อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 61 กระอักเลือด
ตอนพิเศษ 61 กระอักเลือด
ตอนพิเศษ 61 กระอักเลือด
หลังจากหนานหนานพูดจบ เขาก็จ้องมองเย่หลานเวย แล้วยกเท้าขึ้นหมายจะเตะอีกฝ่าย
เย่หลานเวยรีบกระโดดขึ้นจากเก้าอี้เหมือนปลาหลี่ดีดตัว “เฮ้ คุยกันก่อน คุยกันก่อน เจ้านี่มือไม้อยู่ไม่สุขหรือ?”
หนานหนานเย้ยหยัน “หากเจ้ามาที่นี่เพียงเพื่ออวดเสียงหัวเราะน่าเกลียด ก็ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี
เมื่อเขาพูดจบ การโจมตีของเขาก็ยิ่งไร้ความปรานีกว่าเดิม จนไม่สนใจเสียงเปิดประตูข้างหลังเขา
เย่หลานเวยรีบตะโกน “เฮ้ เย่ฉิงหนาน เจ้ามันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว หยุดนะ ถ้าเจ้าไม่หยุด ข้าจะทำลายห้องตำราของเจ้า”
“ก็ลองดูสิ” รอยยิ้มของหนานหนานเย็นชาขึ้น ถ้ากล้าทำลายห้องตำราของเขา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายทั้งตำหนักของเขา
เย่หลานเวยสำลักกับคำพูดของเขาทันที แน่นอนว่าเขาไม่กล้าทำลายห้องตำราของหนานหนานหรอก หลังจากหลบได้สองครั้ง เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเบนความสนใจไปยังเนี่ยนเนี่ยนและหลานสุ่ยชิงที่ยืนอยู่ที่ประตู ด้วยการตะโกนว่า “เนี่ยนเนี่ยน ช่วยด้วย พี่ชายของเจ้ากำลังจะฆ่าข้า”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก ก่อนหันหน้าไปมองหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาจับจ้องร่างที่หันหลังให้นางด้วยความประหลาดใจ ช่างเป็นร่างที่คุ้นเคยยิ่งนัก อีกทั้ง…เสียงที่ลอยเข้าหูนางตอนนี้
เมื่อเย่หลานเวยเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนไม่สนใจเขา เขาจึงได้แต่มองไปที่หลานสุ่ยชิง “ลูกสาวคนโตของตระกูลหลาน ช่วยพูดให้ข้าที ว่าที่สามีของเจ้ากำลังจะใช้ความรุนแรง เจ้าต้องพิจารณาการแต่งงานให้รอบคอบ อย่าทำให้ตัวเองต้องเสียใจในอนาคต”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หลบและโจมตีหนานหนานอย่างรวดเร็ว
ลูกสาวคนโตของตระกูลหลานหรือ???
หนานหนานตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองทันที
เมื่อพบกับสายตาสับสนของหลานสุ่ยชิง เขาก็สูดหายใจเข้าอย่างแรง
ทันใดนั้นลมจากฝ่ามือของเย่หลานเวยก็เข้ามาใกล้ แต่หนานหนานไม่แม้แต่จะขยับ
สิ้นเสียง “โครม” ร่างของหนานหนานก็ถูกซัดไปกระแทกเข้ากับตู้หนังสือด้านข้าง
หนังสือบนตู้ตกลงมาทีละเล่ม กระแทกทั่วร่างกายเขา และทับตัวเขาไว้ข้างใต้กองหนังสือ
ทุกคนในห้องตำราตกตะลึง สีหน้าของเย่หลานเวยเปลี่ยนไปมาก เขารีบวิ่งเข้าไปโยนหนังสือทิ้งไปอย่างกระวนกระวาย “หนานหนาน เฮ้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ไม่มีทาง เหตุใดเขาไม่หลบ เขาสามารถหลบหลีกการเคลื่อนไหวเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย เหตุใดเขาถึงยืนตรงเหมือนคนตายเช่นนี้เล่า?
