อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 68 เอาใจใส่อีกครั้ง
ตอนพิเศษ 68 เอาใจใส่อีกครั้ง
ตอนพิเศษ 68 เอาใจใส่อีกครั้ง
เมื่อกลับไปจวนของตน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลานสุ่ยชิงตลอดเวลา ยิ้มอ่อนอยู่เสมอ
เยียนจือกังวลและหวาดกลัวมาทั้งวัน จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองนางอีกสองสามครั้ง เมื่อเห็นนางยิ้มอยู่ตลอดเวลา ความกังวลในตอนแรกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสยดสยอง
คุณหนูยิ้มตลอดทาง เหตุใดไม่หยุดยิ้มและไม่พูดอะไรเลย ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจมาก หรือว่าได้รับการกระตุ้นจากสิ่งที่น่ากลัวบางอย่างมา?
รถม้าสะเทือนสองครั้ง ร่างของเยียนจือที่กำลังพิงผนังรถม้าสั่นเล็กน้อย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณหนู ตอนที่ท่านอยู่ในตำหนักไทเฮา เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
หลานสุ่ยชิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วยกยิ้มให้เยียนจืออีกครั้ง
“…” คุณหนู หยุดยิ้มเถิด นางกลัวแล้ว
แต่ครู่ต่อมา จู่ ๆ ไหล่ของนางก็หนักอึ้ง เมื่อนางหันกลับไปก็เห็นคุณหนูซบศีรษะลงบนไหล่ของนาง
“…” นางรู้สึกว่าคุณหนูต้องถูกรังแกในวังหลวงเป็นแน่
“เยียนจือ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี”
“เอ๊ะ?”
หลานสุ่ยชิงเม้มปากเล็กน้อย แล้วพูดหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “ผู้คนต่างร่ำลือกันว่าพวกราชวงศ์นั้นโหดเหี้ยม ฮ่องเต้ก็โหดร้าย และวังหลังก็เป็นดั่งสนามรบที่ร่มรื่น เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว ออกมาอีกครั้งก็จะรู้สึกเหมือนถูกถลกหนังทั้งเป็น แต่…ข้าคิดว่าไม่ว่าจะเป็นไทเฮาหรือฮ่องเต้ พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวธรรมดา ทั้งยังอบอุ่นมากกว่าจวนหลานของเราเสียอีก”
ใช่แล้ว เมื่อเทียบกับจวนหลาน ราชวงศ์ที่ควรจะโหดเหี้ยมและเย็นชากลับเต็มไปด้วยความรักของพี่น้อง แม่ ลูกชาย พ่อและลูกสาวมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นซิวหวางเฟย เป่าหวางเฟย องค์หญิงหว่านเยียน คนเหล่านี้น่าจะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่ออำนาจ แต่กลับ…ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรและจริงใจมาก
นางสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้รักหนานหนานจริง ๆ ดังนั้นเมื่อพวกนางได้ยินว่าเขากำลังจะแต่งงานกับนาง พวกนางจึงมาที่จวนหลานทีละคน เพื่อพบนางและมอบของขวัญให้นาง
บางทีในสายตาของคนนอก ก็อาจจะสงสัยว่าเป็นการประจบสอพลอตำหนักอ๋องซิว แต่หลานสุ่ยชิงรู้ว่าพวกนางมาหานางเพราะหนานหนานจริง ๆ เพื่อดูว่านางเหมาะสมกับหนานหนานหรือไม่
เยียนจือสับสน แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของคุณหนู ก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริง
นางถอนหายใจอย่างโล่งอก และรู้สึกสบายใจเช่นกัน
