อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 8 งานเลี้ยงชมดอกบัว
ตอนพิเศษ 8 งานเลี้ยงชมดอกบัว
ตอนพิเศษ 8 งานเลี้ยงชมดอกบัว
“หืม?” หลานสุ่ยชิงประหลาดใจ
เมื่อหันมอง ก็เห็นแม่นมเหลียงเปิดกล่องของอู๋ซื่อ จากนั้นก็ยกกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสออกมาวางไว้ตรงหน้าหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงผงะไป ก่อนสบตากับอู๋ซื่อ อู๋ซื่อพยักหน้าให้นางเล็กน้อย จากนั้นนางจึงได้เปิดกล่องออก
ต่อจากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย ของในกล่องคือผ้าไหม สัมผัสดูแล้วทั้งนุ่มลื่นและสบายผิวมาก เป็นวัสดุที่เหมาะกับเอาไปทำเสื้อผ้าจริงๆ
“ท่านแม่”
อู๋ซื่อปิดกล่องเบาๆ กล่าวด้วยเสียงเบา “เดิมทีจะเตรียมเอาไว้ให้เจ้าใช้เมื่อตอนแต่งงาน เพียงแต่ตอนนี้…ในเมื่อเจ้าจะออกจากบ้าน ก็ต้องมีชุดที่ดีใส่ แม่ช่วยเจ้าในเรื่องอื่นๆ ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นตัวถ่วงเจ้าไม่ใช่หรือ?”
หลานสุ่ยชิงรู้สึกอบอุ่นท่วมท้นขึ้นมาในใจทันที มองใบหน้าซูบผอมของอู๋ซื่อ จากนั้นก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก
มารดาของนางมีเงินทองติดตัวมากน้อยเพียงใดนางรู้ดี ตอนนี้ยกของดีเช่นนี้ให้นาง เกรงว่าจะยกให้โดยไม่สนใจสุขภาพของตนเองเลย
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ จับมือของอู๋ซื่อ กล่าวเบาๆ “ท่านแม่โปรดวางใจ ต่อไป… ต่อไปชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ร้านค้าเริ่มทำเงินได้ อีกทั้งนางยังไปขอให้ซิวหวางเฟยช่วยรักษาอาการป่วยให้ท่านแม่ ต่อไปพวกนางแม่ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น
จริงสิ ต่อให้ไปขอร้อง ต่อให้ต้องใช้ทุกวิถีทาง นางก็ต้องพบซิวหวางเฟยให้ได้
แววตาของหลานสุ่ยชิงค่อยๆ มั่นคง หลังจากคุยกับอู๋ซื่ออยู่สักพัก ก็ให้เยียนจือหอบเอากล่องกลับไปยังเรือนน้อยของตน
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินออกมานอกเรือน ก็เห็นสาวใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่กำลังเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย
หลานสุ่ยชิงเก็บสีหน้า กล่าวกับเยียนจือ “ดูกล่องไว้ให้ดี เจ้าไปรอที่ด้านข้าง รอให้นางไปก่อนค่อยออกมา”
“เจ้าค่ะ” เยียนจือเข้าใจ จะให้คนของฮูหยินใหญ่รู้เรื่องกล่องนี้ไม่ได้
หลานสุ่ยชิงเห็นว่าเยียนจือซ่อนตัวดีแล้ว ก็จับมือของแม่นมปู้และก้มหน้าลงเล็กน้อย เดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าเชื่องช้าราวกับว่าทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรง
ไฉ่ซินเห็นนางแล้วก็เดินหน้ามาสองสามก้าว มองดูท่าทางจะล้มแหล่มิล้มแหล่ของนางก็ขมวดคิ้ว
“คุณหนูใหญ่” นางกล่าวทักทายอย่างเป็นมารยาท จากนั้นก็กล่าวเสียงแข็ง “ฮูหยินใหญ่สั่งให้บ่าวมาแจ้ง ว่าวันมะรืนที่ตำหนักอ๋องซิวจัดงานเลี้ยงชมดอกบัว คุณหนูใหญ่เองก็ได้รับเชิญด้วย ให้มาถามว่าคุณหนูใหญ่จะไปหรือไม่เจ้าคะ?”
