อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 56 หนานหนานเอาเรื่องส่วนรวมเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว
ตอนพิเศษ 56 หนานหนานเอาเรื่องส่วนรวมเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว
ตอนพิเศษ 56 หนานหนานเอาเรื่องส่วนรวมเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว
เนี่ยนเนี่ยนยกยิ้มอ่อนหวาน “แค่พวกนางไม่ควรพูดถึงการอบรมสั่งสอนในครอบครัวข้า เพราะนั่นไม่ใช่การตำหนิพ่อแม่ของข้าหรือแม้แต่ทุกคนที่อบรมสั่งสอนข้าหรอกหรือ? อย่างอดีตฝ่าบาท ไทเฮา ฝ่าบาท เสด็จอา เสด็จน้า ถ้าคนเหล่านี้ทราบเรื่องนี้ ข้าก็เกรงว่าการที่คนจวนหลานจะถูกตัดหัวทั้งตระกูล ประหารเก้าชั่วโคตร คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง…”
เมื่อไท่ฮูหยินได้ยินว่าตัดหัวทั้งตระกูล ประหารเก้าชั่วโคตร นางก็แทบเป็นลมอีกครั้ง ในใจนางรู้สึกโกรธหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวมากกว่าเดิม
โชคดีที่เนี่ยนเนี่ยนไม่ต้องการทำให้นางขุ่นเคือง นางจึงรีบพูดว่า “แต่สุ่ยชิงกับข้าเป็นสหายที่ดีต่อกัน และสุ่ยชิงก็เป็นลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ข้า ข้าจึงไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง”
ไท่ฮูหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสายตาคาดหวังอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนยกยิ้มและพูดว่า “โชคดีที่วันนี้พ่อของข้าไม่ได้อยู่ที่ตำหนัก แม้ว่าแม่ของข้าจะโกรธ นางก็ไม่ได้เข้าวังเพื่อทูลฮ่องเต้ แต่แม่ของข้ามีนิสัยค่อนข้างแปลก เมื่อนางอารมณ์เสีย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมนางได้ นางโกรธคราวนี้ ข้าเกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน แล้วข้าจะกลับไปคุยกับนาง เพื่อพยายามทำให้นางสงบลง ดีหรือไม่?”
ไท่ฮูหยินยังคงกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากเนี่ยนเนี่ยนพูดเช่นนั้น นางก็พยักหน้า
นางได้แต่หันไปมองหลานสุ่ยชิงอีกครั้ง โดยหวังว่านางจะพยายามให้มากขึ้น
แต่ในความคิดของหลานสุ่ยชิง จากที่เนี่ยนเนี่ยนบอกว่านางเป็นลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ ฟังจากน้ำเสียงของเนี่ยนเนี่ยนแล้ว เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนซิวหวางเฟยมั่นใจว่าจะต้องชนะเรื่องนี้?
แน่นอนว่า… ไม่มีใครยอมใคร
ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครยอมเลย
หลานสุ่ยชิงหัวใจดิ่งวูบลงเล็กน้อย พลางคิดว่าต้องคอยดูท่าทางของเนี่ยนเนี่ยนให้ดี
ไท่ฮูหยินอยู่ที่สวนหลานอีกสักพัก จากนั้นจึงกลับเรือนโยวหราน เพราะไม่อยากรบกวนการสนทนาของสองสาว แต่ก่อนจะจากไป สายตาของนางจับจ้องไปที่ร่างของหลานสุ่ยชิง
ทันทีที่นางจากไป เนี่ยนเนี่ยนก็มองหลานสุ่ยชิงด้วยรอยยิ้มที่คล้ายจะไม่ยิ้ม แล้วชิงพูดขึ้นก่อนที่นางจะทันได้พูดว่า “แม่ของข้าบอกว่าอีกสองสามวันหลังโทสะของนางสงบลง ก็จะเชิญเจ้าไปที่ตำหนัก อืม ดูเหมือนว่าจะต้องการให้เจ้าพบกับพี่ใหญ่ของข้า เพื่อให้เจ้าตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้น แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องการแต่งงานอีกครั้ง”
หลานสุ่ยชิงผงะไปชั่วขณะ จากนั้นกลืนคำพูดในปากกลับเข้าไป ดีแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องชี้แจงให้ซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวเข้าใจชัดเจนก่อน
เนี่ยนเนี่ยนอยู่ได้เพียงครู่เดียว ไม่นานนางก็บอกลาแล้วจากไป
ทันทีที่นางกลับมาที่ตำหนักอ๋องซิว พ่อบ้านหยางก็แอบมาบอกนางว่า “รองเจ้ากรมหลานมาอีกแล้วขอรับ เขารออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้านานแล้ว แต่หวางเฟยก็ยังไม่ปรากฏตัว”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก นางรู้สึกว่าแม่ของนางนั้นช่างร้ายกาจ
“แม่ข้าอยู่ที่ใด?”
