อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 58 ค้นหาหลักฐานการคบชู้สู่ชาย
ตอนพิเศษ 58 ค้นหาหลักฐานการคบชู้สู่ชาย
ตอนพิเศษ 58 ค้นหาหลักฐานการคบชู้สู่ชาย
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว เขาไม่ได้มาหลายวันแล้ว ซึ่งในใจนางก็ไม่นึกผิดหวังอะไร
สองสามวันที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายมากมาย และสถานการณ์ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายครั้งที่นางต้องการให้เขาปรากฏตัว เพื่อจะได้พูดคุยกับเขา
แต่จนถึงตอนนี้ นางนึกได้ว่าเขาดูเหมือนจะไม่เคยบอกตัวตนของเขา และที่อยู่ของเขาให้นางได้รับรู้เลย…
ซึ่งนางเองก็ไม่ถามเหมือนกัน
ต่างฝ่ายต่างผิดด้วยกันทั้งคู่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลานสุ่ยชิงก็ถอนหายใจ ความหงุดหงิดที่เพิ่งเพิ่มขึ้นลดลงในทันที
โชคดีที่วันนี้นางจะได้พบกับซื่อจื่อองค์โตของตำหนักอ๋องซิว บางเรื่องจึงน่าจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็หันกลับมาอีกครั้ง แล้วเริ่มผัดแป้งบนใบหน้า
หนานหนานยังคงเกาะอยู่บนขอบหน้าต่าง เมื่อเห็นสีหน้านางเปลี่ยนไปสองสามครั้ง ก่อนจะหันหลังไปโดยไม่สนใจเขา รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็พลันสลายไปทันที แล้วเขาก็กระโดดลงไปยืนตรงหน้านาง
“เป็นอะไรหรือ? เจ้าดูไม่ค่อยมีความสุขที่เจอข้า”
มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก นางไม่มีอารมณ์จะคิดว่าตอนนี้ตัวเองมีความสุขหรือไม่ พูดตามตรงคือตอนนี้นางกังวลมาก
นางกังวลว่าหากเรื่องต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่นางวางแผนไว้ ไม่เพียงแต่นางจะไม่สามารถถอนหมั้นได้เท่านั้น แต่ทั้งจวนหลานอาจได้รับผลกระทบไปด้วย นางจึงรู้สึกหดหู่ใจ
สุดท้ายนางก็ยังโทษเขาอยู่ดี ถ้านางไม่ได้พบเขา ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวต่อหน้านางครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็คงไม่ได้เป็นคนเดียวในหัวใจของนาง อย่างน้อยหากเป็นเช่นนั้น นางก็จะยังสามารถจดจ่อกับเรื่องอื่นได้ และทำตามคำสั่งของพ่อแม่และคำพูดของแม่สื่อ ด้วยการแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องซิวโดยไม่รู้สึกผิด
คิดได้ดังนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาดุดัน
เมื่อหนานหนานถูกจ้องมองเช่นนั้นอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็มองนางด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “อย่างไร ช่วงนี้เจ้าถูกรังแกหรือเปล่า?”
จะเป็นไปได้อย่างไร? เหวินเกอเล่าให้ฟังว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีป้าและน้าหลายคนมาเยี่ยมนาง และได้มอบของขวัญมากมายให้นาง อีกทั้งสองพี่น้องสกุลหลานก็ถูกโบยจนลุกจากเตียงไม่ได้
อืม… หรือว่านางไม่ชอบของพวกนั้น?
ใช่แล้ว เดิมทีนางเป็นคนรักสงบ
ไว้คราวหลังค่อยไปคุยกับท่านแม่เรื่องนี้ดีกว่า
นึกได้เช่นนั้น หนานหนานก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นเริ่มขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดเจ้าต้องแสร้งทำเช่นนี้ด้วย?”
ไม่เคยเห็นนางแต่งหน้ามาก่อน นางมีใบหน้าเรียบเนียนสดใส ดูสดชื่นและสะอาดมาก
ในที่สุดหลานสุ่ยชิงก็วางของในมือลง หันหน้าไปมองหนานหนาน แล้วพูดว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอาศัยอยู่ในเรือนนี้? แล้วเจ้าจะทำอย่างไรหากมีคนรู้ว่าเจ้ามาที่นี่ตอนกลางวันแสก ๆ?”