จะไปหรือไม่หรือ? หลานสุ่ยชิงก้มหน้าลง แค่นหัวเราะออกมา
หากเป็นน้องรองกับน้องสามพูดก็คงไม่มีปัญหาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะให้คนใช้เตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับ เลือกคนขับรถและผู้อารักขาติดตามไปตั้งนานแล้ว ยังต้องถามอีกหรือว่าจะไปหรือไม่ไป?
หลานสุ่ยชิงลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น กล่าวกับไฉ่ซินอย่างอ่อนแรง “เจ้ากลับไปรายงานท่านย่า ว่าสองวันนี้ข้ารู้สึกสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าดูทรุดโทรม ไม่เหมาะจะไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆ รบกวนน้องรองน้องสามกล่าวขอโทษแทนข้าด้วย”
เพียงไฉ่ซินได้ยินคำกล่าวนี้ สีหน้าก็เปล่งกระกายขึ้น ฮูหยินใหญ่ยังกำชับก่อนที่นางจะมา ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ก็ต้องยับยั้งความคิดจะร่วมงานเลี้ยงของคุณหนูใหญ่ให้ได้
คิดไม่ถึงว่าไม่จำเป็นต้องลงมือ คุณหนูใหญ่กลับป่วยเสียอย่างนั้น
เมื่อคิดว่าตนไม่ต้องออกแรงพูดมากนัก ท่าทางของไฉ่ซินก็ดีขึ้นหน่อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วทำความเคารพ “เช่นนั้นแล้ว คุณหนูใหญ่ก็พักผ่อนให้ดีนะเจ้าคะ บ่าวจะกลับไปรายงานฮูหยินใหญ่”
กล่าวจบนางก็หมุนกายจากไปด้วยท่าทางรีบร้อน ราวกับว่าหากอยู่ที่เรือนนี้ต่อจะติดเสนียดจัญไรอย่างไรอย่างนั้น
เพียงร่างของนางลับไป หลานสุ่ยชิงก็ยืดตัวขึ้น หรี่ตาเล็กน้อย หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
เยียนจือเดินมาถึงข้างกายของนาง สีหน้าขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก “อะไรกัน เชิดหน้าเสียจนคางจะทิ่มขึ้นฟ้าอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าไม่มีวิชาต่อสู้ ข้าจะตีนางให้ตายๆๆๆ ไปเลยเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงขำขันกับคำพูดนาง รับกล่องในอ้อมอกของนางมาแล้วเดินเข้าเรือนไป
เรื่องเป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ไม่ผิด ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องการให้นางไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักอ๋องซิวจริงๆ
ตอนนี้นางแสดงความอ่อนแอออกไปก่อน จะได้ทำให้ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องระแวดระวังมากเกินไป ต่อไปนางก็จะได้ทำอะไรสะดวกๆ หน่อย
สองวันต่อมา หลานสุ่ยชิงปิดประตูแน่น ไม่ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว เพียงแต่ตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ในเรือนกับเยียนจือและแม่นมปู้เท่านั้น
ส่วนทางด้านรองเจ้ากรมหลานและฮูหยินใหญ่นั้นกลับทำราวกับไม่รู้ว่านางป่วย ไม่แม้แต่จะเชิญหมอมาให้นาง เพียงแต่ให้คนเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคุณหนูรองและคุณหนูสามอย่างมีความสุข รอให้ถึงวันมะรืนจะได้ไปที่ตำหนักอ๋องซิวอย่างสง่างาม
เทียบกับความคึกครื้นทางด้านนี้แล้ว ทางด้านหลานสุ่ยชิงนี้เห็นได้ชัดว่าโดดเดี่ยวและเงียบสงบกว่ามาก