“ในห้องของนายน้อยขอรับ”
ห้องเป่ยเป่ยหรือ? เนี่ยนเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันเท้าเดินไปที่เรือนของเย่ฉิงเป่ย
ทันทีที่เดินไปถึงประตู นางก็ได้ยินเสียงเกียจคร้านของอวี้ชิงลั่ว “… เขาอยู่ที่นั่นมานานเพียงใดแล้ว? ช่างดื้อรั้นเสียจริง ถ้าเขาใช้ความดื้อด้านเช่นนี้กับอู๋ซื่อและสุ่ยชิง แม่จะรู้สึกชื่นชมเขามาก”
เสียงของนางเต็มไปด้วยการเหน็บแนมและดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเย่ฉิงเป่ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องได้ยินดังนั้น เขาก็ถอนหายใจ “ท่านแม่ หากท่านไม่ชอบเขาจริง ๆ ก็สั่งให้คนไล่เขาไปสิขอรับ ท่านไม่เบื่อการทรมานเช่นนี้บ้างหรือ?”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม่ของเขาไม่มีอะไรทำ และไม่ได้ออกไปไหน นางจึงมาอยู่ในห้องของเขา และแสร้งคุยกับเขาเพื่อไม่ให้เขาบกพร่องด้านปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้นางมาหาเลย พูดตามตรง การที่แม่ของเขามาที่นี่… ส่งผลต่อการอ่านหนังสือของเขามาก
อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขา “เจ้ารู้อะไรหรือไม่? สุดท้ายพวกเขาก็เป็นพ่อและย่าของพี่สะใภ้ของเจ้า หากแม่กำจัดพวกเขา หรือทำให้รองเจ้ากรมหลานสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป เมื่อนางแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว พี่สะใภ้ของเจ้าก็จะเดือดร้อนหนักเพราะคำติฉินนินทาแน่นอน แล้วอู๋ซื่อก็เป็นฮูหยินของตระกูลหลานด้วย แต่พวกเขารังแกพี่สะใภ้ของเจ้ามานานหลายปี แม่รู้สึกเจ็บใจนักที่ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ แม่จะไม่ทำให้พวกเขาเดือดร้อน และตัวสั่นด้วยความยำเกรงได้เลยงั้นหรือ?”
เย่ฉิงเป่ยหัวเราะเยาะ เมื่อพี่สะใภ้แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว รองเจ้ากรมหลานและไท่ฮูหยินอาจต้องตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวทุกวัน
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเข้าไปในประตู นางก็เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากน้องชายของนาง ดูวางหน้าไม่สนิทเลย
นางเห็นใจมารดายิ่งนัก นับตั้งแต่แม่รู้ว่าบุคคลต้นแบบของน้องชายนางคือหลีจื่อฟานเสนาบดีฝั่งขวา ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาเอง นางก็วิ่งไปหาลูกชายทุก ๆ สองสามวัน เพื่อเยียวยาความรู้สึกมีตัวตนของนาง ไม่รู้ว่ามันยากเพียงใด
โชคดีที่นางกับพี่ชายคนโตของนางได้รับการถ่ายทอดลักษณะนิสัยใจคอของพ่อแม่มา จึงนับว่าเป็นการปลอบโยนเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับแม่ มิฉะนั้นเห็นทีชีวิตของนางกับพี่ชายคงจะไม่สงบสุข
“เฮ้ เนี่ยนเนี่ยน เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เรื่องหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นกับสองแม่ลูกนั่นบ้าง?” เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยน อวี้ชิงลั่วก็ยืดตัวตรงทันที และมองนางด้วยดวงตาสดใสเป็นประกาย
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามเย่ฉิงเป่ย แล้วพูดว่า “พี่น้องจินซื่อถูกลงโทษให้คุกเข่าในห้องพระเป็นเวลาหนึ่งเดือน ส่วนหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวถูกโบยสิบครั้ง พวกนางจึงยังคงนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “การลงโทษนี้ไม่เบาไปหน่อยหรือ?” แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ นางก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “แต่ก็ไม่เป็นไร แม่เชื่อว่าสุ่ยชิงไม่ใช่คนที่นั่งเฉย ๆ รอความตาย ส่วนที่เหลือก็ฝากไว้ให้…พี่ชายของเจ้า จะว่าไปแม่ไม่ได้เจอหนานหนานมาสองวันแล้ว เขาไปไหน?”