หนานหนานเลิกคิ้ว ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ อย่างเกียจคร้าน แล้วตอบว่า “อย่ากังวล หากข้าไม่ต้องการให้ใครรู้ ก็จะไม่มีใครรู้”
เขาช่างมั่นใจเสียจริง หลานสุ่ยชิงคิดแล้วหันไปหยิบกล่องสีแดงข้าง ๆ
หนานหนานขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ก่อนจะดึงร่างหลานสุ่ยชิงให้หันมามองเขา แล้วพูดว่า “พอแล้ว แต่งหน้าเช่นนี้น่าเกลียด”
หลานสุ่ยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองเขาด้วยแววตาใส “เจ้าคิดว่ามันน่าเกลียดจริงหรือ?”
หนานหนานชะงักและสำลัก เขาอยากจะตอบว่าใช่จริง ๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าคำพูดที่รุนแรงเช่นนั้นทำร้ายคนอื่น เขาอาจจะพูดรุนแรงกับใครก็ได้ แต่เขาไม่ต้องการพูดรุนแรงกับนาง
เขาจึงทำได้เพียงเบือนหน้าไปเล็กน้อย แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “เปล่า”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว แล้วยกมือขึ้นเช็ดแป้งบนใบหน้าออก
หนานหนานรู้สึกพึงพอใจ ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
เขาหยุดชะงัก ก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่าง แล้วกระโจนขึ้นไปบนหลังคา
ทันทีที่ร่างของเขาหายไป เยียนจือก็เดินยกน้ำเข้ามา เมื่อเห็นหลานสุ่ยชิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เยียนจือก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “คุณหนู ท่านตื่นแต่เช้าเลยหรือเจ้าคะ?”
“…อืม” หลานสุ่ยชิงละสายตาที่จับจ้องอยู่ที่หน้าต่าง แล้วตอบเบา ๆ “ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เยียนจือไม่พูดอะไรมาก วันนี้ไม่ใช่แค่หลานสุ่ยชิงที่รู้สึกไม่สบายใจ นางเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน กลัวว่าคุณหนูจะทำให้ตำหนักอ๋องซิวขุ่นเคือง หากนางมีคนในใจอยู่แล้ว นางจึงได้แต่แอบภาวนาให้ตนเองเดาผิด
หลังจากที่ตอบรับแล้ว นางก็รีบออกไปอีกครั้ง
หลานสุ่ยชิงนั่งเงียบ ๆ หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง คนที่เพิ่งจากไปก็ไม่ได้มาปรากฏตัวอีก
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเดินไปที่ขอบหน้าต่าง แล้วชะเง้อมองไปรอบ ๆ
ไม่มีการเคลื่อนไหว นางทำให้เขาไม่พอใจหรือ? เขาจากไปอีกแล้วหรือ?
นางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด และเริ่มประแป้งอีกครั้ง
เมื่อเยียนจือเข้ามาอีกครั้ง ก็เห็นว่าใบหน้าคุณหนูของนางซีดเซียว และสีหน้าก็บึ้งตึงยิ่งนัก
นางชะงักไปครู่หนึ่ง เหตุใดหญิงสาวต้องทำหน้าดุร้ายก่อนจะไปกินอาหารเช้า? รอไม่ไหวจนแทบจะฉีกคนออกเป็นชิ้น ๆ เลยงั้นหรือ?
