อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 81 กลัวข้าจะกินเจ้ากลางดึกหรือ
ตอนพิเศษ 81 กลัวข้าจะกินเจ้ากลางดึกหรือ?
ตอนพิเศษ 81 กลัวข้าจะกินเจ้ากลางดึกหรือ?
“เจ้าไม่ได้บอกว่า… จะส่งคนมาหรอกหรือ?” หลานสุ่ยชิงเผลอเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
หนานหนานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “อืม คนคนนั้นก็คือข้าเอง”
“เฮ้ๆๆ ทุกวันเจ้ามีสิ่งที่ต้องทำตั้งเยอะแยะ ไม่จำเป็นหรอก” ซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์ เป็นไปได้หรือที่เขาจะมาเฝ้านางทุกวัน? จะไปได้อย่างไร เขายุ่งมากไม่ใช่หรือ?
หนานหนานหยิบเก้าอี้มานั่งตรงข้ามนาง “ไม่เป็นไร ข้ายังหาเวลาว่างได้”
“แต่เจ้ามีเรื่องที่ต้องทำมากมายอยู่แล้ว ถ้ามาคอยปกป้องข้าตอนกลางคืน แล้วจะมีแรงทำอย่างอื่นได้อย่างไร?” เขาคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าหรือ? ไม่ต้องนอนหลับพักผ่อนหรือไร?
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำเรื่องไม่ดี” หนานหนานพูด แล้วหันหน้าไปมองเยียนจือ “เจ้าไปเอาผ้านวมมาปูบนเก้าอี้ยาวข้างนอก”
ดวงตาของเยียนจือเบิกกว้าง เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน นางได้ยินอะไรได้ยินว่าอะไรนะ? หนานซื่อจื่อต้องการ… นอนที่นี่หรือ?
เยียนจือกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แล้วถามด้วยความไม่แน่ใจ “ซื่อจื่อเพคะ ท่าน… ต่อไปจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือเพคะ? แต่ว่า แต่ว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน หากมีใครล่วงรู้เข้า…” ชื่อเสียงของคุณหนูจะไม่เสียหายหมดหรือ?
หนานหนานจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน “เจ้าจะไปรู้อะไร? คุณหนูของเจ้ากำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ เมื่อเช้าข้าพบว่ามีคนจากยุทธภพจำนวนมากอยู่นอกเรือนแห่งนี้ เจ้าคิดว่าพวกเขาแค่มาเยี่ยมเรือนสุ่ยสีที่คุณหนูของเจ้าอาศัยอยู่หรือ เจ้าคิดว่าแค่เจ้ากับแม่นมปู้จะปกป้องคุณหนูของเจ้าได้หรือ?”
เยียนจือกะพริบตา เมื่อได้สติก็สูดหายใจเข้าลึก “มีคน… กำลังจับตามองหรือเพคะ?”
“อืม” หนานหนานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ หากพบสิ่งผิดปกติก็จะสามารถกำจัดอันตรายได้ทันที ไม่เช่นนั้น หากนักฆ่าหรือองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นแอบเข้ามา แล้วใช้มีดแทงพวกเจ้า แม้กระทั่งดวงตะวันในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยซ้ำ”
ร่างกายของเยียนจือสั่นสะท้าน ราวกับขนทั่วร่างกายของนางถูกชะล้างด้วยน้ำเย็น
หลานสุ่ยชิงยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก “อย่าทำให้นางตกใจเลย เหตุใดถึงฟังดูร้ายแรงนัก? อย่างไรเสียที่นี่ก็คือจวนขุนนาง หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวคงไม่กล้าปลิดชีวิตข้าอย่างเปิดเผยเช่นนั้นหรอก”
สิ่งที่พวกนางทำได้มากที่สุดก็คือ… ใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรก
ขณะคิดเช่นนั้น เยียนจือก็รีบพูดตัดบท “คุณหนู พวกนางกล้าเสมอ แม้ว่าพวกนางจะไม่ฆ่า แต่ถ้าพวกนางทำอย่างอื่นเพื่อใส่ร้ายคุณหนูเล่าเจ้าคะ? อย่างการทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนู? ข้าเห็นด้วยกับการให้ซื่อจื่ออยู่ที่นี่ ข้าเห็นด้วยมากเจ้าค่ะ มีซื่อจื่ออยู่ที่นี่ ข้าก็รู้สึกอุ่นใจเจ้าค่ะ ซื่อจื่อเพคะ บ่าวจะรีบไปเอาผ้านวมมาจัดที่นอนให้เดี๋ยวนี้เพคะ”
“…” เยียนจือ คุณหนูของเจ้าอยู่คนเดียวกับบุรุษทั้งคืน เจ้าอุ่นใจมากนักหรือ???
