อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 57 ผู้คนมาหานางที่จวนหลานทุกวัน
ตอนพิเศษ 57 ผู้คนมาหานางที่จวนหลานทุกวัน
ตอนพิเศษ 57 ผู้คนมาหานางที่จวนหลานทุกวัน
“อะไรนะ?” อวี้ชิงลั่วกะพริบตา แล้วมองหงเย่ด้วยความประหลาดใจ
หงเย่กลืนน้ำลาย และพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
การแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวมีความสำคัญอย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงตัวตนของเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วหรอก เพียงแค่หนานหนาน ผู้คนมากมายต่างก็จับตามองเขาด้วยดวงตาลุกวาว
เหล่าผู้สูงศักดิ์ต่างก็อยากให้ลูกสาวตัวเองได้แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวทั้งนั้น
โดยเฉพาะหลังจากที่หนานหนานโตเป็นผู้ใหญ่ ประตูตำหนักอ๋องซิวก็แทบจะพัง
แต่ท่านอ๋องซิวกับซิวหวางเฟยไม่ได้รีบร้อนอะไร ปล่อยให้ลูกชายโตแล้ว แต่ก็ยังไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงาน
ทุกคนต่างตั้งตารอมาหลายปี พวกเขาไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ ข่าวนี้ก็ระเบิดออกมา
เป่าหวางเฟย หวางเฟยสามและหวางเฟยหกให้ความสนใจหนานหนานมาโดยตลอด เมื่อพวกนางรู้ว่าวันก่อนนี้อวี้ชิงลั่วไปสู่ขอ วันรุ่งขึ้นพวกนางจึงรีบแต่งตัวมาถึงจวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อหวางเฟยทั้งสามมารวมตัวกัน จวนหลานก็ลุกเป็นไฟทันที ทุกคนต่างตัวสั่น ไม่รู้จะขยับมือเท้าไปทางไหน
เพราะที่จวนหลานของพวกเขา บุคคลสูงศักดิ์ที่สุดที่เคยมานั้นเป็นเพียงฮูหยินของเจ้ากรม ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของพวกเขาแล้ว
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ จวิ้นจู่จิ่นซิ่วมาเยือนประตูก่อน ตามด้วยจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักอ๋องซิว จากนั้นก็มีหวางเฟยแห่งตำหนักอ๋องซิว และตอนนี้หวางเฟยทั้งสามก็ปรากฏตัวพร้อมกัน…
เรื่องราวเหล่านี้ทำให้พวกเขาถึงกับวิงเวียน และไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรดี
ไท่ฮูหยินระงับหัวใจที่เต้นระรัว แล้วรีบออกไปต้อนรับ
หวางเฟยทั้งสามดูสง่างาม ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ในสายตาของไท่ฮูหยิน พวกนางทำให้นางรู้สึกกดดันเป็นสองเท่า จนไม่รู้ว่าจะวางมือวางเท้าอย่างไรดี
นางใช้ชีวิตมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว แต่นางไม่เคยรู้สึกตื้นตันเช่นนี้มาก่อน
ทว่านางเป็นคนเดียวในจวนหลานที่ออกมาต้อนรับ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่อู๋ซื่อกำลังป่วยและจินซื่อก็ถูกนางสั่งลงโทษ
