อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 7 ช่วยเจ้าเรื่องหนึ่ง
ตอนพิเศษ 7 ช่วยเจ้าเรื่องหนึ่ง
ตอนพิเศษ 7 ช่วยเจ้าเรื่องหนึ่ง
เยียนจือรีบไปตามแม่นมปู้ผู้เป็นแม่นมของหลานสุ่ยชิงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อบุตรสาวได้รับการช่วยเหลือ ก็เหมือนได้วางหินก้อนใหญ่ในใจลง ฝีเท้าของแม่นมปู้เบาและรวดเร็วขึ้นไม่น้อย
เมื่อเข้ามาในห้อง ก็คุกเข่าให้กับหลานสุ่ยชิงอย่างซาบซึ้ง “คุณหนู…”
หลานสุ่ยชิงตกใจ รีบพยุงคนลุกขึ้นยืน “แม่นม ท่านทำอะไรน่ะ?”
“คุณหนูช่วยนิวเอ๋อร์ของข้าเอาไว้ ไม่ปล่อยให้นิวเอ๋อร์ของข้าต้องถูกรังแก ข้า ข้า…”
“แม่นมรีบลุกขึ้นเถิด ท่านเป็นแม่นมของข้า ยามท่านมีปัญหา หากข้าช่วยได้ ข้าก็ย่อมช่วย” คนที่สนิทกับนางจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน จะไม่ปกป้องให้ดีที่สุดได้อย่างไร?
“เอาล่ะ แม่นมปู้” เยียนจือเองก็เข้ามาพยุงมืออีกข้างหนึ่งของนาง พยุงให้นางไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ “คุณหนูเรียกแม่นมมาก็เพราะมีธุระ รีบนั่งฟังคุณหนูพูดเสียก่อนเถิด”
แม่นมปู้ชะงัก รีบเช็ดหน้าแล้วพยักหน้าซ้ำๆ “คุณหนูว่ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าฟังอยู่”
“ร้านของเราที่ทางใต้ของเมือง ช่วงนี้ได้กำไรอยู่บ้างใช่หรือไม่?”
แม่นมปู้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็โน้มตัวเข้าหาหลานสุ่ยชิง ลดเสียงลงกล่าว “ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ก็เริ่มทำเงินได้หน่อยแล้วเจ้าค่ะ แต่ไม่มากนัก คุณหนูจะทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ?”
ที่นั่นเป็นร้านขนมเล็กๆ ที่เปิดในพื้นที่ห่างไกลอย่างมาก เป็นร้านที่คุณหนูใช้เงินส่วนตัวที่มีน้อยนิดซื้อเอาไว้เมื่อครั้งออกไปข้างนอกเมื่อครึ่งปีก่อน เป็นเพราะเดิมทีร้านขนมนั้นใกล้จะล้มละลาย ทั้งยังทรุดโทรมมาก จึงรีบๆ ขายร้านออกเสีย
คุณหนูบอกว่าอาการป่วยของฮูหยินยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ นายท่านและฮูหยินใหญ่ไม่สนใจมากนัก ผู้เดียวที่พอจะพึ่งพาได้ก็คือนางแล้ว แต่เงินขาดมือเกินไปจนมีไม่พอใช้ แม้แต่จะซื้อยาก็ยากลำบาก ต่อไปหากใช้เงินส่วนตัวจนหมด ก็คงจะหมดหวังจริงๆ
ดังนั้นคุณหนูจึงคิดจะหาเงินด้วยตนเอง แต่การจะหาเงินด้วยการเปิดร้านจะเป็นเรื่องง่ายเพียงนั้นได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นทำเลที่ตั้งยังย่ำแย่อย่างมาก
ในช่วงสามสี่เดือนแรกนั้นไม่มีรายได้เลย ถึงขนาดขาดทุนเสียด้วยซ้ำ อย่างไรร้านเล็กๆ นั้นอย่าว่าแต่อยู่ห่างไกลเลย แม้แต่ร้านที่ไม่มีผู้สนับสนุนในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเหล่าขุนนางร่ำรวย อยากจะอยู่รอดต่อไปได้ก็ยังยากนัก
พวกนางก็คอยโน้มน้าวคุณหนูว่าให้ขายร้านไปเสียตั้งแต่ตอนที่ยังขาดทุนไม่สาหัสเถิด
แต่คุณหนูก็ยังยืนกรานต่อไป คิดไม่ถึงว่าสองเดือนมานี้สถานการณ์กลับค่อยๆ ดีขึ้น สามารถทำเงินได้เล็กน้อย
ถึงแม้จะได้กำไรไม่มาก แต่อย่างไรก็ทำให้คนพอเห็นความหวัง พวกนางล้วนเชื่อมั่นว่าต่อไปจะยิ่งดีขึ้นไปอีก
เพียงแต่คุณหนูพูดถึงร้านค้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ คิดจะทำสิ่งใดกัน?