หลานสุ่ยชิงมองหนานหนานอย่างหมดหนทาง “อันที่จริงเจ้าไม่ต้องมาปกป้องข้าด้วยตัวเองหรอก เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าคนในยุทธภพเหล่านั้นเป็นเพียงแมวสามขา?”
“อยากได้คนอื่นหรือ? เจ้าอยากให้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ข้า มาคอยเฝ้าตลอดเวลาหรือ?” เขาไม่ยอมแน่
“… แล้วสตรีเล่า?”
“ในใจข้ามีเพียงเจ้า จะไม่มีสตรีคนไหนมาอยู่ใกล้ชิดข้าได้”
“…” หลานสุ่ยชิงเม้มปากอย่างหมดคำจะพูด นางรู้สึกว่าจะปล่อยให้เขาทำตัวน่าอายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะนางจะโกรธเขาอีก ทันใดนั้น นางก็ก้มหน้าลงทันทีและพึมพำเบา ๆ
เยียนจือรีบหยิบผ้านวมมาจัดที่นอนให้เรียบร้อย แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว “คุณหนู บ่าวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ ไม่ต้องห่วง มีซื่อจื่ออยู่ที่นี่ คนเหล่านั้นย่อมไม่กล้ามาที่ประตูหรอกเจ้าค่ะ”
เมื่อมีซื่อจื่ออยู่ที่นี่ นางรู้สึกว่านางสามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุข คุณหนูกับซื่อจื่ออยู่ด้วยกันเป็นเรื่องดี
“…” หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดไปนั้นไร้ประโยชน์ เย่ฉิงหนานเป็นเหมือนเจ้านายของนางในเรือนสุ่ยสีมากกว่าตนเสียอีก
นางเม้มปากขณะมองเขา
หนานหนานนั่งไขว่ห้างอย่างเกียจคร้าน ขณะมองนางด้วยรอยยิ้ม
“มองข้าแบบนั้นเพื่ออะไร? กลัวข้าจะตื่นมากินเจ้ากลางดึกหรือ?”
“ถ้าเจ้าพูดเหลวไหลอีก ปากของเจ้าได้แตกแน่” หลานสุ่ยชิงหน้าแดง “อย่างไร อย่างไรเจ้าก็เงียบไว้แล้วกัน”
นางไม่คิดว่าจะสามารถขับไล่เขาออกไปได้ ความดื้อรั้นของชายผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก สุดท้ายแม้แต่เยียนจือก็ยัง ‘ทรยศ’ นาง ปล่อยให้นางอยู่คนเดียว โดยไม่อาจทำอะไรได้ นางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน
แต่…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงรู้สึกสบายใจมากเมื่อเขาอยู่ที่นี่
หนานหนานรินชาบนโต๊ะดื่ม จากนั้นลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ายังรู้จักประมาณตน ข้าจะไม่ฝืนเหนื่อย และนอนหลับตามปกติ เพียงแค่ความตื่นตัวของข้าดี หากมีคนเข้าใกล้ข้าก็จะรู้ตัว”
เมื่อหลานสุ่ยชิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นาง… ไม่อยากให้เขาเหนื่อยเกินไปจริง ๆ
เมื่อเห็นเขาเดินออกจากห้องชั้นใน นางก็เม้มปากแล้วยกยิ้ม นางอารมณ์ดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นนางก็เข้านอนพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่เงียบสงบที่สุดที่นางเคยนอนมาในรอบหลายปีมานี้
เมื่อนางตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น หนานหนานก็จากไปแล้ว