เย่ฉิงเป่ยและเนี่ยนเนี่ยนเงียบพร้อมกัน นัยน์ตาของพวกเขาฉายแววเคร่งขรึม
แน่นอนว่าพี่ใหญ่ซ่อนตัวจากแม่ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะหายตัวไป
เมื่อวานตอนเช้าพี่ชายคนโตของพวกเขาให้รายการสินสอดทองหมั้นแก่อวี้ชิงลั่ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นของที่พี่ชายเตรียมเอง แต่ท่านแม่ก็รู้ว่ามีอะไรอยู่ในรายการบ้าง
สิ่งเดียวที่ไม่รู้คือของที่พี่ใหญ่สั่งให้เหวินเกอนำไปวางไว้ก่อน มันคือต้นไม้แก้วเคลือบหลากสีที่หายากมาก
นั่นคือเครื่องบรรณาการที่เย่หลานเฉิงมอบให้หนานหนาน ในเวลานั้น อวี้ชิงลั่วถามเขาว่าได้สมบัติตอนที่เข้าไปในวังหลวงบ้างหรือไม่
ตอนนั้นหนานหนานส่ายหน้าอย่างใจเย็น “ไม่ได้อะไรทั้งนั้นขอรับ”
ตอนนี้โชคดีที่เขาซ่อนต้นไม้แก้วเคลือบไว้อย่างมิดชิด ถ้าไม่ใช่เพราะอวี้ชิงลั่วอยากรู้อยากเห็นเรื่องหลานสุ่ยชิง และได้ยินว่าหลานสุ่ยชิงคือเด็กที่นางทำคลอดในตอนนั้น นางก็คงไม่ไปจวนหลานเพื่อสู่ขอนางให้หนานหนาน
เจ้าเด็กบ้านี่เก่งเรื่องซ่อนเงินส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ประเดี๋ยวนางต้องคุยเรื่องนี้กับหลานสุ่ยชิง เพื่อให้นางระวังตัวมากขึ้น
ตอนนี้นางไม่รู้ว่าหนานหนานไปไหน นางจึงไม่สามารถคิดบัญชีกับใครได้ และได้แต่มาลงที่เป่ยเป่ยแทน
เย่ฉิงเป่ยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่ชายพูดไม่ออก เขาได้แต่กระตุกมุมปากและอ่านหนังสือต่อไป
ส่วนพี่ใหญ่ที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะได้ข่าวว่าพี่ใหญ่กำลังหารือกับฮ่องเต้เรื่องคดีในช่วงสองวันที่ผ่านมา เพื่อเยียวยาเหล่าขุนนางผู้ภักดีที่ถูกสังหารในเหตุการณ์กบฏองค์ชายเจ็ด ด้วยการเลื่อนยศให้
เย่ฉิงเป่ยหัวเราะหึๆ มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ มันเป็นการนำเรื่องส่วนรวมที่เปิดเผยต่อสาธารณชน มาสร้างประโยชน์ของส่วนตนได้ อย่างหน้าตายและมีเหตุผลที่ดีรองรับ
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด หงเย่ก็รีบเข้ามาจากข้างนอก
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว สีหน้าของนางก็แปลกไป
“หวางเฟย… คือว่าเป่าหวางเฟย หวางเฟยสาม และหวางเฟยหก…ไปที่จวนหลานเพคะ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มากันทั้งโขยงเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ?
ไหหม่า(海馬)