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว หลังจ้องมองเย่หลานเวย นางก็ดึงหลานสุ่ยชิงไปหาพี่ชายของนางทันที
ตั้งแต่วินาทีที่หลานสุ่ยชิงเห็นใบหน้าของหนานหนาน ดูเหมือนว่าสติของนางจะกระเจิงหายไปแล้ว สีเลือดจางหายไปจากใบหน้านางทันที ร่างกายเย็นชืด มือและเท้ารู้สึกอ่อนแรง
เมื่อถูกเนี่ยนเนี่ยนดึงตัวไป นางจึงซวนเซและนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นพร้อมกับนาง ก่อนจะหยิบหนังสือบนตัวของหนานหนานออก ขณะมองมือที่ยื่นออกมาจากใต้กองหนังสือ ทันใดนั้นมือนั้นก็จับข้อมือนางไว้แน่น แน่นเสียจนเกือบจะบดขยี้กระดูกของนาง
หนานหนานออกแรงสะบัดหนังสือทั้งหมดออกจากร่างกายทันที จากนั้นมองหลานสุ่ยชิงด้วยความตื่นตระหนก
มือของหลานสุ่ยชิงกระตุก แต่ก่อนที่นางจะดึงกลับก็ต้องคิ้วขมวด
เย่หลานเวยไม่เห็น แต่ถามด้วยความกังวลว่า “หนานหนาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า? เหตุใดเจ้าไม่หลบเล่า? เจ้าจงใจเล่นตุกติกหรือเปล่า? บอกเลยว่าหากเจ้าบาดเจ็บเพราะข้า ต้องมีคนรอถลกหนังหัวข้าเป็นแน่ เจ้าจะไว้ชีวิตข้าได้หรือไม่? ข้า…”
เนี่ยนเนี่ยนอุดหูขณะมองทั้งสอง จากนั้นรีบดึงเย่หลานเวยขึ้นมา แล้วลากเขาออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เย่หลานเวยตกตะลึง “เฮ้ เนี่ยนเนี่ยน เจ้าลากข้าออกมาเพื่ออะไร? พี่ชายเจ้าเพิ่งกระอักเลือดเมื่อครู่นี้”
ดูเหมือนว่าแรงตบของเขาเมื่อครู่นี้จะหนักมาก
เนี่ยนเนี่ยนไม่สนใจคำพูดของเขาเลย นางลากเขาออกจากห้องตำรา และปิดประตูดัง ‘ปัง’
หลานสุ่ยชิงตกใจกับเสียงนั้น ในที่สุดก็กลับมามีสติ
เมื่อเห็นหนานหนานลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็ตัวสั่น และลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก “ข้า ข้ามีเรื่องต้องทำ ข้าต้องกลับแล้ว”
“สุ่ยชิง…” หนานหนานขมวดคิ้วแล้วดึงนางกลับมา
จุดศูนย์ถ่วงของหลานสุ่ยชิงไม่สมดุล นางจึงถลาไปข้างหน้าอย่างแรง
รูม่านตาของหนานหนานหดตัว เขารีบใช้ตัวรับนางไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วพ่นลมหายใจ จากนั้นพลิกตัวกดนางไว้ใต้ร่างของเขา
“…” หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เมื่อมองใบหน้าที่อยู่เหนือตัวนาง ใบหน้านั้นคุ้นเคยอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับทำให้นางรู้สึกแปลกใจมาก
นางหน้าซีด แล้วเริ่มผลักเขา “ข้าจะกลับแล้ว”
“ข้าเป็นซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว” หนานหนานถอนหายใจแล้วพูดด้วยเสียงเบา ในเมื่อนางเลี่ยงที่จะถาม เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบเอง
เสียงทุ้มแผ่วเบานั้น เสียงที่ทำให้นางเคลิบเคลิ้มจนเก็บไปฝันยามเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ในขณะนี้มันเป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง เมื่อนางคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจนางก็ปั่นป่วน
นางเริ่มผลักเขาอย่างแรงอีกหลายครั้ง
“ข้าเป็นคนให้สินสอดแก่เจ้า และต้องการจะแต่งงานกับเจ้า” หนานหนานจับมือและเท้าของนางไว้
“…” หลานสุ่ยชิงเม้มปาก ไม่สามารถขยับมือและเท้าได้ นางเพียงแค่หันหน้าไปทางด้านข้าง หลับตาและปฏิเสธที่จะฟังเขา
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องทั้งหมดนี้ ข้าขอโทษ ได้หรือไม่?”
