อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 86 เรือนนี้ไม่สะอาด
ตอนพิเศษ 86 เรือนนี้ไม่สะอาด
ตอนพิเศษ 86 เรือนนี้ไม่สะอาด
ทันใดนั้น หลานสุ่ยชิงก็นึกถึงกระดานข่าวในวันนั้นขึ้นมา จึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ฮ่องเต้ได้ออกประกาศแล้วหรือ?”
“ใช่” หนานหนานพยักหน้า แล้วมองนางด้วยรอยยิ้มอ่อน “บางเรื่องข้าก็อยากจะรอให้ผลออกมาก่อนถึงจะบอกเจ้า เพื่อไม่ให้เจ้ากังวลตลอดเวลา”
ใบหน้าของหลานสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง คนผู้นี้จริง ๆ เลย ถ้าได้พูดเมื่อใด เขาจะพูดจาน่ารักเช่นนี้ได้ไม่รู้จบ
อู๋หลินเฟิงแทบจะเป็นบ้า เขาขุดหลุมฝังตัวเองเสียแล้ว ถ้ารู้ว่าเย่ฉิงหนานมีแรงจูงใจแอบแฝง เขาจะไม่มาจวนหลานพร้อมกับอีกฝ่ายแน่
เขารู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที รู้สึกว่าตนถูกหลอกใช้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่อาจแสดงความไม่พอใจได้
“… ท่านอา ข้ากับหนานซื่อจื่อจะพยายามจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นลูกหลานของตระกูลอู๋” เขาเอ่ยขึ้น หมายทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีตัวตน
หนานหนานชำเลืองมองเขา ความจริงอยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเขาก็ได้
แต่ในเมื่อเขาอ้างว่าเขาเป็นลูกหลานของตระกูลอู๋ จึงไม่ดีที่จะโจมตีเขาแรงเกินไปต่อหน้าหลานฮูหยิน
เขาจึงเงียบ ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก
อู๋ซื่อพยักหน้า และมองเขาด้วยรอยยิ้ม “อืม มีทั้งซื่อจื่อและเจ้าอยู่ ตระกูลอู๋จะต้องได้รับความเป็นธรรมแน่นอน”
“…” เหตุใดต้องกล่าวถึงเย่ฉิงหนานก่อนเขาด้วย
“เจ้ากลับมาตอนนี้ก็ดีแล้ว ข้าจะไปหานายท่านเมื่อเขากลับมา เจ้าจะได้พักอยู่ในจวนหลานชั่วคราวได้” อู๋ซื่อคิดอยู่พักหนึ่ง อย่างไรเสียเขาก็เป็นหลานชายของนาง ดังนั้นเขาจึงควรอาศัยอยู่ในจวนหลาน
อู๋หลินเฟิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้ยังไม่ได้หรอกขอรับ เพราะสถานะปัจจุบันของข้ายังเป็นอาชญากร รอคดีของท่านปู่สิ้นสุดลง ข้าค่อยอธิบายตัวตนของข้ากับรองเจ้ากรมหลาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไปมากกว่านี้ดีกว่าขอรับ”
เมื่อเขาพูดจบ เขากับหนานหนานก็มองหน้ากัน ความจริงแล้วเป็นเพราะหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวเคยพบเขามาก่อน หากพวกนางรู้ว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลานสุ่ยชิง พวกนางก็อาจมีความคิดชั่วร้ายอีก
หลังจากชำเลืองมองกันแล้ว เขาก็รีบละสายตาอย่างรวดเร็ว แต่หลานสุ่ยชิงก็ยังสังเกตเห็น
นางขมวดคิ้วสงสัยในใจ แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยคำใดออกไป
อู๋ซื่อพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดค่อนข้างสมเหตุสมผล แม้ว่าหนานหนานจะพาอู๋หลินเฟิงมา แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน จึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่สร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น
“มีเหตุผล แล้วตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด?”