“ท่านแม่ ข้าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงชมดอกบัวของตำหนักอ๋องซิว แต่ท่านพ่อและท่านย่าจะต้องไม่ยอมให้ข้าไปเป็นแน่ แม้แต่เสื้อผ้าใส่ไปข้างนอกก็คงไม่เตรียมไว้ให้ข้า ข้าอยากใช้เงินครึ่งหนึ่งที่ร้านหาได้มาซื้อวัสดุเสื้อผ้า ทั้งยังต้องขอให้พวกท่านช่วยตัดเย็บขึ้นมาภายในสองวันด้วย”โนเวล-พีดีเอฟ
แม่นมปู้อึ้งไป จากนั้นก็ส่ายหน้า “เงินครึ่งหนึ่ง… ร้านนั้นทำเงินได้ไม่เท่าไร เงินเพียงครึ่งหนึ่งจะซื้อวัสดุผ้าดีๆ ได้หรือเจ้าคะ? กระทั่งเจียดเงินทั้งหมดมาใช้ก็เกรงว่าจะไม่ดีเท่าของคุณหนูรองและคุณหนูสามกระมัง”
“เรื่องนี้ข้าหาวิธีเอง ก่อนอื่นท่าน…”
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่?” หลานสุ่ยชิงยังไม่ทันกล่าวจบ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้น
เยียนจือได้ยินเสียงก็ฟังออก “เป็นลวี่ซิ่วจากเรือนฮูหยินเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้าให้นาง เยียนจือเดินออกไปรับ ไม่นานนักก็กลับเข้ามาแล้วกล่าวเบาๆ “ฮูหยินเรียกตัวคุณหนูไปเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้า จัดแจงเสื้อผ้า จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป ตรงไปยังลานบ้านที่ดูเล็กมากด้านหลัง
ยังไปไม่ถึงเรือน ก็ได้ยินเสียงไอเบาๆ
หลานสุ่ยชิงรีบเร่งฝีเท้า เปิดม่านด้วยตนเอง เพียงเข้าไปก็นั่งลงตรงข้างเตียงของอู๋ซื่อ ตบหลังของนางเบาๆ
“ท่านแม่…”
อู๋ซื่อสบายตัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พิงหัวเตียงเล็กน้อย มองนางแล้วยิ้มออกมา “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่เจ็บคอเท่านั้น ไม่ต้องห่วง”
จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? หลานสุ่ยชิงย่อมรู้ถึงอาการของอู๋ซื่อดี นางเองก็ไม่กล่าวอันใด เพียงแต่ลูบหน้าอกของนาง ในใจก็ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ จะต้องไปที่ตำหนักอ๋องซิวให้ได้ จะต้อง… พบซิวหวางเฟยให้ได้
“เมื่อครู่แม่นมเหลียงบอกข้าว่าตำหนักอ๋องซิวจะจัดงานเลี้ยงชมดอกบัว ในเทียบเชิญก็มีเจ้าด้วยใช่หรือไม่”
หลานสุ่ยชิงตะลึง จากนั้นก็ยิ้มออกมา “เจ้าค่ะ”
“ดีเหลือเกิน” อู๋ซื่อถอนหายใจอย่างเสียดาย ลูบใบหน้าของหลานสุ่ยชิงอย่างปวดใจ “ออกไปร่วมงานเลี้ยงก็ดี ไปรู้จักคนเสียหน่อย ต่อไปงานแต่งของเจ้าก็จะได้…”
นางกล่าวพลาง สีหน้าก็เศร้าลงเล็กน้อย
ตอนนี้หลานสุ่ยชิงอายุสิบหกปีแล้ว เข้าสู่วัยที่ต้องออกเรือนมาหนึ่งปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพูดถึงงานแต่งของนางเลย ทั้งยังไม่มีใครคิดวางแผนให้นางอีกด้วย แต่คุณหนูรองและคุณหนูสามที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปีกลับเริ่มมีการวางแผนงานแต่งเสียแล้ว
