อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 59 ประหลาดใจ
ตอนพิเศษ 59 ประหลาดใจ
ตอนพิเศษ 59 ประหลาดใจ
นัยน์ตาของอาตี้เป็นประกาย นางเริ่มขยับนิ้วด้วยความละโมบอยากจะครอบครองเสียเอง
โชคดีที่นางยังมีเหตุผลอยู่บ้าง ในไม่ช้านางก็รู้สึกตัว ในห้องนี้ไม่มีสิ่งของมีค่า แต่มีไข่มุกที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไรวางอยู่ใต้หมอน หากบอกว่ามันไม่มีความหมายพิเศษ นางก็คงไม่เชื่อ ต่อให้นางจะถูกฆ่าก็ตาม
อาตี้กลืนน้ำลาย ก่อนจะยั้งมือไว้ แล้วเก็บกล่องใส่ไข่มุกยัดไว้ใต้หมอนดังเดิมอย่างระมัดระวัง หลังจากเรียบร้อยแล้ว นางก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าไม่ต่างจากเดิมก็ลุกขึ้นจัดเตียงให้เรียบตึง
หลังจากนั้นนางก็จัดแจงกล่องเครื่องแป้ง ตู้ และที่อื่น ๆ ที่นางเพิ่งค้นไปอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ออกจากห้องของหลานสุ่ยชิงเงียบ ๆ
ทันทีที่นางออกไป นางก็รีบวิ่งไปที่เรือนของหลานสุ่ยหยวน
หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนเพิ่งตื่น และกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ข้าง ๆ กัน
หลังจากพักฟื้นไม่กี่วัน อาการบาดเจ็บก็แทบจะหายดีแล้ว แม้ว่าจะยังเจ็บอยู่บ้าง แต่เมื่อวางเบาะหนา ๆ ไว้ใต้ก้น ในที่สุดก็สามารถกลับมานั่งได้ตามปกติ
เมื่อเห็นอาตี้วิ่งมา หลานสุ่ยหยวนก็วางตะเกียบในมือลงด้วยสายตาคาดหวัง
อาตี้เล่าถึงการค้นพบไข่มุกในเรือนสุ่ยสี แล้วพูดด้วยความมั่นใจตอนท้ายว่า “… บ่าวรู้สึกว่าคนที่คุณหนูใหญ่ชอบต้องเป็นคนนำมาให้เป็นแน่เจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยหยวนหัวเราะอย่างชั่วร้าย สีหน้าของนางมืดมนและดุร้ายมากขึ้นในทันที
หลังจากนั้นนางก็กรีดกรายหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนมองสาวใช้ แล้วถามว่า “บรรดาผู้สูงศักดิ์ที่มาที่นี่ มีใครให้ไข่มุกแก่หลานสุ่ยชิงบ้างหรือไม่?”
