อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 77 บทลงโทษของจินซื่อ
ตอนพิเศษ 77 บทลงโทษของจินซื่อ
ตอนพิเศษ 77 บทลงโทษของจินซื่อ
รองเจ้ากรมหลานเดินไปหาหมายจะผลักอู๋ซื่อออกไป แต่ครู่ต่อมาเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วขยับไปนั่งข้างเตียง โดยไม่ได้แตะต้องนาง
ไท่ฮูหยินกระแอมเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นคนสามคนนั่งอยู่ข้าง ๆ มีหลานสุ่ยชิง อู๋ซื่อและรองเจ้ากรมหลาน
นางชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่พร่ามัวเล็กน้อยค่อย ๆ แปรเป็นชัดเจนขึ้น
แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูด หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนก็วิ่งมาข้างเตียง แล้วคุกเข่าลง “ท่านย่า ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือยังเจ้าคะ?”
ขณะพวกนางพูด มือก็ผลักอู๋ซื่อออกไป
โชคดีที่เยียนจือกับแม่นมหูยืนอยู่ข้างหลังตลอดเวลา จึงช่วยรับอู๋ซื่อไว้ได้อย่างรวดเร็วด้วยสายตาเฉียบคมและมือที่ว่องไว
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนยิ่ง รองเจ้ากรมหลานกับไท่ฮูหยินย่อมมองเห็น
สีหน้าของรองเจ้ากรมหลานเปลี่ยนไปทันที เขาไม่ได้ผลักอู๋ซื่อ แต่เด็กสองคนกล้าปฏิบัติต่ออนุของเขาแบบนี้ต่อหน้าเขา
นัยน์ตามองไม่เห็นใคร ยโสโอหังไม่เห็นหัวคนอื่น
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่จินซื่อพูดเมื่อคืนนี้ ในเมื่อไท่ฮูหยินหลับไปแล้วจึงไม่สำคัญ อยู่ในห้องพระก็ไม่สำคัญ หากทำความสะอาดจัดแจงให้เรียบร้อย ไม่มีใครในจวนนี้สามารถควบคุมพวกนางได้ พวกนางจะทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ
รองเจ้ากรมหลานอ้าปากค้าง คำพูดเหล่านั้นช่างหยิ่งผยองนักไม่ใช่หรือ? ไม่น่าแปลกใจที่สุ่ยหยวนกับสุ่ยเถียนจะมีนิสัยเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกนางได้รับการเสี้ยมสอนมาจากมารดา
ทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ เขาก็หันหน้าไปจ้องมองพวกนางด้วยสายตาดุดัน “ใครสอนให้พวกเจ้าผลักคนอื่น?”
ทันทีที่ไท่ฮูหยินเห็นหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว ภาพเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในสมอง ทำให้นางรู้สึกแน่นหน้าอกและหนาวเหน็บไปทั้งร่างทันที ก่อนชี้หน้าทั้งสองด้วยนิ้วอันสั่นเทาแล้วหันหน้าไปพูดอย่างอ่อนแรง “ไล่พวกนางออกไป ข้าไม่อยากเห็นพวกนาง อย่าให้พวกนางมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”
สีหน้าของหลานสุ่ยหยวนพลันเปลี่ยนไป น้ำตาไหลอาบใบหน้า “ท่านย่า ท่านย่าอย่าขับไล่พวกเราเลยเจ้าค่ะ ท่านย่า ท่านไม่รักสุ่ยหยวนแล้วหรือเจ้าคะ? พวกเราเป็นหลานสาวของท่าน หากท่านไม่รักพวกเราแล้ว พวกเราควรทำอย่างไรดีเล่าเจ้าคะ? เมื่อไม่กี่วันก่อนเราเพิ่งถูกทุบตี และตอนนี้ท่านย่าก็จะไล่พวกเราออกไปอีกแล้ว”
ไท่ฮูหยินผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นขมวดคิ้วด้วยความลังเล
สุดท้ายคนที่ทำผิดก็คือจินซื่อ เกี่ยวอะไรกับสุ่ยหยวนด้วย?
