อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 83 เจ้ามากับข้า
ตอนพิเศษ 83 เจ้ามากับข้า
ตอนพิเศษ 83 เจ้ามากับข้า
หนานหนานอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้านี้คุ้นมาก เมื่อเย่หลานเวยให้ภาพเหมือนของอู๋ฉางคงแก่เขา คนในภาพนั้นดูคล้ายกับอู๋หลินเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขามาก
“…” อู๋หลินเฟิงหงุดหงิดเมื่อเห็นเขานิ่งงันไป แล้วถอยหลังไปสองก้าว “อะไร เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้ามากับข้า” แม้ว่าเขากับอู๋ฉางคงจะดูคล้ายกันมาก แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ต้องลองตรวจสอบก่อน
อู๋หลินเฟิงขมวดคิ้ว ดูไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?”
“อืม” หนานหนานตอบตามตรง
“…” อู๋หลินเฟิงกัดฟัน ซื่อจื่อองค์นี้น่าหมั่นไส้เกินไป น่าเสียดายที่เขามาถึงเมืองหลวงช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่เช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้จะต้องหยุดลงแน่นอน
แต่แม้ว่าเขาจะหมั่นไส้หนานหนานมากในใจ แต่เขาก็มองไปยังร่างที่กำลังเอามือไพล่หลังหันหลังให้เขา
เขารู้สึกได้ถึงรัศมีลึกลับที่ครอบงำเขา… มันแข็งแกร่งเสียจนเขาทำได้เพียงยอมเชื่อฟัง
เขาเดินตามหนานหนานไปจริง ๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างสองร่างก็ทะยานขึ้นเหนือจวนหลาน ร่างหนึ่งอยู่ข้างหน้าและอีกร่างหนึ่งอยู่ข้างหลัง มุ่งหน้าไปยังตำหนักองค์ชายสาม
เย่หลานเวยยังอยู่ในห้องตำรา เขากำลังตรวจสอบข่าวดีเกี่ยวกับอู๋ฉางคง ทันใดนั้นประตูห้องตำราก็ถูกผลักเปิดออก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย เขาก็หลับตาลงและกำหมัดแน่น แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เย่ฉิงหนาน ที่นี่คือห้องตำราของข้า คราวหน้าเจ้าช่วยเคาะประตูก่อนเข้ามาเพื่อแสดงความเคารพต่อข้าได้หรือ… เอ่อ เขาเป็นใคร… ไม่สิ”
เย่หลานเวยรีบหยิบภาพเหมือนข้างโต๊ะขึ้นมา ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างเพ่งมองอู๋หลินเฟิง ริมฝีปากอ้าเล็กน้อย “อู๋ฉางคงหรือ?”
“นั่นท่านพ่อของข้า” อู๋หลินเฟิงตอบครึ่งหลังของประโยคอย่างจริงจัง
มุมปากของหนานหนานกระตุก เขาหยิบเก้าอี้มานั่งลงด้วยตัวเอง จากนั้นมองอู๋หลินเฟิงที่อยู่ตรงข้าม แล้วพูดว่า “พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ในดินแดนเหมิง”
“…” เย่หลานเวยหันไปมองหนานหนานด้วยความประหลาดใจ ซึ่งความประหลาดใจก็แสดงผ่านสีหน้าของหนานหนานเช่นกัน
อู๋หลินเฟิงประหม่ามาก เขาพูดต่อว่า “ดินแดนเหมิงไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของอาณาจักรทั้งสี่ ไม่นานหลังจากที่พ่อของข้าออกจากอาณาจักรเฟิงชาง เขาได้พบกับสหายที่มาจากดินแดนเหมิง เขาจึงพาข้าไปดินแดนเหมิงด้วย และปกปิดชื่อของเขาไว้เป็นเวลาหลายปี”
เขาพูดพลางหรี่ตามองหนานหนาน “แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซื่อจื่อก็เป็นชายผู้มีชื่อเสียงในดินแดนเหมิงเช่นกัน ข้าได้ยินเรื่องของซื่อจื่อมามากมายตั้งแต่เด็ก”
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาคราวนี้ เขาก็มีความสุขมากที่ได้ยินว่าคนที่หมั้นหมายกับหลานสุ่ยชิงคือซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิว สุดท้ายแล้วเขาเพียงอยากรู้จักปรมาจารย์ยอดฝีมือผู้ลึกลับ และคาดเดาไม่ได้ในสายตาของทุกคน
ทำให้หลังจากได้ยินจากหลานสุ่ยหยวนบอกว่าหลานสุ่ยชิงกำลังมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็ตอบรับข้อตกลงทันที เขาต้องการดูว่าใครเป็นคนโง่เขลา ที่กล้าลองดีกับซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิว ดังนั้นก่อนที่เขาจะได้พบกับหนานหนาน เขาก็มีความรู้สึกอยากปกป้องซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวอยู่แล้ว
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าชื่นชมข้ามาโดยตลอดหรือ? อืม ข้าอนุญาต” หนานหนานมองเขาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
อู๋หลินเฟิงแทบจะกระอักเลือด แม้ว่า… อืม ก็จริงอยู่ที่ว่าคนผู้นี้เป็นคนที่เขาเคย… ชื่นชมอยู่ในใจ
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าคือคนป่าเถื่อน ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจผิดไปเอง
“ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว เหตุใดไม่ไปหาหลานฮูหยินเล่า?”