อันที่จริงเขาอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม “ซื่อจื่อรับปากว่าจะให้ข้าอยู่ในตำหนักอ๋องซิว ทำเช่นนั้นมันสะดวกกว่าขอรับ” หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่หนานหนานอย่างยั่วยุ
หนานหนานนึกเย้ยหยัน “ใช่แล้วขอรับ” อยู่ในตำหนักอ๋องซิวงั้นหรือ? อยู่ได้แน่ ถ้าไม่กลัวโดนถลกหนังจนเหลือแต่กระดูกเสียก่อน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดอู๋ซื่อก็รู้สึกโล่งใจ
อู๋หลินเฟิงเห็นว่านางดูค่อนข้างเหนื่อยล้า เขาจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หยิบตั๋วเงินสองสามใบใส่มือของอู๋ซื่อ แล้วพูดว่า “ท่านพ่อบอกให้ข้านำมาให้ท่านขอรับ เขารู้ว่าชีวิตในจวนหลานของท่านน่าจะลำบาก และเขาไม่รู้จะช่วยท่านอย่างไร หลายปีที่ไม่ได้ติดต่อกัน ท่านพ่อก็รู้สึกผิดมาโดยตลอด… ท่านอาอย่าได้ปฏิเสธเลยนะขอรับ มันเป็นเรื่องดีเสมอที่จะมีเงินติดตัวไว้ ทั้งหมดมาจากครอบครัวเราเอง หากท่านไม่ยอมรับไว้ ข้าจะอธิบายให้ท่านพ่อฟังไม่ได้ขอรับ”
เมื่อเห็นเขาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว อู๋ซื่อก็นึกถึงนิสัยของพี่ชายตน จึงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็รับตั๋วเงินนั้นไว้
จากนั้นอู๋หลินเฟิงก็ลุกขึ้นเดินจากไป
อันที่จริงเขายังมีบางอย่างที่อยากจะบอก เดิมทีพ่อของเขาต้องการมาที่เมืองหลวงด้วยตนเอง แต่ขาของเขาหัก
ย้อนกลับไปตอนที่เขาลาออก ซ่างกวนจิ่นโกรธมากและส่งคนไปล่าสังหารเขา เดิมทีเขาเกือบช่วยชีวิตคนในครอบครัวไว้ไม่ได้ แต่สุดท้ายซ่างกวนจิ่นก็คิดว่าตอนนั้นเขาเคยช่วยชีวิตตนไว้ จึงตัดสินใจหักขาข้างหนึ่งของเขา แล้วปล่อยสามคนพ่อแม่ลูกไป
หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าพ่อของเขาจะชินกับการใช้ชีวิตโดยใช้ขาเพียงข้างเดียวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อยากปรากฏตัวต่อหน้าหลานฮูหยิน เพราะเกรงว่านางจะเสียใจ
ดังนั้นหลังจากที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจึงถูกขอให้ออกไปฝึกฝน และในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงเพื่อตามหาหลานฮูหยิน และรื้อฟื้นคดีของตระกูลอู๋
หนานหนานรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว ขาหักเพียงข้างเดียวก็นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
พวกเขาทั้งสามออกจากสวนหลานอย่างรวดเร็ว อู๋หลินเฟิงก้มหน้าลงเล็กน้อยอีกครั้ง ขณะเดินไปอยู่ข้างเหวินเกอที่เฝ้าอยู่นอกประตู แล้วเดินตามหลังหนานหนานในฐานะผู้ติดตาม
ทุกคนเดินไปที่เรือนสุ่ยสีโดยไม่รู้ตัว หลานสุ่ยชิงไม่สนใจ นางเองก็มีความสงสัยอยู่ในใจ และกระตือรือร้นที่จะได้คำตอบ นางจึงปล่อยให้หนานหนานและคนอื่น ๆ ตามเข้าไปในเรือน
จนกระทั่งเยียนจือปิดประตู และเหวินเกอยืนเฝ้าอยู่นอกเรือนสุ่ยสีอีกครั้ง นางก็ขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าไปมองอู๋หลินเฟิงกับหนานหนานด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเจ้าบอกข้ามาตามตรงเลย ตอนนี้ที่ท่านพี่ยังเปิดเผยตัวตนไม่ได้ เป็นเพราะคดีไม่ยุติธรรมของท่านปู่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายจริงหรือ?”