หลานสุ่ยชิงลืมตาขึ้นทันที แล้วหันหน้ามาจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน “เจ้าโกหกข้า” แต่หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่าชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้พูดโกหกอะไรเลย อย่างมากก็แค่ปกปิดไว้ เรื่องเดียวที่เขาบอกนางคือ…
“เจ้าชื่ออะไร?” แม้ว่านางจะไม่มีอารมณ์จะสนใจชื่อของซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิว แต่มันคงไม่ใช่ชื่อที่เขาบอกนางแน่นอน
“อวี้ฉิงหนาน”
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วโขกศีรษะใส่เขาอย่างแรง “ไปให้พ้น”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ก่อนที่ข้าจะอายุหกขวบ ข้าชื่ออวี้ฉิงหนาน อวี้เป็นนามสกุลแม่ของข้า เจ้าน่าจะรู้”
หลานสุ่ยชิงนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะได้ยินเขาพูดต่อ “ตอนที่เจ้าเกิด และข้าได้เจอเจ้าครั้งแรก ในตอนนั้นข้าชื่ออวี้ฉิงหนาน”
หลานสุ่ยชิงกัดริมฝีปากแน่น แล้วแค่นเสียงเย็นชาอีกครั้ง
“อย่างไรเสียเจ้าก็ไปให้พ้น ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าตอนนี้” การอธิบายไม่ได้ช่วยอะไร
เขาไม่เข้าใจเลยว่าการปกปิดตัวตนของเขา ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด
ซิวหวางเฟยมาสู่ขอเมื่อสองสามวันก่อน ตั้งแต่นั้นมานางก็กระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน นางซ่อนเร้นความคิดของตัวเอง นางไม่สามารถบอกแม่ของนาง นางไม่สามารถบอกเยียนจือ นางไม่สามารถบอกแม่นมปู้ นางไม่สามารถบอกใครได้เลย
แต่วันนี้เขาไม่ได้มาปรากฏตัวต่อหน้านาง คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้คือใครกัน
นางรู้สึกคับข้องใจมาโดยตลอด แต่ก็ยังตั้งใจแน่วแน่ว่าจะถอนหมั้น
กล่าวได้ว่านางคิดหาวิธีต่าง ๆ มากมายในการถอนหมั้น ที่จะไม่ทำให้ตำหนักอ๋องซิวไม่พอใจ อีกทั้งนางก็กังวลว่า หากตำหนักอ๋องซิวที่พยายามทำทุกทางเพื่อให้นางยอมแต่งงานเกิดไม่พอใจนางขึ้นมา แล้วจะทำอย่างไร
แต่สุดท้าย ปรากฏว่าเป็นคนเดียวกันมาโดยตลอด
แล้วอะไรคือสาเหตุของความว้าวุ่นและความทุกข์ใจของนางในทุกวันนี้กัน?
หลานสุ่ยชิงรู้สึกเจ็บใจ ความกังวลและความกลัวตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้นางสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปในที่สุด นัยน์ตาของนางพลันเปียกชื้นทันที
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันก็น่าเคืองหนานหนานอยู่แหละ ไม่ยอมบอกตัวตนมาตั้งนาน ปล่อยให้สาวเขาคิดไปเองจนจะขอถอนหมั้นแล้วเนี่ย
ไหหม่า(海馬)