อู๋หลินเฟิงขมวดคิ้ว รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เป็นเพราะข้ายังไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวต่อหน้าอาของข้าอย่างไรดี อีกทั้งตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้หมั้นหมายกับท่านแล้ว ถ้าข้ารีบไปที่จวนหลาน ข้าก็เกรงว่ารองเจ้ากรมหลานจะคิดว่าข้าฉวยโอกาสประจบ… ข้าจึงยังคงหาโอกาสที่เหมาะสมอยู่”
หนานหนานหรี่ตา และยกนิ้วขึ้นแตะคางตัวเอง “เหตุผลของเจ้ายากที่จะทำให้ข้าเชื่อ ข้ายังไม่ค่อยไว้ใจเจ้าเต็มที่”
“แล้วท่านจะให้ทำอย่างไร?”
“ตอบคำถามข้า”
“ท่านว่ามา”
“…” เย่หลานเวยเฝ้ามองทั้งสองพูดคุยกันอย่างลื่นไหล เมื่อเห็นทั้งสองเพิกเฉยต่อการมีตัวตนของเขา เขาก็รู้สึกเหมือนมีม้านับพันควบผ่านไปในหัวใจ
เหตุใดหนานหนานถึงพาคนมาที่ตำหนักองค์ชายสาม แล้วจุดประสงค์ที่พามาห้องตำราของเขา มาอยู่ตรงหน้าเขาคืออะไร?
ไม่ได้จะให้เขายืนยันความถูกต้องของตัวตนของคนผู้นี้หรอกหรือ? ในเมื่อหนานหนานจัดการเองได้ แล้วเหตุใดต้องพาคนมาที่ห้องตำราด้วย? สนุกหรือ?
เย่หลานเวยมองคนทั้งสองที่กำลังคุยกันด้วยสายตาขุ่นเคือง เขาอ้าปากจะพูดหลายครั้ง ในที่สุดก็นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะด้วยความโกรธ
ต่อมาดูเหมือนเขาจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้น… เมื่อเย่หลานเวยตื่นขึ้น หนานหนานกับอู๋หลินเฟิงก็ไม่ได้อยู่ในห้องตำราอีกต่อไป
เขาแค้นมากจนอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด คราวหน้าจะไม่ช่วยอะไรเจ้านั่นอีกแล้วเป็นอันขาด
เย่หลานเวยทิ้งภาพเหมือนลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ จากนั้นเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เขาฉีกมันจนเป็นชิ้น ๆ จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินออกจากห้องตำรา
ข้างนอกดวงตะวันเริ่มทอแสงแล้ว สาวใช้ข้างกายหวางเฟยสามรีบเข้ามาคำนับเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ซื่อจื่อเพคะ อีกห้าวันจะถึงวันจัดงานเลี้ยงของหวางเฟย หวางเฟยจึงให้มาถามว่าซื่อจื่อมีสหายที่อยากชวนมาหรือไม่เพคะ”
เย่หลานเวยขมวดคิ้ว แล้วโบกมือพูดว่า “อันที่จริงมีสหายสองสามคนที่อยากเชิญมา ถึงเวลาข้าจะจัดการเอง เจ้าแค่ไปบอกท่านแม่ว่าเมื่อถึงวันจัดงานเลี้ยง ให้ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปขวางประตูจวนไว้ ไม่ให้ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวเข้ามา”
เขาต้องการแก้แค้นทุกครั้งที่เขาชอบมาโดยไม่ได้รับเชิญ
“…” สาวใช้ตกใจ และก่อนที่นางจะทันได้ตอบสนอง เย่หลานเวยก็จากไปแล้ว
ขณะเดียวกัน คนที่จะถูกเขาปฏิเสธในอีกห้าวันก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูจวนหลานในลักษณะแต่งกายเต็มยศ เงยหน้าขึ้นมองแผ่นโลหะเหนือศีรษะ
พ่อบ้านหลิวรีบทักทายเขาด้วยการโค้งคำนับ “ข้าน้อยไม่ทราบว่าซื่อจื่อกำลังจะมา จึงต้อนรับท่านไม่ดีนัก หวังว่าซื่อจื่อจะอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องสุภาพเกินไป ข้าก็มาที่นี่กะทันหันเกินไปเหมือนกัน”
“ข้างนอกร้อนมาก โปรดเข้ามาข้างในเถิดพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านหลิวปาดเหงื่อ ไม่กล้าเงยหน้า แล้วเดินหลีกทางไปด้านข้าง “วันนี้นายท่านไม่อยู่จวน โปรดอย่าได้ถือโทษ”
“อืม ข้ารู้แล้ว วันนี้ข้าบังเอิญผ่านมาที่นี่ จึงมาเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสสกุลหลานกับหลานฮูหยิน” เขาพูดขณะเดินเข้าไป
พ่อบ้านหลิวรีบส่งคนไปแจ้งไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินยังคงสุขภาพไม่ดี อย่างไรเสีย คนกระอักเลือดก็ย่อมไม่สามารถฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
แต่เมื่อได้ยินว่าซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวมาถึง นางก็ยืนยันจะให้แม่นมซ่งช่วยแต่งตัวให้นาง พยายามให้ดูดีขึ้นมากที่สุด จากนั้นก็ลุกขึ้นไปทักทายเขา
หนานหนานไม่ชอบนางอยู่แล้ว เขาจึงเพียงแค่พูดคำสุภาพไม่กี่คำ หยิบขวดยามาให้นาง และแนะนำให้นางไปพักผ่อน
ไท่ฮูหยินยังอยากจะพูดคุยต่อ แต่นางทนไม่ไหวจริง ๆ จึงต้องกลับไปนอนพัก
หนานหนานออกจากเรือนโยวหรานทันที แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังสวนหลานของหลานฮูหยิน
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เย่หลานเวยเป็นสนามอารมณ์ของหนานหนานตลอดเลย แต่เชื่อว่าต่อให้ปากบอกไม่อยากช่วย พอถึงเวลาจริงๆ ก็ช่วยอยู่ดี
ไหหม่า(海馬)