นางเป็นหญิงชรา จึงไม่รู้จะพูดคุยกับหวางเฟยทั้งสามอย่างไร
ไท่ฮูหยินกำลังคิดว่าจะให้จินซื่อออกมาก่อนดีหรือไม่ บางทีถ้าพวกนางสองคนประพฤติตัวดีต่อหน้าบรรดาหวางเฟย ก็อาจจะสามารถสร้างความประทับใจได้ เพราะพวกนางก็มีซื่อจื่ออยู่ในตำหนักเช่นกัน
แต่ทันทีที่นางคิดได้ดังนั้น เป่าหวางเฟยผู้อาวุโสที่สุดก็พูดว่า “ไท่ฮูหยิน วันนี้เรามาที่นี่เพื่อพบลูกสาวคนโตในจวนเป็นหลัก ไม่ทราบว่าจะสะดวกให้ลูกสาวคนโตออกมาสักประเดี๋ยวหรือไม่? “
ไท่ฮูหยินผงะไปครู่หนึ่ง แล้วผงกหัวเหมือนทุบกระเทียม “สะดวก ย่อมสะดวกเพคะ”
สุดท้ายนางก็ให้แม่นมซ่งไปเรียกหลานสุ่ยชิงทันที
หลานสุ่ยชิงก็ตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงแต่งตัวให้ดี แล้วไปที่เรือนโยวหรานอย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่เป่าหวางเฟยและทุกคนเห็นนาง พวกนางก็มองอย่างพินิจพิจารณา จากนั้นก็สนทนากันด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งทำให้หลานสุ่ยชิงรู้สึกขนลุก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เป่าหวางเฟยก็กวักมือเรียกนาง และรอจนกระทั่งหลานสุ่ยชิงมาอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นจึงถอดสร้อยข้อมือออกจากข้อมือยื่นให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอ่อนโยนน่ารักจริง ๆ งดงามมาก สิ่งนี้เป็นของขวัญอวยพรสำหรับเจ้า ต่อไปก็ไปเยี่ยมข้าบ่อย ๆ นะ”
หวางเฟยสามก็หยิบกล่องอันงดงามวิจิตรมายื่นให้นาง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเป็นคนประพฤติดี เหมาะสมกับหนานหนานยิ่งนัก ต่อไปเจ้าต้องคอยตักเตือนเขาให้ดี อย่าให้เขารังแกคนอื่นอีกเลย” โดยเฉพาะลูกชายของนาง นางได้ยินมาว่าสองวันก่อนเขาโดนเล่นงานอีกแล้ว
หวางเฟยหกมอบกล่องเครื่องแป้งชุดหนึ่งให้นาง เพียงแค่มองก็บอกได้เลยว่ามันจะต้องถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ ดูล้ำค่ายิ่งนัก
“นานหลายปีแล้วที่ข้างกายหนานหนานไม่มีใคร หากมีเจ้าคอยดูแล พวกเราก็สบายใจได้”
หลานสุ่ยชิงรู้สึกราวกับว่าจู่ ๆ ซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวก็มีแม่หลายคน…
เพียงแต่ว่านางไม่อาจยอมรับสิ่งเหล่านี้ไว้ได้แน่นอน
นางยกมือขึ้นหมายจะปฏิเสธ แต่ไท่ฮูหยินชิงพูดขึ้นว่า “สุ่ยชิง นี่คือความปรารถนาของหวางเฟยทั้งสาม เหตุใดเจ้าไม่คุกเข่าลงขอบคุณหวางเฟยทั้งสาม สำหรับความรักความเอ็นดูของพวกท่านเล่า?”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว นางไม่ได้ตั้งใจจะยอมรับไว้เลย ถ้านางยอมรับ สถานการณ์จะไม่ร้ายแรงไปกว่านี้หรือ?
