อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 80 เขากำลังพูดถึงตัวเอง
ตอนพิเศษ 80 เขากำลังพูดถึงตัวเอง
ตอนพิเศษ 80 เขากำลังพูดถึงตัวเอง
ใบหน้าของหลานสุ่ยหยวนซีดลงทันที หัวใจพลันเต้นระรัว
เห็นได้ชัดว่ามีสาวใช้ของนางเฝ้าอยู่ในลานด้านนอก แต่เหตุใด…จึงไม่มีใครมารายงานตอนที่พ่อมา?
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินไปมากเพียงใด?
ขณะที่นางกำลังตื่นตระหนก นางก็ได้ยินเสียงเย็นชาของรองเจ้ากรมหลานอีกครั้ง “เจ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ที่จะขอร้องเขาหรือ? พ่อบอกพวกเจ้าไว้เลยว่าอย่าสร้างปัญหาให้พ่ออีก การตัดสินใจให้จินซื่อเป็นอนุจะไม่เปลี่ยนแปลง พวกเจ้าสองคนอยู่แต่ในเรือนของตัวเองแล้วทบทวนตัวเอง ไม่ได้รับอนุญาตให้พบลุงของเจ้าอีก ไม่เช่นนั้นก็อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้ก้าวออกจากจวนหลานไปตลอดชีวิต”
ทั้งหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนก้มหน้าลง แต่พวกนางก็โล่งใจ
ฟังจากคำพูดของรองเจ้ากรมหลานแล้ว เกรงว่าเขาน่าจะเพิ่งได้ยินแค่ประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเข้ามา
จินสยงจ้องมองรองเจ้ากรมหลานด้วยความโกรธ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็สะบัดแขนเสื้อก่อนพูดเย้ยหยัน “ท่านคิดว่าข้าอยากจะมานักหรือ? หลานหมิงเหลียง เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เพียงเพราะเป็นรองเจ้ากรมกรมราชทัณฑ์ ท่านเพิ่งไปประจบสอพลอตำหนักอ๋องซิวแล้วก็เริ่มดูถูกพวกข้าเลยหรือ? ข้าบอกเลยว่าข้าไม่ได้เต็มใจมาจวนเส็งเคร็งของท่าน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไล่หรอก ข้าจะไปเอง”
หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที
“ท่านลุง…” หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวร้องเสียงเบา แต่จินสยงได้ใช้ประโยชน์จากการทะเลาะกับรองเจ้ากรมหลาน รีบเดินออกจากจวนหลาน และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
รองเจ้ากรมหลานตะโกนไปที่ประตู “พ่อบ้านหลิว ไล่แขก”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันมาจ้องมองลูกสาวทั้งสองของเขาอย่างดุดันอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “พวกเจ้าทั้งสองอย่าเสียเวลาเลย เรื่องนี้ไท่ฮูหยินเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นับประสาอะไรกับลุงที่ไม่ได้ความของพวกเจ้า ถึงตอนนั้นอย่าได้พูดขัดอีก ได้ยินหรือไม่?”
