อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 64 อยากเปิดโปงเขา
ตอนพิเศษ 64 อยากเปิดโปงเขา
ตอนพิเศษ 64 อยากเปิดโปงเขา
เย่หลานเวยมุ่ยปาก จากนั้นนั่งลงบนขอบเตียง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าไม่ได้บังคับให้ข้าไปสืบเรื่องครอบครัวของลุงอู๋หรอกหรือ?”
“ได้ผลหรือไม่?” หนานหนานขมวดคิ้ว มองเขาด้วยสายตาราวกับจะเตือนว่าให้เขาเล่าเรื่องราวโดยสังเขป
“ข้าถามคนที่เคยเป็นสหายสนิทกับอู๋ฉางกงมาก่อน พวกเขาไม่เคยพบเขาอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายขึ้นในตระกูลอู๋ ราวกับเขาหายตัวไปกับอากาศเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว แต่ข้าก็ยังพบเงื่อนงำเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าตอนที่อู๋ฉางกงกำลังหลบหนีการตามล่าขององค์ชายเจ็ด กองคาราวานจากอาณาจักรจิงเหลยบังเอิญเดินทางกลับพอดี เมื่อกองคาราวานจากไป อู๋ฉางกงก็หายตัวไปด้วย ต่อมาข้าได้ยินว่า เมื่อซ่างกวนจิ่นแห่งอาณาจักรจิงเหลยก่อการรัฐประหาร ได้มีทหารคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแบบไม่ทราบว่ามาจากที่ใด เขามีความสามารถโดดเด่น จนได้รับความโปรดปรานจากซ่างกวนจิ่น และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนพลอันดับสาม เดิมทีเขามีอนาคตที่สดใส แต่หลังจากดำรงตำแหน่งขุนพลได้ไม่กี่ปี เขาก็ลาออกกะทันหัน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน”
หนานหนานหรี่ตาลง ก่อนแสยะยิ้มเย็นชา “ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหนงั้นหรือ?”
เย่หลานเวยตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบพูดว่า “แต่ข้าได้ส่งคนไปอาณาจักรจิงเหลยเพื่อนำรูปเหมือนของขุนพลคนนั้นมา จากนั้นเราจะนำมาเปรียบเทียบดู ถ้าเขาเป็นอู๋ฉางกงจริง แม้ว่าจะไม่รู้ที่อยู่ของเขา แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ใช่หรือไม่?”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขายังมีชีวิตอยู่?” เขารู้จักซ่างกวนจิ่นดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนผู้นั้นเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ เขาไม่เคยปรานีเมื่อต้องกำจัดผู้เห็นต่าง สำหรับคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา ประกาศิตเพียงอย่างเดียวของเขาคือ ‘ฆ่า’ เท่านั้น
หากอู๋ฉางกงทำหน้าที่เป็นขุนพลภายใต้สังกัดเขาจริง ๆ เมื่อคนต่างอาณาจักรเช่นเขาลาออกจากตำแหน่ง ก็ไม่มีการรับประกันว่าซ่างกวนจิ่นจะไม่สังหารเขา
เย่หลานเวยสะอึก “เอาล่ะๆ ข้าจะไปสืบมาให้ละเอียด อย่างน้อยที่สุดก็จะได้รู้ว่าเขาตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ ตกลงหรือไม่?”
“อืม รีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“…” เขาปฏิบัติกับเขาเหมือนทาสจริงหรือ? ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ หยาบคายนัก
เย่หลานเวยพ่นลมหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงหลานสุ่ยชิงที่ออกไปข้างนอก เขาก็เริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง “ถามหน่อยสิหนานหนาน เจ้าอยากแต่งงานกับสตรีสกุลหลานคนนั้นจริงหรือ? คือ… เจ้าเปลี่ยนได้หรือเปล่า?”