“แม่ผิดเองที่พยายามไม่มากพอ” อู๋ซื่อโทษตัวเองอย่างหนัก ถ้าหากนางแข็งแรงกว่านี้หน่อย สุขภาพดีกว่านี้หน่อย บางทีก็อาจจะไม่ต้องอยู่อย่างลำบากในจวนแห่งนี้ ทำให้บุตรสาวของตนเองพลอยลำบากไปด้วยจนไม่พบบุพเพสันนิวาสที่ดี
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก “ท่านแม่ ข้ายังเล็กนัก ให้ข้าอยู่ข้างกายท่านอีกสองสามปีเถิด”
“เฮ้อ…” อู๋ซื่อถอนหายใจ จากนั้นก็ไอเบาๆ อีกสองครั้ง พึมพำกับตนเอง “แม่เองก็ไม่ขอให้เจ้าแต่งกับคนร่ำรวยมีอำนาจ เพียงคนธรรมดาก็ดีแล้ว แต่ท่านพ่อของเจ้ากลับไม่ช่วยดูให้เจ้าเสียด้วยซ้ำ…”
คนธรรมดา… หลานสุ่ยชิงนึกถึงคนที่บุกเข้ามาในห้องของนางเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างอธิบายไม่ถูก จี้ที่ห้อยอยู่รอบเอวของนางก็ดูจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกครั้ง อบอุ่นเสียจนร้อนเล็กน้อย
หากมีวันหนึ่งที่นางสามารถตัดสินใจได้เองจริงๆ…
“สุ่ยชิง สุ่ยชิง” เสียงของอู๋ซื่อดังขึ้นในหูของนางเบาๆ
หลานสุ่ยชิงได้สติกลับมาทันที รีบยิ้มออกมา “ท่านแม่ มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงเหม่ออีกแล้ว ช่วงนี้เวลาเจ้ามาหาแม่ก็มักจะเหม่อลอยเช่นนี้ มีเรื่องอันใดในใจใช่หรือไม่?”
สีหน้าของหลานสุ่ยชิงฉายแววเขินอายเล็กน้อย หัวเราะแห้งๆ แล้วกล่าว “เปล่าเจ้าค่ะ ลูกเพียงแค่กำลังคิดว่าจะใช้วิธีใดให้ท่านพ่อและท่านย่ายอมให้ข้าไปร่วมงานดี”
พูดถึงเรื่องนี้… อู๋ซื่อก็ขมวดคิ้ว “ปัญหานี้สินะ เกรงว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้เจ้า… เฮ้อ ทำอย่างไรดี”
“เรื่องนี้ข้าจะหาวิธีเอง ท่านแม่วางใจเถิด ข้าจะต้องไปงานเลี้ยงครั้งนี้ให้ได้”
อู๋ซื่อนิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มออกมา บุตรสาวเป็นอย่างไร ในใจนางพอจะรู้อยู่ นางกลัวที่สุดก็คือนางจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ห่วงเพียงอาการป่วยของนาง ทำให้นางเสียโอกาสในการออกไปหาสหาย ตอนนี้นางคิดอยากจะไปด้วยตนเอง ก็คงจะไม่มีปัญหาใด
อย่างไรงานเลี้ยงที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีอะไร แต่ตอนนี้เป็นงานที่ซิวหวางเฟยจัดขึ้น และคนที่เข้าร่วมก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและคนสำคัญจริงๆ สำหรับหญิงสาวที่ถึงวัยออกเรือนแล้ว ก็ย่อมเป็นเรื่องดี
“เช่นนั้นแล้ว แม่ก็จะช่วยเจ้าเรื่องหนึ่ง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น้องซินเดอเรลล่าหลานสุ่ยชิงจะได้ไปงานเลี้ยงไหมนะ คนใกล้ชิดจะเสกชุดไปงานเลี้ยงทันไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-