“ได้ยินแล้วเจ้าค่ะ” ทั้งสองตอบรับเชื่อฟังด้วยความหงุดหงิด
รองเจ้ากรมหลานเห็นดังนั้น ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป แม้ว่าจินซื่อจะถูกลดสถานะให้เป็นอนุ แต่ค่าอาหารและเสื้อผ้าของพวกนางก็ยังคงมีไม่ขาดเหมือนเดิม รอจนกว่าไท่ฮูหยินจะหายโกรธ แล้วพ่อถึงจะพูดเรื่องนี้”
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เช่นกัน
ขณะที่รองเจ้ากรมหลานพูด สีหน้าของเขายังคงละอายใจอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรีบหันหลังเดินจากไป
หลานสุ่ยหยวนเงยหน้าขึ้น หรี่ตาเล็กน้อย แน่นอนว่าท่านพ่อยังคงรักท่านแม่เหมือนเดิม ดังนั้นตราบใดที่พวกนางกำจัดหลานสุ่ยชิงได้ ครอบครัวก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
แต่ว่า…
“พี่รอง พวกสาวใช้ข้างนอกนั่นน่าจะคิดว่าเราสองพี่น้องสูญเสียอำนาจไปแล้ว ถึงได้ไม่ให้ความสำคัญกับพวกเรา” หลานสุ่ยเถียนก้าวเข้ามาพูดเบา ๆ
หลานสุ่ยหยวนพยักหน้า “พ่อมาแต่ไม่มีใครมาบอกเรา ฮึ่ม คนเหล่านี้เป็นคนของไท่ฮูหยิน คงจะตาต่ำเช่นเดียวกับนาง น่าเสียดายที่สาวใช้ทุกคนที่ติดตามเราถูกแทนที่ไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่ต้องอดทนกันถึงเพียงนี้”
“อืม ดูเหมือนว่าต่อไปเราจะต้องทำอะไรอย่างระมัดระวังมากขึ้น ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีคนทรยศในหมู่คนเหล่านี้ ปล่อยให้เรื่องภายนอกเป็นหน้าที่ของท่านลุงดีกว่า ส่วนพวกเราก็ทำตัวดี ๆ เพื่อความสบายใจไปสักสองสามวันเถอะเจ้าค่ะ”
ทั้งสองหัวเราะเยาะขณะคุยกัน
คืนนั้นสองพี่น้องจินซื่อถูกไท่ฮูหยินทุบตี แล้วลดสถานะให้เป็นอนุ และถูกส่งไปยังเรือนที่เงียบสงัดที่สุดในจวนหลาน ข้างกายมีเพียงสาวใช้สองคน
เรื่องนี้ย่อมแพร่ออกไปยังโลกภายนอกไม่มากก็น้อย ผู้คนเริ่มพูดคุยกันว่าเหตุใดจินซื่อถึงถูกลดสถานะเป็นอนุ
แต่เมื่อเทียบกับเรื่องจินซื่อแล้ว เรื่องการแต่งงานของหลานสุ่ยชิงกับเย่ฉิงหนานกลับได้รับความสนใจมากกว่าเรื่องในจวนหลาน หลายคนคิดว่าจินซื่อมีจุดจบเช่นนี้เพราะเหตุการณ์นี้ เพราะอู๋ซื่อถูกกดขี่มากว่าสิบปี ตอนนี้จินซื่อจึงไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จุดจบที่คาดไม่ถึงในมุมมองของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีจินซื่อเคยเป็นอนุที่มีฐานะต่ำต้อยมาก หลายคนจึงเย้ยหยันที่นางถูกลดสถานะเป็นอนุ
ดังนั้นเรื่องของจินซื่อจึงก่อให้เกิดเพียงแรงกระเพื่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจของทุกคน ไม่สามารถทำให้เกิดเรื่องใหญ่อะไรได้
และในคืนนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นอีก
เมื่อจินซื่อถูกโค่นลง ไฉ่ซินก็คิดว่าเป็นโอกาสของนางแล้ว ว่ากันว่าขณะที่ไท่ฮูหยินหลับไม่ได้สติ นางได้ขโมยสร้อยข้อมือล้ำค่าที่สุดของไท่ฮูหยินไป จึงถูกไท่ฮูหยินลากออกไปทุบตีด้วยความโกรธ แต่ไฉ่ซินอ่อนแอ จึงถูกทุบตีจนตายภายในไม่กี่ครั้ง
เมื่อได้ยินข่าวนี้ มือของหลานสุ่ยชิงที่กำลังเย็บเสื้ออยู่ก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเย็บต่อไปโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เยียนจือเล่าข่าววันนี้อย่างมีความสุข
“คุณหนู ไฉ่ซินขโมยสร้อยข้อมือของไท่ฮูหยินจริงหรือเจ้าคะ? นางกล้ามากถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”
หลานสุ่ยชิงยกยิ้ม กัดปลายด้ายในมือ แล้วใส่กลับเข้าไปในตะกร้าเย็บผ้า จากนั้นสะบัดเสื้อคลุมในมือสองครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ปกติไฉ่ซินก็กล้ามากอยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจ…” ประเด็นนี้จบลงเพียงแค่นั้น นางรีบเปลี่ยนไปมองเยียนจือ “เจ้าว่าสีของเสื้อคลุมนี้เข้มเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
เยียนจือเม้มปากและยิ้มทันที “คุณหนู ท่านไม่ต้องสนใจหรอกเจ้าค่ะ ว่าสีเข้มเกินไปหรือไม่ อย่างไรเสีย บ่าวก็คิดว่าหนานซื่อจื่อจะต้องชอบแน่เจ้าค่ะ”
มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก นางรีบพับเสื้อคลุมเก็บ “ใครบอกว่าเย็บให้เขา?”