“อะไร? ช่วงนี้เจ้าอยากเจ็บตัวหรือ?” ถ้ากล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว เขาจะฆ่าเสียเลย
“เฮ้ ไม่นะ หญิงคนนั้นดูแล้วน่าอึดอัดมาก ดูการแต่งตัวของนางสิ อลังการฉูดฉาดเสียยิ่งกว่า…แม่สื่ออีก และนางก็ดูแปลกมาก ข้าเห็นนางแล้วปวดตาเลย”
บางทีเขาอาจจะไม่ได้มองอย่างละเอียดก็ได้ หนานหนานพ่นลมหายใจเย็นชา แต่เขามองไม่ละเอียดก็ดีแล้ว ในตำหนักนี้สุ่ยชิงงดงามมากเพียงใด เขาย่อมรู้อยู่คนเดียว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ออกปากไล่ไปทันที “เจ้าออกไปได้แล้ว ถ้าเจ้าปวดตา ต่อไปก็อย่ามองนางอีก”
“…ไม่มองก็ไม่มอง ข้าไม่ได้อยากเห็นของแปลก แล้วเจ้าก็รักษาแผลให้ดีด้วย ข้าจะไปแล้ว กลัวจริง ๆ ว่าประเดี๋ยวข้าจะตาบอด” เย่หลานเวยตัวสั่น แล้วลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาไปถึงประตู เขาก็เห็นหลานสุ่ยชิงกับเยียนจือรีบเดินกลับมา
เมื่อเดินสวนกัน หลานสุ่ยชิงก็จ้องมองเขาอีกครั้ง ราวกับว่ายังคงตำหนิเขาที่ทำร้ายหนานหนาน จากนั้นก็เดินผ่านเขาเข้าไปข้างใน
เย่หลานเวยกะพริบตาด้วยความอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบคว้าสาวใช้ในตำหนักที่เดินตามหลังมา แล้วถามว่า “คนเมื่อครู่นี้คือ…”
“เอ๊ะ? แม่นางจากจวนหลานอย่างไรเล่าเพคะ” สาวใช้ดูอธิบายไม่ถูก จากนั้นก็ทำท่าครุ่นคิด และทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ “แม้แต่ข้าก็ยังตกใจเลยเพคะ คาดไม่ถึงเลยว่าแม่นางจากจวนหลานจะงดงามถึงเพียงนี้ หลังจากล้างคราบชาดและแป้งบนใบหน้าออก ทั้งหน้านางก็งดงามเปล่งปลั่ง และดวงตาคู่นั้นก็สดใสขึ้นมาก มองดูแล้วทั้งคู่งามสมกันราวสวรรค์สร้างเลยนะเพคะ”
เย่หลานเวยขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง
ไม่เพียงแค่ชะล้างแป้งบนใบหน้าออกไปเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนอาภรณ์บนร่างกายแล้วด้วย
ขณะที่หลานสุ่ยชิงกำลังล้างหน้า สาวรับใช้ในจวนก็ตระหนักได้ว่าชุดของนางเปื้อนเลือดหลายหยด ซึ่งดูค่อนข้างสกปรก จึงรีบไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ทันที
หลานสุ่ยชิงเลือกชุดที่ดูเรียบง่าย เพราะสุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องแต่งชุดสีฉูดฉาดเพื่อให้ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวที่นางไม่รู้จักรังเกียจอีกต่อไป นางยังคงเคยชินกับการสวมใส่ชุดแบบที่นางชื่นชอบ
คาดไม่ถึงว่าขนาดชุดจะพอดีโดยไม่คาดคิด
สาวใช้เม้มปากก่อนยกยิ้ม และบอกนางทีหลังว่าหลังจากที่หวางเฟยมอบของขวัญหมั้นแล้ว ก็สั่งให้ตัดเสื้อผ้าหลายชุดไว้ให้นาง ชุดเหล่านี้ล้วนเป็นของนางและเป็นของใหม่เอี่ยม
หลานสุ่ยชิงรู้สึกอายเล็กน้อย นางไม่คิดว่าหวางเฟยจะตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว ว่านางจะต้องแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว
