อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 87 ลูกพี่ลูกน้อง
ตอนพิเศษ 87 ลูกพี่ลูกน้อง
ตอนพิเศษ 87 ลูกพี่ลูกน้อง
เยียนจือขนลุกไปทั้งตัวเมื่อถูกทุกคนจ้องมอง นางรู้สึกอ่อนแรงทันที จึงถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณหนู มี มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หลานสุ่ยชิงมองไปทางอื่น และไม่ได้พูดอะไรมาก หวังว่าเยียนจือจะไม่ทรยศนาง
“จวิ้นจู่น้อยเนี่ยนเนี่ยนกับจวิ้นจู่จิ่นซิ่วเสด็จมาเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของหลานสุ่ยชิงเต็มไปด้วยความสุขทันที ทั้งสองคนเป็นเพื่อนเพียงกลุ่มเดียวของนาง ไม่ได้เจอพวกนางมาหลายวันแล้ว จึงคิดถึงพวกนางมาก
หนานหนานเห็นแล้วก็หงุดหงิดมาก ตอนที่เขามา สุ่ยชิงไม่ได้แสดงออกเช่นนี้
“ให้พวกนางเข้ามาเร็วเข้า”
“เจ้าค่ะ” เยียนจือรีบเดินออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคมชัดของจวิ้นจู่จิ่นซิ่วก็ดังขึ้น “สุ่ยชิง ไม่เจอกันนานเลย… ท่านพี่หรือ?”
เมื่อเห็นหนานหนานอยู่ด้วย จิ่นซิ่วก็ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็กะพริบตา
เนี่ยนเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหลังนางไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจนัก นางเพียงแค่เบือนหน้าหนีสายตาของหนานหนานที่จ้องมองมา
“อืม” สีหน้าหนานหนานเรียบเฉย ดวงตาเฉียบคมของเขาจับจ้องไปที่เนี่ยนเนี่ยน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะไม่ทักทายพี่ใหญ่หน่อยหรือ?”
“พี่ใหญ่” เนี่ยนเนี่ยนทำตามทันที
“ช่วงนี้ซ่อนตัวอยู่ไกลนักนะ”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ช่วงนี้ข้ายุ่งมากเจ้าค่ะ”
หนานหนานจ้องมองนาง แต่ก็ไม่ได้ไล่ต้อนต่อ อย่างไรเสีย คนร้ายก็คือแม่ที่ยังคงซ่อนตัว รอให้พ่อของเขากลับมาก่อนจึงจะมาปรากฏตัว เขามองดูพวกนางแล้วถามว่า “พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?”
“อ๋อ เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ ตำหนักองค์ชายสามจะจัดงานเลี้ยงในอีกไม่กี่วันนี้ไม่ใช่? สุ่ยชิงก็ได้รับคำเชิญด้วย พวกเราจึงคิดจะมาหาสุ่ยชิง แล้วไปร้านตัดเสื้อกับร้านเครื่องประดับ เพื่อเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับด้วยกันเจ้าค่ะ” จิ่นซิ่วตอบ
“แค่ไปงานเลี้ยง ไม่ได้ไปดูตัวกันเสียหน่อย เหตุใดต้องแต่งตัวสวยกันนักเล่า?” เนี่ยนเนี่ยนกับจิ่นซิ่วไม่สำคัญ แต่สุ่ยชิงเป็นของเขาอยู่แล้ว นางจึงไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้สะดุดตาเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สบายใจเมื่อเห็นเช่นนั้น
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะ “ใครบอกว่าไม่ได้ไปดูตัวกันเจ้าคะ? งานเลี้ยงนี้น้าสามกับน้าหว่านเยียน เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ให้ลูกพี่ลูกน้องกับจิ่นซิ่วดูตัวกันเจ้าคะ”
หนานหนานตกใจ และจ้องมองจิ่นซิ่วด้วยดวงตาเบิกกว้าง “เจ้าจะดูตัวกันหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา จิ่นซิ่วก็ไม่พอใจทันที “ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านกำลังจะแต่งงานมีภรรยา แต่ข้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานหรือ? แม้ว่าข้าจะเคยรบเร้าอยากจะแต่งงานกับท่าน แต่ตอนนี้ข้าจะยอมแพ้แล้วไม่ได้หรือ??”
รบเร้าอยากจะแต่งงานกับท่านงั้นหรือ??