เมื่อกลับมาที่จวนหลานอีกครั้ง ไท่ฮูหยินกับรองเจ้ากรมหลานก็รอนางอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าอย่างกระวนกระวายใจ
เมื่อเห็นหลานสุ่ยชิงกลับมา ก็รีบทักทายทันที
หลานสุ่ยชิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ในอดีตเมื่อนางเข้าจวนหลาน นางมักจะเข้าออกทางประตูหลัง ร้อยวันพันปีจึงไม่ได้เจอรองเจ้ากรมหลานกับไท่ฮูหยินเลย
ตอนนี้… ฮ่าๆ หลานสุ่ยชิงไม่อาจแสดงทุกความรู้สึกในใจออกมาได้
“สุ่ยชิง ไทเฮาเรียกเจ้าเข้าวังไปเพื่ออะไร?” รองเจ้ากรมหลานถาม
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว พลางนึกถึงความกลมเกลียวกันในวังหลวง แต่จวนหลาน…
นางเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่รองเจ้ากรมหลาน เสียงของนางค่อนข้างเบา “ไทเฮาถามว่าสุขภาพของท่านแม่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ หากดีขึ้นแล้วก็ให้ไปวังหลวง เพื่อหารือเรื่องการแต่งงานเจ้าค่ะ”
หลานหมิงเหลียงผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินนางพูดถึงอู๋ซื่อ ใบหน้าของเขาก็ยังคงมีความลำบากใจ
แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง เนื่องจากไทเฮาพูดเช่นนั้น เขาจึงไม่สนใจความผิดในอดีตของจวนหลาน
หลานสุ่ยชิงเห็นสีหน้ามีความสุขของเขา แล้วก็รู้สึกรังเกียจมากกว่าเดิม
หลานหมิงเหลียงรีบพูดว่า “แต่แม่ของเจ้าสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เหตุใดเจ้าไม่ให้จินซื่อ…พ่อหมายความว่า อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งงานกับซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว สถานะของซื่อจื่อองค์โตนั้นไม่ธรรมดา พิธีแต่งงานจึงต้องซับซ้อนและประณีตยิ่งนัก เพื่อที่แม่ของเจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เราจึงต้องมีคนที่มีความสามารถในจวนหลานมาช่วย”
ทันใดนั้นความโกรธก็พลันปะทุขึ้นในใจของหลานสุ่ยชิง อารมณ์ดีในวันนี้มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขากล้าพูดถึงจินซื่อได้อย่างไร?
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพ่อทำร้ายท่านแม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ร่างกายของท่านแม่จะอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ได้อย่างไร?”
หลานหมิงเหลียงขมวดคิ้วทันที นี่เป็นครั้งแรกที่หลานสุ่ยชิงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
เขาตวาดทันที “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? พ่อเป็นพ่อของเจ้า ถึงคราวที่เจ้าจะสั่งสอนพ่อบ้างแล้วหรืออย่างไร? สุ่ยหยวนกับสุ่ยเถียนยังรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กว่าเจ้า แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะได้หมั้นหมายกับตำหนักอ๋องซิว แต่เจ้าก็ยังคงเป็นลูกสาวของจวนหลาน”
หลานสุ่ยชิงยกยิ้มประชดประชัน เมื่อไท่ฮูหยินเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ปกติ ก็รีบดึงหลานหมิงเหลียง แล้วตำหนิว่า “เจ้าจะทำอะไร? สุ่ยชิงเหนื่อยจากการเข้าไปในวังมาทั้งวัน เจ้าพูดดี ๆ กับนางไม่เป็นหรือ?”