อู๋หลินเฟิงกับหนานหนานมองหน้ากันอีกครั้ง ฝ่ายหลังยักไหล่ แล้วหยิบเก้าอี้มานั่งลง “ข้าบอกแล้ว ปิดบังนางไม่ได้หรอก”
อู๋หลินเฟิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทันที เขาจ้องมองหนานหนานแล้วพูดว่า “เจ้าฉลาดเจ้าเก่งกาจ แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่เข้าใจสุ่ยชิงหรืออย่างไร?” เขาหันไปมองหลานสุ่ยชิงแล้วพูดว่า “สุ่ยชิง เจ้าคิดจะแต่งงานกับเขาจริงหรือ? เจ้าไม่อาจต่อสู้กับคนแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ลองพิจารณาข้าก็ได้ ความจริงที่พ่อของข้าบอกให้ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ ก็มีความหมายเหมือนกัน… โอ๊ย…”
เขายังไม่ทันพูดจบ หนานหนานก็ลุกขึ้นเตะเขาอย่างแรง
อู๋หลินเฟิงรีบหลบไปด้านหลังด้วยความหงุดหงิด “สุ่ยชิง ชายคนนี้ป่าเถื่อนเกินไป เจ้าต้องคิดให้ดี”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว มุมปากของนางกระตุกอย่างแรง “ท่านพี่ ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”
“…” เมื่อเห็นว่าเขาถูกรังแก นางกลับไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ ช่างไร้ใจเหลือเกิน
เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา นั่งลงตรงหน้าหลานสุ่ยชิงและพูดว่า “ที่จริงเป็นเพราะหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวรู้จักข้า”
ขณะที่เขาพูดนั้น เขาก็แอบเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของหลานสุ่ยชิง แน่นอนว่าเมื่อเห็นว่าคิ้วของนางกำลังจะขมวด เขาก็รีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมด เมื่อเล่าจบแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวล ชายชู้ของเจ้าคือหนานซื่อจื่อ”
“เจ้าพูดอีกครั้งสิ” ชายชู้งั้นหรือ???
อู๋หลินเฟิงกลืนน้ำลาย รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง… ไม่กล้าพูดอีก
หลานสุ่ยชิงเงียบลง นางบิดนิ้วตัวเองเบา ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็พึมพำกับตัวเองว่า “หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว… พวกนางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
พวกนางรู้ได้อย่างไรว่านางมีของอยู่?
อู๋หลินเฟิงมองหนานหนานอย่างรวดเร็ว ฝ่ายหลังเย้ยหยัน “เจ้าเห็นข้าเป็นอย่างไรเล่า? เมื่อวานเจ้าไม่ได้เรียนรู้ทักษะของข้าหรือ? ตอนที่ข้ามาพบสุ่ยชิง ข้าจะไม่ถูกเจอแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้น…” อู๋หลินเฟิงหันมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบ ๆ
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก “ดูเหมือนว่าเรือนของข้าจะไม่สะอาดเสียแล้ว”
นางย่อมไม่สงสัยหนานหนาน หากหนานหนานมาหาแล้วมีคนพบเข้าจริง ๆ ก็หมายความว่าคนผู้นั้นมีทักษะเหนือกว่าเขามาก ซึ่งไม่มีทางมีคนเช่นนั้นในจวนหลาน
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นเยียนจือก็เดินเข้ามา “คุณหนู”
‘ฟึ่บ’ สายตาของทุกคนในห้องต่างจับจ้องไปที่นาง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เยียนจือเข้ามาทำไมตอนนี้ กลายเป็นจำเลยไปเลยเห็นไหม
ไหหม่า(海馬)