล้วนตึงเครียดไปทุกหนแห่ง
เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานนี้ทุกคนไม่เห็นนางเป็นเรื่องจริงจัง มาวันนี้แต่ละคนทั่วทั้งจวนหลานเห็นนางแล้วก็ล้วนเคารพนบนอบขึ้นมา
โดยเฉพาะไท่ฮูหยิน ที่เดิมทีนอนกระปลกกระเปลี้ยอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินว่านางมาแล้ว ยังต้องขอให้คนช่วยพยุงลุกขึ้นมาทันที แล้วยังไปที่สวนหลานที่อู๋ซื่ออาศัยอยู่ขณะนี้
ถึงแม้เมื่อวานนี้รองเจ้ากรมหลานจะไปที่ตำหนักอ๋องซิวมาแล้ว ทว่าเขากลับไม่ได้พบหน้าซิวหวางเฟย กล่าวคือแม้แต่ประตูก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าไป เขาเดินวนไปวนมาอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ยังต้องคอตกกลับมา
ดังนั้น ไท่ฮูหยินจึงปฏิบัติต่อเนี่ยนเนี่ยนอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
โชคยังดีที่เมื่อมาถึงสวนหลาน ก็เห็นเนี่ยนเนี่ยนมีสีหน้าสงบ ทั้งยังจริงจังกับการตรวจชีพจรติดตามอาการให้อู๋ซื่อ ทว่านางวางใจได้เพียงครึ่งเดียว
รอให้นางเขียนใบสั่งยาให้เสร็จแล้ว ไท่ฮูหยินก็ก้าวออกมาทันที ข่มความวิตกกังวลไว้ข้างใน ในตอนแรกยังคงเป็นห่วงอาการของอู๋ซื่อ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เปิดปากเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ “…..จวิ้นจู่น้อย เป็นเพราะจวนหลานเราไม่อบรมสั่งสอนสตรีไม่ถูกวิธี จึงได้……”
“ไม่ใช่กระมัง” เนี่ยนเนี่ยนเช็ดมือของนาง เอ่ยขัดขึ้นมา “จวนหลานจะอบรมสั่งสอนสตรีไม่ถูกวิธีได้อย่างไร? สุ่ยชิงออกจะดีปานนั้น”
ไท่ฮูหยินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงพยักหน้า เมื่อเห็นนางไม่มีความขุ่นข้องหมองใจต่อหลานสุ่ยชิง ก็พลอยรู้สึกชื่นชมยินดี รีบคล้อยตามทันที “ใช่แล้ว เป็นความผิดของจินซื่อผู้นั้น ปกติมักจะตามใจสุ่ยหยวนสุ่ยเถียนเกินไป จึงทำให้พวกนางไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้ เป็นมารดาสุ่ยชิงสองแม่ลูกนี้เสียอีกที่มีเหตุมีผลและกิริยามารยาทดีงาม เท่านี้ข้าก็สบายใจเล็กน้อยแล้ว แต่จวิ้นจู่น้อยโปรดวางใจ เมื่อวานนี้ข้าสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาเแล้ว จินซื่อไปอยู่ห้องพระทบทวนตนเองหนึ่งเดือน ส่วนสุ่ยหยวนสุ่ยเถียน ข้าก็ให้คนโบยพวกนางสิบไม้”
เนี่ยนเนี่ยนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “ท่านให้คนโบยสิบไม้เชียวหรือ? โธ่ๆ แม่นางที่บอบบางทั้งสองคน ท่านทำได้ลงคอหรือ?”
ไท่ฮูหยินคิดว่านางสงสัยว่าตนแสร้งทำ จึงรีบร้อนกล่าวยืนยัน “เพื่อให้พวกเขาหลาบจำ จะอ่อนข้อให้ได้อย่างไรกันเพคะ? ตอนนั้นสุ่ยชิงก็อยู่เป็นพยานด้วย”
กล่าวจบแล้ว นางก็ขยิบตาให้หลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงหัวเราะออกมา “อืม ตีค่อนข้างหนักทีเดียว ได้ยินว่าวันนี้ยังลุกออกจากเตียงไม่ได้”
ไท่ฮูหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองเนี่ยนเนี่ยนอย่างจริงใจ “ข้าผู้เฒ่ารู้ว่าการเหยียดหยามจวิ้นจู่น้อยเป็นโทษมหันต์ที่ไม่อาจอภัยได้ พวกเราก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เพียงแต่เมื่อวานนี้เห็นหวางเฟยกำลังโมโหโทโส จึงกังวลท่านจะโมโหจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ”
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองไท่ฮูหยินด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำให้ความอับอายวาบผ่านสีหน้าของไท่ฮูหยิน นางจึงส่งสายตาให้หลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงรับคำ อันที่จริงตอนนี้นางอยากถามอาการของท่านแม่มากกว่า
แต่นางรู้จักคิดถึงคนอื่น ดังนั้นจึงหันไปมองเนี่ยนเนี่ยน เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หากเนี่ยนเนี่ยนยังโกรธ เช่นนั้นไปดูน้องรองและน้องสามเป็นอย่างไร?”
ไท่ฮูหยินพยักหน้าทันที นางเชื่อว่าขอแค่จวิ้นจู่น้อยเห็นสภาพน่าอนาถของหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียน นางคงหายโกรธ
เนี่ยนเนี่ยนส่ายหน้าเบา ๆ นางไม่อยากเห็นคนโง่งมสองคนนั้น
นางเริ่มลูบคางตนเอง จากนั้นจ้องมองไท่ฮูหยิน ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวด้วยความลังเลใจ “อันที่จริง ตอนนั้นข้าไม่ได้โกรธ อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่รู้สถานะของข้า จึงได้ยโสโอหังเช่นนั้น จะพูดจาเช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติ ถือว่าเห็นแก่หน้าของสุ่ยชิง ข้าก็เองก็ไม่คิดจะถือสาหาความ เพียงแต่…..”
ทันทีที่นางเอ่ยคำว่าเพียงแต่ ไท่ฮูหยินอดขมวดคิ้วไม่ได้ จึงเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจ “เพียงแต่อะไรหรือเพคะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สุ่ยชิงอย่าไว้ใจนังสาวใช้ใหม่คนนี้เชียวนะคะ ท่าทางไม่ต่างกับนังเสี่ยวจิ้งในตอนนั้นเลย
เกรงว่าจะหน้าแตกมากกว่าน่ะสิถ้ารู้ว่าคนที่สุ่ยชิงลอบพบเป็นใคร
ไหหม่า(海馬)