เยียนจือโกรธเกรี้ยวอยู่หลายครั้ง แต่อย่างไรก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงสาปแช่งอยู่ในใจให้คุณคุณหนูรองและคุณหนูสามเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ให้ตกจากรถม้าจนเป็นอัมพาตไปเลยจะดีที่สุด
เมื่อถึงวันงานเลี้ยงชมดอกบัว ความคึกครื้นและตื่นเต้นไม่ได้มีอยู่เพียงจวนหลาน เหล่าคฤหาสน์ที่ได้รับเชิญในเมืองหลวงล้วนราวกับว่าถูกรางวัล ให้คนแต่งกายให้บุตรสาวตนเองจนงดงามตั้งแต่เช้าตรู่ ออกเดินทางไปยังตำหนักอ๋องซิว
หลานสุ่ยชิงเองก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ แม่นมปู้และเยียนจือประหม่าเสียยิ่งกว่านาง เลือกเอาเครื่องประดับที่ดูน่าเกลียดน้อยที่สุดจากกล่องเครื่องประดับของนางไม่หยุด
หลานสุ่ยชิงจนปัญญา “พวกเจ้าวุ่นวายอันใดกัน? จะดูอีกกี่ครั้งก็มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ไม่ต้องเลือกแล้ว เอาแบบธรรมดาๆ เป็นใช้ได้”
“แต่ว่าคุณหนู…” เยียนจือมุ่ยปาก ไม่เต็มใจเท่าไรนัก
หลานสุ่ยชิงกลับหยิบเอาปิ่นหยกสีขาวรูปพระจันทร์จากโต๊ะเครื่องแป้ง วันนั้นที่ได้พบเขาตรงชานเมือง ก็ดูเหมือนว่าจะปักปิ่นนี้เช่นกัน
เมื่อคิด นางก็สอดปิ่นเข้าไปในมวยผมของตนอย่างไม่ทันรู้ตัว
เยียนจือร้องกระวนกระวาย “คุณหนู เหตุใดจึงใช้อันนั้นเล่าเจ้าคะ ธรรมดา ธรรมดาเกินไปแล้ว”
หลานสุ่ยชิงมองกระจกกลับรู้สึกว่าดีมาก เดิมทีก็ไม่ได้จะไปขโมยความโดดเด่นอันใดอยู่แล้ว เพียงแต่แต่งตัวให้ดูไม่เสียมารยาทเป็นใช้ได้ จะธรรมดาไปหน่อยก็ไม่เป็นไร
“คุณหนู คุณหนูรองและคุณหนูสามจะออกเดินทางแล้ว พวกเราเล่าเจ้าคะ” แม่นมปู้เห็นว่าเยียนจือยังคิดจะกล่าวต่อ ก็เอ่ยขัดจังหวะนางทันที
คุณหนูมีแผนอยู่ในใจแล้ว พวกนางทำตามก็เป็นใช้ได้
หลานสุ่ยชิงยืนขึ้น ถอนหายใจออกมาเบาๆ “พวกเราเองก็ไปกันเถิด ที่ประตูหลังนั้น เจ้าจัดการพร้อมหรือยัง?”
“จัดการไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
“ไปกันเถิด”
หลานสุ่ยชิงจัดเสื้อผ้าของตน ปล่อยให้แม่นมปู้อยู่ที่นี่ พาเยียนจือออกจากเรือนไป
พวกนางออกไปจากประตูหลัง ทางด้านนั้นมีรถม้าเล็กๆ แคบๆ รออยู่แล้ว คนขับเป็นหลานห่างๆ ของแม่นมปู้ ช่วงนี้รับหน้าที่เป็นเจ้าของร้านขนมของนาง รถม้านั้นก็ใช้กับร้านขายขนม
ถนนสายหลักตรงไปยังตำหนักอ๋องซิวนั้นแออัดมาก เดิมทีเกี้ยวและรถม้าของเหล่าขุนนางก็กว้างใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งรวมถึงผู้อารักขาและสาวใช้ของแต่ละบ้าน ทำให้ถนนหนทางถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิง
รถม้าของหลานสุ่ยชิงกลับใช้เส้นทางเล็กๆ รถม้าคับแคบ ถึงแม้จะเข้าไปในตรอก ก็สามารถเดินทางได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง กลับไปถึงหน้าประตูใหญ่ของตำหนักอ๋องซิวก่อนพวกคุณหนูรองที่ออกจากบ้านมาก่อนเสียอีก
นางและเยียนจือนั่งอยู่บนรถม้า ซึ่งจอดหยุดอยู่ในตรอกไม่ไกลจากตำหนักอ๋องซิวนัก
ทั้งสองคนมองดูความเคลื่อนไหวจากหน้าต่างรถ ไม่นานนักก็เห็นรถม้าของจวนหลานค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา
หลานสุ่ยชิงยิ้มที่มุมปาก กระโดดลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พร้อมลุยค่ะซินเดอเรลล่าหลานสุ่ยชิง ไปแบบธรรมดาแต่สะดุดตากว่าใครแน่นอน
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-