หลานสุ่ยชิงหัวเราะเยาะในใจ นางรู้อยู่แล้วว่าไท่ฮูหยินมีนิสัยเช่นนี้ สมควรแล้วที่นางจะโกรธจริง ๆ
นางขยิบตาให้อนุฉีที่อยู่ด้านข้าง อนุฉีค่อย ๆ ก้าวเข้ามา เสียงของนางเล็กและนุ่มนวล ดวงตากลมโตของนางก็กะพริบเป็นประกายน่ารักยิ่ง “ไท่…ไท่ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูรองกับคุณหนูสามเพิ่งถูกทุบตีไป พวกนางจึงยังคงเสียใจอยู่ ท่าน ท่านโปรดอย่าถือโทษโกรธพวกนางเลยเจ้าค่ะ ต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะเจ้าคะ ข้า ข้ากับอนุหลัวได้ยินว่าไท่ฮูหยินล้มป่วย จึงเป็นห่วงมาก ไท่ฮูหยินเป็นดั่งเสาหลักของจวนหลาน จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับท่านไม่ได้เจ้าค่ะ”
อนุฉีไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดหลานสุ่ยชิงถึงอยากให้ตนพูดถ้อยคำเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการอ้อนวอนเพื่อคุณหนูรองกับคุณหนูสาม
แต่สิ่งที่อนุฉีไม่รู้ก็คือตราบใดที่นางอ้าปากพูด นางจะดึงดูดความสนใจของรองเจ้ากรมหลานกับไท่ฮูหยิน
เมื่อคืนนี้ตอนที่จินซื่อพูดจายั่วยวนรองเจ้ากรมหลาน นางได้เอ่ยถึงอนุฉีด้วย
แน่นอนว่าทันทีที่ไท่ฮูหยินเห็นอนุฉี คำพูดลามกเหล่านั้นก็ผุดขึ้นมาในสมองนางอีกครั้ง นางจึงยกมือขึ้นตบรองเจ้ากรมหลานที่อยู่ด้านข้าง “หย่ากับหญิงสองคนนั้นเสีย หย่าเดี๋ยวนี้”
รองเจ้ากรมหลานตกตะลึงจากการถูกตบ คนอื่น ๆ ในห้องก็ตกตะลึง สาวใช้ถึงกับเข่าทรุดลงบนพื้น
โชคดีที่หมอออกไปแล้ว จึงไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“เจ้าลูกอกตัญญู จินซื่อถูกแม่ลงโทษให้คุกเข่าในห้องพระ ยังไม่ทันครบกำหนด เจ้าก็ไปที่ห้องพระและทำเช่นนั้นกับพวกนาง สองคนนั้นไม่ใช่เดรัจฉาน เจ้าเองก็ไม่ใช่เช่นกันไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่มีเรือนอื่นให้ไปหาความสำราญนอกจากที่นั่นแล้วหรือ? อนุหลัวกับอนุฉีต่างก็ปฏิบัติตามกฎ แต่เจ้าก็ยังอยากจะทำชั่วเช่นนั้นอีก ที่นั่นคือห้องพระของแม่ เจ้ายังเห็นหัวแม่อยู่บ้างหรือไม่?”
รองเจ้ากรมหลานไม่กล้าพูดอะไรสักคำเมื่อถูกดุ เขาเม้มปากและก้มหน้าลง
หน้าอกของไท่ฮูหยินกระเพื่อมขึ้นลง โทสะในใจของนางยังคงไม่ลดลงเลย นางชี้หน้ารองเจ้ากรมหลาน แล้วถามว่า “บอกมาสิว่าเป็นความคิดของเจ้าหรือไม่? หากเจ้าทำตัวไร้สาระในเรือนของเจ้าเองตามปกติก็ไม่มีใครสนใจหรอก แต่เจ้าดันคิดไปทำเรื่องอัปรีย์ที่ห้องพระ เจ้าต้องการให้จวนหลานของเราไม่มีพระคุ้มครอง จนครอบครัวของเราต้องพินาศหรือ?”