เยียนจือมองออกว่าคุณหนูกำลังอารมณ์ไม่ดี ดังนั้น…
หลานสุ่ยชิงทาแป้งอีกสามชั้น และทาสีแดงที่ไม่เข้ากันลงบนแก้ม ดูจากสายตาคมกริบของหลานสุ่ยชิงแล้ว นางก็มีเหตุผลพอที่จะไม่พูดอะไรออกไป
บรรยากาศค่อนข้างมืดมน หลานสุ่ยชิงกินอาหารเช้าเงียบ ๆ จากนั้นอธิบายให้แม่นมปู้ฟังสองสามคำ แล้วจากไปพร้อมกับเยียนจือ
แม่นมปู้รู้สึกกังวลขณะมองแผ่นหลังของนางเดินจากไป
นับตั้งแต่ที่เยียนจือบอกนางในวันนั้น ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางก็แอบเฝ้าสังเกตหลานสุ่ยชิงอย่างระมัดระวัง และพบว่านางค่อนข้างเหม่อลอย นางไม่เพียงแค่ไม่กระตือรือร้นเรื่องแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องซิวเท่านั้น แต่นางยังอยากจะปฏิเสธอีกด้วย
นางนั่งครุ่นคิดอยู่นานในเรือนสุ่ยสี ในที่สุดก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วไปหาอู๋ซื่อที่สวนหลาน
มีเรื่องบางอย่างที่คุณหนูไม่อาจแบกรับไว้คนเดียวได้ หากบอกฮูหยิน ฮูหยินอาจจะพอเข้าใจได้
แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อนางจากไป ดวงตาของอาตี้ที่กำลังทำความสะอาดเรือนอย่างมีมารยาท ก็พลันฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ทันทีที่แม่นมปู้จากไป นางก็หยิบผ้าขี้ริ้วเดินไปตามทางเดิน ขณะทำเป็นเช็ดเสา จากนั้นก็แอบเข้าไปในห้องของหลานสุ่ยชิงอย่างระมัดระวัง
นี่เป็นครั้งแรกที่อาตี้เข้าไปในห้องของหลานสุ่ยชิง สายตาของนางกวาดไปรอบ ๆ ห้อง สักพักนางก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
คุณหนูใหญ่ช่างขี้งกเสียจริง การจัดตกแต่งในห้องนี้ธรรมดาเกินไป เทียบกับแจกันประดับในเรือนคุณหนูรองไม่ได้ด้วยซ้ำ ห้องนี้มันว่างเปล่าและดูซอมซ่อมาก
หวางเฟย องค์หญิง จวิ้นจู่ และพวกฮูหยินเหล่านั้น มอบสิ่งต่าง ๆ มากมายให้คุณหนูใหญ่ไม่ใช่หรือ? มันหายไปไหนหมด? หรือว่าทิ้งไปหมดแล้ว? ใช่แล้ว สิ่งของเหล่านั้นล้วนเป็นของมีค่า จึงน่าจะถูกเก็บไว้ในโกดัง แต่ก็ไม่เห็นไม่จำเป็นต้องนำไปเก็บทุกอย่างเลยนี่นา
อาตี้อดไม่ได้ที่จะดีใจ โชคดีที่นางไม่เลือกอยู่ข้างคุณหนูใหญ่ ไม่เช่นนั้นด้วยความไม่ทะเยอทะยานคุณหนูใหญ่ ก็เกรงว่านางคงต้องใช้ชีวิตลำบากไปด้วย โดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใด
อาตี้ยักไหล่และหยุดคิด ก่อนจะเริ่มค้นห้อง
เนื่องจากมันเป็นหลักฐานหลักฐานการคบชู้สู่ชาย จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งของจากชายผู้นั้น และคุณหนูใหญ่น่าจะต้องซ่อนมันไว้อย่างมิดชิดเป็นแน่
อาตี้ค้นโต๊ะเครื่องแป้งของหลานสุ่ยชิงก่อน นอกจากเครื่องประดับธรรมดา ๆ นางก็ไม่พบของมีค่าเลย
นางกลับไปค้นในตู้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบอะไร ในที่สุดสายตาของนางก็จับจ้องไปที่เตียงที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ชั่วพริบตา นางก็พุ่งไปที่หัวเตียง
จากนั้นครู่หนึ่งก็หยิบกล่องบอบบางออกมาจากใต้หมอน เมื่อเปิดออกก็เห็นไข่มุกเม็ดกลมสวยงามอยู่ข้างใน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยัยสาวใช้เจอของแทนใจแล้ว รีบหาทางจัดการหน่อยค่ะ ก่อนจะสร้างความวุ่นวายในจวนอีก
ไหหม่า(海馬)