ชุดดังกล่าวต่างจากชุดเดิมราวฟ้ากับเหว ไม่น่าแปลกใจที่เย่หลานเวยก็ประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อเห็นเขาไปแล้วกลับมาอีกครั้ง สีหน้าของหนานหนานก็บึ้งตึง
หลานสุ่ยชิงรีบก้มมองเขา แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
หนานหนานทำเป็นอ่อนแรงมาก ขณะชี้ไปที่เย่หลานเวยด้วยมืออันสั่นเทา แล้วพูดว่า “ให้เขาออกไป ข้า ข้าไม่อยากเจอเขา”
“…” เย่หลานเวยโกรธจนกัดฟันแทบจะหัก ชายคนนี้ข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งชัดๆ
อยากจะเปิดโปงเขาจริง ๆ อยากจะเปิดโปงเขา อยากจะเปิดโปงเขาจริง ๆ
หลานสุ่ยชิงหันไปจ้องมองเขา “ท่านทำร้ายเขา ตอนนี้เขาไม่ต้องการเจอท่าน ได้โปรดออกไปด้วย”
“…”เย่หลานเวยอยากจะร้องไห้มาก เขาทำงานหนักเพื่อพวกเขาสองคน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับการต้อนรับจากพวกเขาเลยงั้นหรือ? ช่างไม่มีเหตุผลยิ่งนัก
เขากัดฟันดังกรอด แค่นเสียงเย็นชา “ได้ ข้าจะไป จะกลับมาก็ต่อเมื่อพวกเจ้าขอร้องข้า”
เขาจะกลับไปฟ้องหมู่เฟยว่าเย่ฉิงหนานรังแกเขาอีกแล้ว!!!
โอ้ เช่นนั้นก็ไปบอกหมู่เฟยเสียเลยว่าเขาจะไม่รอฮ่องเต้แล้ว เขาก็อยากจะแต่งงานด้วย
ทันทีที่เขาออกไป ทั้งห้องก็เงียบลงอีกครั้ง หนานหนานคว้ามือของหลานสุ่ยชิงมากุมไว้ พลางร้องคร่ำครวญ ดูเจ็บปวดมาก
“เจ้ายังไม่ดีขึ้นหรือ? หมอบอกว่าตอนนี้ให้เจ้านอนพัก และกินยาเม็ดหนึ่งหลังจากตื่นนอน แล้วเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น”
หนานหนานขมวดคิ้วตอบอย่างอ่อนแรง “อืม ข้าจะนอน เจ้าอย่าไปไหนนะ”
หลานสุ่ยชิงมองไปยังมือที่เขาจับไว้แน่น เม้มปาก และในที่สุดก็ส่งเสียง ‘อืม’ เบา ๆ “ก็ได้”
หนานหนานได้รับบาดเจ็บภายใน ประกอบกับสองสามวันมานี้เขายุ่งมาก เมื่อตอนนี้มีหลานสุ่ยชิงอยู่ข้างกาย เขาก็ผล็อยหลับไปจริง ๆ
ดวงตาของเยียนจือเบิกกว้าง ขณะมองไปยังมือของคุณหนูของนางกับซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิว ทั้งสองกำลังจับมือกัน นางรู้สึกตกใจ
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? เมื่อสักครู่นี้คุณหนูบอกว่าเวยซื่อจื่อทำร้ายหนานซื่อจื่อ แล้ว แล้วคุณหนูกับหนานซื่อจื่อ… เหตุใดพวกเขาถึงดูเหมือนคู่รักเช่นนี้?
เยียนจือคิดไม่ออก และส่ายหน้าอย่างแรง
แต่คิ้วกลับขมวดแน่นเป็นปมด้วยความกังวลมาก
แม้ว่าคุณหนูจะเป็นคู่หมั้นกับซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว แต่… ยังไม่ได้แต่งงานกัน วันนี้เป็นเพียงการมาพบปะดูตัวกันเท่านั้น หากมีจวิ้นจู่เนี่ยนเนี่ยนอยู่ด้วยก็ไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังจับมือกัน แล้วสาวรับใช้ของตำหนักอ๋องซิวจะคิดอย่างไรกับคุณหนูของนาง?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยียนจือก็แอบชำเลืองมองไปยังสาวรับใช้ในตำหนักอ๋องซิว
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูเหมือนพายุใหญ่จะตั้งเค้าจนเป็นเรื่องระหว่างอาณาจักรอีกแล้วสิ
หนานหนานนี่มารยาตั้งแต่เด็กจนโตไม่เปลี่ยนเลยน้า
ไหหม่า(海馬)