ใบหน้าของรองเจ้ากรมหลานซีดเผือด เขารีบเถียงว่า “ท่านแม่ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ลูกแค่รู้สึกสงสารพวกนาง จึงไปที่ห้องพระเพื่อสนทนากับพวกนาง จากนั้นพวกนางก็ดึงลูกไปเล่นหมากรุกด้วย ลูกคิดว่าการเล่นหมากรุกจะทำให้คนรู้สึกสงบลงได้ แต่ แต่ลูกไม่คาดคิดว่าเมื่อหมดยามซวีแล้ว จู่ ๆ พวกนางจะรั้งไว้…ไม่ยอมปล่อยลูกไป”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ตระหนักได้ว่ายังมีลูกสาวสามคนที่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่ในห้อง สีหน้าของเขาจึงอับอายกว่าเดิม
ไท่ฮูหยินนึกเย้ยหยันทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “หมดยามซวีงั้นหรือ? เฮอะ พวกนางรู้ดีว่าปกติข้าเข้านอนเมื่อใด ขนาดข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกนางก็ไม่สนกฎแล้ว ในอนาคตถ้าข้าตายไป จวนหลานแห่งนี้จะเป็นอย่างไร?”
“ท่านย่า อย่าพูดอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านจะไม่เป็นอะไร จวนหลานจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีท่าน? อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ” หลานสุ่ยชิงพูดในเวลาที่เหมาะสม เกลี้ยกล่อมนางด้วยความเป็นห่วง
ไท่ฮูหยินตกตะลึง แล้วหันไปจ้องมองนางอยู่นาน ทันใดนั้นก็รู้สึกแสบร้อนจมูก นางจับมือหลานสุ่ยชิงไว้ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หันไปพูดกับรองเจ้ากรมหลานอย่างเด็ดขาดว่า “เจ้าได้ยินที่แม่เพิ่งพูดไปหรือไม่?”
“…ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านหมายถึงอะไร แต่เราไม่ควรเผยแพร่เรื่องฉาวโฉ่ในครอบครัวออกไปนะขอรับ ถ้าหย่ากับจินซื่อก็จะมีปัญหาแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ตำแหน่งทางการของลูก…”
ไท่ฮูหยินผลักเขาออกไปด้วยความโกรธจัด “แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไร? หา?”
“… ลดตำแหน่งต้าจินให้เป็นอนุ หาเรือนที่อยู่ห่างไกลให้สองพี่น้องอยู่ สั่งให้พวกนางอดอาหารและสวดมนต์ไหว้พระ ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?”
“เฮอะ อดอาหารกับสวมมนตร์จะมีประโยชน์อะไร? ถ้าเจ้าไปหาพวกนางเมื่อถึงเวลา เกรงว่าพระจะยิ่งโกรธยิ่งกว่าเดิมน่ะสิ”
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ต่อไปลูกจะไม่ไปเจอพวกนางอีกขอรับ”
ไท่ฮูหยินหรี่ตาจ้องมองเขาอยู่นาน แล้วพูดด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าจำสิ่งที่เจ้าพูดวันนี้ไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะทำให้แม่ช้ำใจตาย”
รองเจ้ากรมหลานตกใจ จึงรีบปลอบโยน “ท่านแม่ อย่าพูดเหลวไหลเลยขอรับ”
หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง มองพ่อกับย่าของตนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พวกนางใช้เวลานานพอสมควรในการแยกแยะสิ่งที่ทั้งสองกำลังพูดกัน จากนั้นก็ตะโกนว่า “ไม่ ไม่นะ ท่านย่า ท่านย่าโปรดยกโทษให้แม่ของข้าเถิดเจ้าค่ะ พวกนางต้องถูกใส่ร้ายแน่ ใช่แล้ว มันต้องเป็นแผนชั่วของหลานสุ่ยชิงแน่เจ้าค่ะ“
ไท่ฮูหยินมีสีหน้าเหนื่อยล้า นางโบกมือด้วยความรังเกียจ ก่อนพูดกับแม่นมซ่งว่า “พาสองคนนี้กลับไปที่เรือนเสีย และอย่าก้าวออกจากห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า”
“เจ้าค่ะ” แม่นมซ่งรีบเรียกคนรับใช้สองคนมา เพื่อลากตัวพวกนางจากไป
เสียงตะโกนของหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวค่อย ๆ จางหายไป รองเจ้ากรมหลานก็หมดแรงเช่นกัน
ทว่าในขณะนี้ พ่อบ้านหลิวก็เข้ามารายงานว่า “นายท่าน พี่ชายภรรยาของท่านมาที่นี่ขอรับ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำให้ได้นะรองเจ้ากรมหลาน พูดไปแล้วนะ
มีพ่อโง่ก็เหนื่อยหน่อยนะสุ่ยชิง
ไหหม่า(海馬)