ขณะที่นางพูด ก็ขยิบตาให้หลานหมิงเหลียง
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับความขัดแย้ง แม้ว่าสุ่ยชิงจะเป็นลูกสาวของตระกูลหลาน แต่นางก็มีตำหนักอ๋องซิวคอยสนับสนุน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสุภาพกับนาง
ในที่สุดหลานหมิงเหลียงก็ระงับความโกรธในใจได้เมื่อเห็นสายตาจ้องเขม็งไท่ฮูหยิน เขาพูดกับหลานสุ่ยชิงด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด เราจะพูดเรื่องอื่นกันทีหลัง”
หลานสุ่ยชิงหันกลับไปทันที และจากไปโดยไม่พูดอะไร
หลานหมิงเหลียงขมวดคิ้วมากขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ “นังลูกสาวอกตัญญู”
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าความแค้นที่สุ่ยชิงมีต่อเรานั้นไม่ง่ายเลยที่จะกำจัด จากนี้ไป…” เมื่อคิดว่าอนาคตนางอาจจะต้องอยู่ใต้หลานสุ่ยชิงเพื่อเอาตัวรอด ไท่ฮูหยินก็รู้สึกอึดอัดมาก
“ฮึ่ม มีความแค้นแล้วอย่างไรเล่า? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะต้องการทำลายทุกคนในตระกูลหลาน? นางต้องไม่ลืมว่านางกับตระกูลหลานเป็นหนึ่งเดียวกัน และแม่ของนางก็ยังคงเป็นฮูหยินตระกูลหลาน“
ดวงตาของไท่ฮูหยินเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใช่แล้ว ตราบใดอู๋ซื่อยังอยู่ภายใต้การควบคุม สุ่ยชิงก็จะยังคงเชื่อฟัง
นิสัยแบบอู๋ซื่อนั้น จัดการได้ง่ายกว่าหลานสุ่ยชิงมาก
เมื่อคิดได้ดังนั้น ในที่สุดไท่ฮูหยินก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
หลานสุ่ยชิงเดินออกจากห้องโถงด้านหน้า ฝีเท้าของนางค่อนข้างเร็ว นางเดินก้าวยาว ๆ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเยียนจือว่า “เจ้าไปถามไฉ่เฟิง ว่าช่วงสองสามวันนี้เกิดอะไรขึ้นในจวนหลาน?”
ไม่เช่นนั้นเหตุใดรองเจ้ากรมหลานถึงคิดถึงจินซื่ออีกครั้ง? ในเมื่อช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาพักผ่อนในห้องของอนุฉี
เยียนจือตอบรับทันที แล้วรีบวิ่งกลับไป
คาดไม่ถึงว่าไปได้เพียงครึ่งทาง นางก็บังเอิญเจอไฉ่เฟิงที่กำลังรีบมารายงานพอดี ทั้งสองซุบซิบกันสองสามคำ จากนั้นเยียนจือก็วิ่งกลับมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยหอบ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าหลานสุ่ยชิง
“คุณหนู ไฉ่เฟิงบอกว่าเมื่อวานนี้พี่ชายของจินซื่อมาคุยกับนายท่าน จากนั้นนายท่านก็ไปที่ห้องพระ แต่พอกลับจากห้องพระแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับไปเรือนอนุฉีอีก แม้ว่านายท่านจะไม่ยอมให้จินซื่อพ้นโทษและออกมาจากห้องพระ แต่ก็ยังบอกคนรับใช้ให้ดูแลนางให้ดี และเตรียมอาหารให้มากขึ้นเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ไม่แปลกใจเลยที่รองเจ้ากรมหลานจะเอาใจใส่จินซื่ออีกครั้ง
เฮ้อ เมื่อวานนี้นางเพิ่งไปที่ตำหนักอ๋องซิว แต่เขายังกล้าไปเยี่ยมจินซื่อ ก่อนที่ซิวหวางเฟยจะให้อภัย
วันนี้บอกเขาชัดเจนแล้ว ว่าซิวหวางเฟยไม่ได้ขุ่นเคืองจวนหลานอีกต่อไป แล้วเขาก็คิดจะให้จินซื่อจัดการเรื่องการแต่งงานของนางทันที
จินซื่อจะถูกปล่อยตัวเร็ว ๆ นี้หรือ? ไม่ต้องรอจนถึงสิ้นเดือนหนึ่งก่อนหรือ?
หลานสุ่ยชิงเริ่มใจเย็นลง ดวงตาของนางเฉียบคมขึ้น ดีมาก นางอยากเห็นว่าคราวนี้จินซื่อคิดจะทำอย่างไร?
นางเดินเข้าไปในเรือนสุ่ยสีด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ ความรู้สึกกดดันที่เรือนสุ่ยสีในตอนเช้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางขมวดคิ้วและก้าวเข้าไปในห้อง แต่ครู่ต่อมา รูม่านตาก็ต้องหดลง ขณะมองไปยังคนที่นั่งอยู่กลางห้อง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อกับย่าคิดจะชุบมือเปิบเหรอ? ตั้งนานไม่ดูแลสุ่ยชิงให้ดี
ใครมาอยู่กลางห้อง?
ไหหม่า(海馬)