เยียนจือเก็บผ้านวมทั้งหมดบนเตียงเรียบร้อยแล้ว นางเอียงคอมองหลานสุ่ยชิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
หลานสุ่ยชิงจ้องมองนาง แล้วพูดว่า “วันนี้ข้าไม่มีขนมให้เจ้า”
“…” คุณหนู ท่านตอบแทนน้ำใจด้วยการแก้แค้นชัดๆ
นางเม้มปาก เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของแม่นมปู้ที่อยู่ข้าง ๆ สุดท้ายนางก็ไม่พูดอะไร แล้วเดินไปเอาน้ำมาให้ล้างหน้า
หลานสุ่ยชิงกินอาหารเช้าอย่างแจ่มใส เมื่อนางไปทักทายอู๋ซื่อ ก็ได้ยินว่าตำหนักองค์ชายสามส่งจดหมายมาหา
นางตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงความเป็นมิตรของหวางเฟยเมื่อสองสามวันก่อน นางก็รับไว้ด้วยความยินดี
หลังจากพักสักครู่ นางก็ไปเยี่ยมไท่ฮูหยินอีกครั้ง
ไท่ฮูหยินดูเหนื่อยล้า และสภาพจิตใจยังไม่ค่อยดีนัก เมื่อนางได้ยินว่าตำหนักองค์ชายสามส่งคำเชิญมา ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเสียงดังว่า “ในจดหมายได้เชิญน้องสาวคนรองกับคนที่สามของเจ้าด้วยหรือเปล่า?”
แม้ว่านางจะโกรธหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว แต่พวกนางก็เป็นลูกสาวของตระกูลหลาน หากพวกนางได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้มากขึ้น ได้ทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญและขุนนางชั้นสูงมากขึ้น และได้แต่งงานกับคนสูงศักดิ์ ตระกูลหลานของพวกเขาก็ย่อมเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่ถ้านางออกไป นางก็จะเสียหน้าไม่ใช่หรือ?
เดิมทีครอบครัวของลูกสาวใช้การแต่งงานเพื่อเสริมสถานะครอบครัวแม่ของนาง ในอีกไม่กี่วันนางจะหาอนุให้หมิงเหลียง ถ้าให้กำเนิดลูกชาย นางจะไม่เสียใจเลยจริง ๆ
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากของหลานสุ่ยชิง แต่นางยังคงตอบอย่างสุภาพ “บอกว่าข้าเชิญลูกสาวทั้งสามของตระกูลหลานเจ้าค่ะ ในวันนั้นน้องรองกับน้องสามก็จะไปด้วยเจ้าค่ะ”
“อืม ก็ดี” ไท่ฮูหยินพูดกับนางอีกสองสามประโยค แล้วให้นางกลับไป
หลานสุ่ยชิงกลับไปที่เรือนสุ่ยสีด้วยรอยยิ้ม ส่วนเยียนจือใจเสียไปตลอดทาง แต่นางไม่สนใจ นางแค่หยิบเสื้อคลุมที่เก็บไว้เมื่อคืนออกมาเริ่มเย็บต่อ
ตอนนี้เย่ฉิงหนานอาศัยอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืน นางจึงทำได้แค่ในตอนกลางวันเท่านั้น
เกือบทั้งวันหลานสุ่ยชิงจึงง่วนอยู่กับเรื่องนี้
เมื่อยามซวีมาถึง หนานหนานก็มาจริง ๆ
ทว่าขณะที่เข้าใกล้เรือนสุ่ยสี เขาก็หรี่ตาลง สายตาจับจ้องไปที่ต้นไม้ใหญ่นอกเรือนสุ่ยสี เส้นประสาทค่อย ๆ ตึงเครียด
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานยิ่งโตยิ่งเหมือนท่านอ๋องซิวราวกับโคลนมาเลยนะ
ใครน่ะ จะใช้ปรมาจารย์ยอดฝีมืออย่างที่พี่ชายจินซื่อบอกหรือเปล่า?
ไหหม่า(海馬)