“เอ๊ะ หรือว่าคุณหนูจะเย็บให้นายท่าน? แต่นายท่าน… ดูจากความสูงแล้ว… ไม่เข้าเลยนะเจ้าคะ”
“…” หลานสุ่ยชิงจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน “เจ้าบอกว่ามันดึกแล้วและง่วงนอนไม่ใช่หรือ? เหตุใดไม่รีบไปตอนนี้เลยเล่า?”
พูดอะไรมากมาย
แต่… นางได้พบกับหนานหนานไม่กี่ครั้ง ชุดที่เขาสวมใส่มักจะเป็นสีเข้ม เสื้อผ้าสีเข้มดูเข้ากับเขามาก ใส่แล้วดูมีกลิ่นอายของจิตสังหารอันเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาแผ่วเบา ทำให้คนมองรู้สึกถึงความมีอำนาจและความสง่างามที่ยากจะเพิกเฉย
ดังนั้นตอนเลือกผ้า นางจึงเลือกผ้าสีเข้มโดยไม่ต้องคิด
นางคิดว่าเขาน่าจะดูดีในชุดสีอ่อนด้วยเช่นกัน รูปร่างและผิวพรรณของเขา ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเสื้อผ้าทุกประเภท
ดีล่ะ คราวหน้าจะลองเย็บชุดสีอ่อนให้เขาลองทั้งหมด แล้วดูว่าจะชอบสีไหน
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังลอยเข้าหูของนาง เมื่อนางหันไปมอง ก็เห็นเยียนจือกำลังมองนางด้วยสายตาเย้าแหย่
หลานสุ่ยชิงมองนางด้วยความโกรธ “จะทำอะไร?”
“คุณหนู ตอนนี้ข้ายังไม่ง่วงเลย ข้าตื่นเต้นมากที่จะได้คุยกับท่าน”
“แต่ข้าอยากคุยกับนาง ควรทำอย่างไรดี?” ทันทีที่เยียนจือพูดจบ เสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้นจากขอบหน้าต่าง
เยียนจือตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยบนขอบหน้าต่าง นางย่อตัวลงโดยไม่รู้ตัว แล้วรีบทำความเคารพทันที “ถวายบังคมซื่อจื่อเพคะ”
หนานหนานกระโดดลงจากขอบหน้าต่าง แล้วเดินไปข้างหน้าหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงนึกถึงเสื้อคลุมที่นางเพิ่งเก็บไป และแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาไม่เห็นมัน
“เจ้ามาได้อย่างไร?”
“เมื่อวานข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะส่งคนมาคุ้มกันเจ้า”
“…” เขาคงไม่ได้กำลังพูดถึงตัวเองใช่หรือไม่?
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานจะส่งใครมาคุ้มกันสาวในดวงใจกันหนอ?
ไหหม่า(海馬)