อาจเป็นเพราะเห็นว่านางไม่อยากรับไว้ เป่าหวางเฟยและอีกสองคนจึงมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
ดังนั้นก่อนที่นางจะพูด นางก็พูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าเจ้าไม่ยอมรับไว้ เราทั้งสามจะเสียหน้า ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธของขวัญที่พวกเรามอบให้…”
เมื่อคำประกาศิตดังขึ้นเช่นนั้น หลานสุ่ยชิงก็พูดไม่ออกทันที
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็คิดไม่ออกว่าจะรักษาหน้าพวกนาง และปฏิเสธความใจดีของพวกนางอย่างสุภาพอย่างไรดี หวางเฟยทั้งสามอยู่ไม่นาน เพราะพวกนางตั้งใจมาหานางเท่านั้น แล้วจากไปในไม่ช้า
เพียงแต่การมาเยือนของพวกนาง ทำให้ฮือฮากันทั้งจวนหลาน
แม้แต่หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนก็รู้ในไม่ช้า
หลานสุ่ยหยวนปาชามยาในมือ แล้วพูดด้วยความเย้ยหยัน “นางช่างโชคดีอะไรเช่นนี้? ไม่เพียงแต่ซิวหวางเฟยเท่านั้นที่มาหานางด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้บรรดาหวางเฟยที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรเฟิงชางต่างก็มาที่นี่ พวกนางต่างมาเพื่อแสดงความเอ็นดูนาง นังคนหน้าด้าน นังแพศยา”
“พี่รอง เหตุใดท่านถึงโกรธขนาดนี้เล่าเจ้าคะ?” หลานสุ่ยเถียนยกยิ้ม “ยิ่งพวกนางปฏิบัติต่อนางดีมากเพียงใด ชะตากรรมของนางก็จะยิ่งเลวร้าย หากเรื่องที่ว่านางแอบรับของจากชายอื่นด้วยความรักถูกเปิดเผย”
หลานสุ่ยหยวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ถูกของเจ้า มาดูกันว่าจุดจบของนางจะเป็นอย่างไร? เมื่อหวางเฟยทั้งสามมาพบ เรื่องนี้ก็น่าตื่นเต้นเพียงพอแล้ว”
แต่สิ่งที่หลานสุ่ยหยวนพูดไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้
เช้าวันรุ่งขึ้น จวิ้นจู่จิ่นซิ่ว องค์หญิงหว่านเยียน และบรรดาองค์หญิงอีกหลายคนต่างก็มาหาหลานสุ่ยชิง
ในวันที่สาม เหล่าฮูหยินของขุนนาง และฮูหยินของซื่อจื่อก็มาที่ประตูเช่นกัน
ทางด้านของรองเจ้ากรมหลาน พวกเพื่อนร่วมงานก็ไปมาหาสู่บ่อยขึ้น แม้แต่เสนาบดีกรมราชทัณฑ์ที่เคยเข้มงวดกับเขาเมื่อสองสามวันก่อน ก็มีทัศนคติต่อเขาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
เมื่อเห็นดังนั้น รองเจ้ากรมหลานก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าซิวหวางเฟยยังคงโกรธอยู่ เขาไปที่ตำหนักอ๋องซิวสองสามวันแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้เจอเจ้านายที่กำลังโกรธเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของหลานสุ่ยชิงบึ้งตึงขึ้นทุกวัน นางไม่คาดคิดว่าเรื่องจะพัฒนามาจนถึงจุดนี้ ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้บอกเนี่ยนเนี่ยนให้ชัดเจน และขอให้เนี่ยนเนี่ยนช่วยส่งความคิดของนางไปถึงซิวหวางเฟย
เดิมทีเนี่ยนเนี่ยนบอกให้นางรอสองสามวัน จนกว่าโทสะซิวหวางเฟยจะสงบลง ก่อนที่จะเชิญนางไปที่ตำหนักอ๋องซิว
แต่ตอนนี้จะรอได้อย่างไร? นางจึงบอกให้เยียนจือไปส่งจดหมายว่าจะไปหา
เนี่ยนเนี่ยนรับจดหมายนั้นมาอย่างมีความสุข และตกลงที่จะรอนางมาหาที่ตำหนักในวันรุ่งขึ้น
จากนั้นหลานสุ่ยชิงก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
ข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คืออนุฉีสามารถดึงดูดความสนใจของรองเจ้ากรมหลานได้ และได้รับความเมตตาจากรองเจ้ากรมหลาน ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นางก็เอาแต่พักผ่อนอยู่ในเรือน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลานสุ่ยชิงตื่นแต่เช้าและเริ่มเลือกเสื้อผ้า
แต่ในขณะที่นางกำลังจะหวีผม จู่ ๆ ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่าง
หลานสุ่ยชิงอ้าปากค้างทันที “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
ทั้งยังมาในเวลากลางวันแสก ๆ เช่นนี้
หนานหนานยกยิ้มให้นาง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แบคสุ่ยชิงเริ่มเยอะแล้วนะ แถมมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้นเลย
หนานหนานเฉลยได้ยังว่าซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวคือใคร อย่าปล่อยให้สาวคิดมากเข้าใจผิดอยู่อย่างนั้นสิ
ไหหม่า(海馬)