สาวใช้คิดอย่างรอบคอบ แล้วส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ถึงมีก็ควรถูกเก็บไว้ในเรือนเก็บของทั้งหมด เพราะอย่างไรเสีย คนที่มอบของเหล่านั้นให้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไท่ฮูหยินจึงให้ความสำคัญมาก ด้วยความที่เกรงว่ามันจะเสียหายหรือสูญหายไป ตอนนี้จึงมีกุญแจเรือนเก็บของอยู่สองดอก ดอกหนึ่งอยู่ที่คุณหนูใหญ่และอีกดอกหนึ่งอยู่ที่ไท่ฮูหยินเจ้าค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสุ่ยหยวนเริ่มมืดมนอีกครั้ง นางบอกอาตี้ว่า “รายการสินสอดที่ซิวหวางเฟยนำมาในวันนั้นอยู่ในมือของแม่นมซ่ง เจ้าสามารถหาโอกาสเปิดเผยเรื่องนี้ให้แม่นมซ่งรู้ได้ โดยเพียงแค่พูดว่าเมื่อวานนี้เจ้าเห็นคนน่าสงสัยเดินไปมาแถวเรือนเก็บของ จึงเกรงว่าจะไปยุ่งกับสินสอดทองหมั้นของหวางเฟย ให้นางหาโอกาสตรวจสอบให้ดี อย่าให้พลาด”
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วไปตรวจสอบรายการงบประมาณจัดซื้อของหลานสุ่ยชิงและอู๋ซื่อในช่วงหลายปีที่ผ่านมาย้อนหลัง เฮ้อ ถ้าทั้งสามที่ไม่เปิดเผยว่ามีไข่มุก ต่อให้ไข่มุกนั้นจะไม่ใช่หลักฐานการคบชู้สู่ชาย แต่มันก็จะกลายเป็นของไม่ทราบที่มา”
หลานสุ่ยเถียนกล่าวเสริม “แต่ตอนนี้ไข่มุกเม็ดเดียวไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของนาง จะดีที่สุดหากสามารถจับตัวคนคบชู้สู่ชายได้คาหนังคาเขา”
สิ่งที่พูดมามีเหตุผล หลานสุ่ยหยวนหรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เงยหน้าขึ้นพูดกับนางว่า “ข้าคิดว่าพรุ่งนี้ไปหาท่านลุงดีกว่า แล้วขอให้เขาพาจอมยุทธ์มาให้เราสักสองสามคน พวกนั้นสามารถต่อสู้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน หากหลานสุ่ยชิงมีการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาก็จะสามารถจับได้ทันที”
“เป็นความคิดที่ดี” ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วตกลงกันอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้หลานสุ่ยชิงไม่รู้เลยว่าสองพี่น้องสกุลหลานที่เงียบไปสองสามวันได้เริ่มหาเรื่องเคลื่อนไหวอีกแล้ว
นางพิงผนังรถม้า ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
คนผู้นั้นไปไหนอีกแล้ว? นางงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะออกไป แต่ก็ไม่เห็นเขาปรากฏตัวอีกเลย
เห็นได้ชัดว่าเขาจากไปอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน นางจึงพูดได้ไม่กี่คำ
ดูเหมือนว่าเขาจะยุ่งมาก ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อใด ไม่มีเวลาถามด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน…
“คุณหนู…” เยียนจือเรียกนางเบา ๆ สีหน้าของคุณหนูวันนี้แปลกเกินไป เหมือนหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง
เยียนจือรู้สึกว่าในฐานะคนรับใช้คนสนิทที่คุณหนูไว้วางใจมากที่สุด นางควรแบ่งปันความกังวลและช่วยเจ้านายแก้ปัญหา
แต่หลานสุ่ยชิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของนาง และยังคงพิงผนังรถม้า ร่างกายของนางโคลงเคลงไปมา ขณะที่รถม้าแล่นไปข้างหน้า ราวกับวิญญาณที่ร่อนเร่มาเก้าวันแล้ว
เยียนจือได้แต่ถอนหายใจ และเปิดม่านออกเพื่อมองดูคนเดินถนน ที่กำลังเดินไปมาบนถนนด้านนอก
เมื่อรถม้าแล่นผ่านกระดานข่าว นัยน์ตาของเยียนจือก็เบิกกว้างทันที นางรีบตะโกนออกมาว่า “คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”
ขณะนี้นางถึงกับคุมสติไม่อยู่ และรีบคว้าข้อมือหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงเอนตัวไปจนเกือบจะชนนาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เยียนจือ “เจ้าทำอะไร?”
เยียนจือรีบปล่อยมือ แล้วชี้ไปที่กระดานข่าวด้านนอก ก่อนพูดว่า “ประกาศที่ติดอยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะบอกว่า ผู้ที่ถูกองค์ชายเจ็ดข่มเหงเมื่อสิบหกปีที่แล้วจะได้รับการเยียวยา เมื่อครู่นี้ข้าเหมือนจะเห็นชื่อของผู้อาวุโสสกุลอู๋ด้วยเจ้าค่ะ”
แม้ว่าเยียนจือจะเป็นสาวใช้ แต่หลานสุ่ยชิงชอบอ่านเขียน นางจึงอ่านหนังสือออกหลายคำ และสามารถอ่านประกาศบนนั้นได้อย่างชัดเจน
หลานสุ่ยชิงตัวแข็งทันที และรีบเปิดผ้าม่าน
แต่ในขณะนี้รถม้าแล่นออกมาไกลแล้ว ทำให้มองไม่เห็นกระดานข่าวที่เยียนจือพูดถึง
นางรีบบอกให้คนขับรถม้าหยุด แต่เยียนจือคว้าตัวนางไว้ “คุณหนู ค่อยมาดูตอนขากลับก็ได้เจ้าค่ะ ตอนนี้เริ่มสายแล้ว จวิ้นจู่เนี่ยนเนี่ยนยังรออยู่ ดังนั้นจะไปตำหนักอ๋องซิวสายไม่ได้นะเจ้าคะ”
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้า แล้วพยักหน้า เยียนจือพูดถูก
แต่ตอนนี้หัวใจของนางเต้นแรงมากและหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย ฮ่องเต้ต้องการให้ความยุติธรรมกับตาของนาง ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ท่านแม่จะต้องมีความสุขมากที่ได้ยินเรื่องนี้
และนางไม่รู้ว่าตอนนี้ลุงของนางอยู่ที่ไหน ถ้าเขารู้ข่าวนี้ บางทีเขาอาจจะปรากฏตัวด้วย
ประกาศที่เยียนจือพูดถึงได้ลบล้างความหดหู่ทั้งหมดจนหายไปสิ้น ในที่สุดนางก็กลับมามีสติ
รถม้ายังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างราบรื่น อีกครึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดมันก็หยุดที่หน้าประตูตำหนักอ๋องซิว
เหวินย่ายืนรอนางอยู่ที่ประตู นางเป็นคนที่ติดตามเนี่ยนเนี่ยนในตอนนั้น และยังตบมือเนี่ยนเนี่ยนอีกด้วย
นี่เป็นครั้งที่สองที่หลานสุ่ยชิงได้เจอนาง และรู้ตัวตนของนางแล้ว ได้ยินมาว่าพ่อของนางเป็นหนึ่งในสามองครักษ์ของท่านอ๋องซิว ที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านอ๋องซิวมาก และแม่ของนางก็รับใช้ซิวหวางเฟย ซึ่งก็คือป้าหงเย่ในวันนั้น
เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเนี่ยนเนี่ยน ใคร ๆ ก็บอกได้ว่านางแตกต่างจากคนรับใช้ทั่วไปในตำหนัก
หลานสุ่ยชิงโน้มตัวไปหานาง แล้วพยักหน้าให้ เหวินย่าก็เหมือนหงเย่ นางดูใจดีมากเมื่อนางยิ้ม
“แม่นางหลาน เนี่ยนเนี่ยนกำลังรอท่านอยู่ข้างใน ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
หลานสุ่ยชิงหยุดชั่วคราว แล้วถามว่า “ข้าต้องการไปเยี่ยมซิวหวางเฟยก่อน ตอนนี้ซิวหวางเฟยอยู่ที่ใดหรือ?”
นี่คือมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด
เหวินย่าหัวเราะ แล้วพานางเข้าไปข้างใน “หวางเฟยเข้าวังหลวงไปแต่เช้าตรู่ เพื่อสนทนากับไทเฮา นางไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก นางพยักหน้า แล้วเดินตามเหวินย่าไปที่สวนสมุนไพร
เนี่ยนเนี่ยนนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบหันมามอง
จากนั้นนางก็กะพริบตา ก่อนมองหลานสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจ
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โทษโบยสิบไม้คงจะเบาเกินไปสินะยัยตัวแสบทั้งสอง อย่าให้เจอกับหนานหนานแล้วกัน ทำร้ายนางในดวงใจเขาเดี๋ยวจะไม่ตายดี
ไหหม่า(海馬)