หลานสุ่ยชิงเหลือบมองหนานหนานเงียบ ๆ หนานหนานใจหายวาบ แล้วรีบพูดว่า “อย่าไปฟังนางพูดเหลวไหล นางมักจะพูดไปเรื่อยเสมอ”
จิ่นซิ่วดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด นางนั่งลงข้างหลานสุ่ยชิงทันที แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอย่าถือสาเลย ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ก็ใครบอกให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้เล่า? ตอนเด็ก ๆ ข้าเห็นว่าในบรรดาทุกคน มีเพียงลูกพี่ลูกน้องของข้าเท่านั้นที่รูปงามที่สุด ข้าจึงมุ่งมั่นจะเป็นเจ้าสาวของท่านพี่ให้ได้ แต่ท่านน้าชิงบอกว่าข้ากับท่านพี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เราจึงไม่สามารถแต่งงานกันได้ ไม่เช่นนั้นลูกที่เกิดมาอาจจะพิการหรือเป็นคนโง่เขลาได้”
“พิการหรือ? โง่เขลาหรือ?” นี่เป็นครั้งแรกที่หลานสุ่ยชิงได้ยินคำพูดเช่นนี้
“อืม ท่านน้าชิงเป็นหมอปีศาจ นางมีงานวิจัยเรื่องนี้อย่างละเอียด พ่อของข้าเคยได้รับการช่วยเหลือจากน้าชิงมาก่อน ข้าจึงไม่คัดค้านคำพูดของท่านน้าชิง ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับท่านพี่อีกเลย”
สายตาของหนานหนานเหลือบไปมองอู๋หลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ “ใครบางคนได้ยินหรือยัง? ถ้าลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกัน ลูกที่เกิดมาจะมีโอกาสพิการสูง”
คนที่ถูกเรียกว่า ‘ใครบางคน’ กัดฟันแน่น คนผู้นี้ไม่ยอมพลาดโอกาสโจมตีเขา อยากจะกัดเขาให้ตายไปเลยจริง ๆ
แต่ทันทีที่หนานหนานพูดเช่นนั้น ทั้งห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจิ่นซิ่วก็หันหน้าไปมองอู๋หลินเฟิง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลทันที “เจ้าเป็นใคร? มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“…” เขาดูไร้ตัวตนถึงเพียงนั้นเลยหรือ? หลังจากเข้าประตูมาและสนทนากันอยู่นาน เพิ่งจะมาค้นพบการมีอยู่ของเขาหรือ?
เขากระแอมเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน จัดแจงเสื้อผ้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม และกำลังจะแนะนำตัวเอง
ทันใดนั้นจิ่นซิ่วก็นึกขึ้นได้ “อ๋อ เจ้าคือผู้ติดตามของลูกพี่ลูกน้องของข้าสินะ”
“พรืด…” หนานหนานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “จิ่นซิ่ว เจ้าตาถึงขึ้นเรื่อย ๆ”
เนี่ยนเนี่ยนยังยกนิ้วให้นาง
จิ่นซิ่วมีสีหน้าว่างเปล่า นางพูดอะไรผิดไปหรือไม่? เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจัดแจงเสื้อผ้าเป็นพิเศษ เพราะจะบอกใบ้ว่าเขาเป็นผู้ติดตามไม่ใช่หรือ?
หลานสุ่ยชิงเห็นใจลูกพี่ลูกน้องของนาง จึงแนะนำอย่างใจดีว่า “ท่านพี่ ท่านต้องการน้ำสักแก้วหรือไม่?”
อู๋หลินเฟิงปฏิเสธอย่างหนักแน่น และเพียงแค่ย้ายเก้าอี้ไปนั่งตรงมุมห้อง
จิ่นซิ่วยิ่งฉงน เหตุใดเขาถึงดูสิ้นหวังถึงเพียงนี้? นางพูดผิดไปหรือ?
เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่นี้สุ่ยชิงเรียกเขาว่าท่านพี่หรือ?
จิ่นซิ่วยืนขึ้นทันที แล้วเดินไปหาอู๋หลินเฟิง “เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนี่เอง ข้าขอโทษจริง ๆ มันเป็นเพราะชุดของเจ้าจริง ๆ… เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เขาสบายดี จิ่นซิ่ว พวกเจ้าไม่ไปซื้อของกันหรือ? มันสายแล้ว ข้าจะพาไป” หนานหนานพูดแล้วลุกขึ้น
จิ่นซิ่วประหลาดใจ “ท่านจะไปด้วยหรือเจ้าคะ?”
“อืม” เขาต้องการไปดู เพื่อไม่ให้หลานสุ่ยชิงซื้อเสื้อผ้าที่ดึงดูดใจเกินไป อย่างน้อยตอนนี้นางก็เป็นสตรีที่จะแต่งงานแล้ว
จิ่นซิ่วหัวเราะอย่างมีเลศนัยทันที “นั่นเป็นเพราะท่านพี่จะไปจ่ายให้พวกเราหรือเจ้าคะ?”
“สำหรับเนี่ยนเนี่ยนกับสุ่ยชิง ข้าไม่รังเกียจ แต่สำหรับเจ้า… ช่างเถิด”
จิ่นซิ่วโกรธจัด “เพราะเหตุใด?”
“เจ้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเมื่อซื้อของ” โดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่นจ่ายให้ นางสามารถเหมาหมดร้านได้เลย
เขาจะต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูก ๆ ในอนาคต จึงต้องประหยัดเงินไว้หน่อย
จิ่นซิ่วกัดฟันจูงมือเนี่ยนเนี่ยนกับหลานสุ่ยชิงมาประกบซ้ายขวา แล้วเดินออกจากเรือนสุ่ยสีด้วยความโกรธ โดยไม่สนใจหนานหนานไปสักพัก
หนานหนานค่อย ๆ เดินตามไป เมื่อเดินไปถึงประตู ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปมองอู๋หลินเฟิง
บัดนี้อู๋หลินเฟิงที่ถูกโจมตีเมื่อครู่นี้มีสีหน้าจริงจัง เขาเงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้าให้หนานหนาน“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“ได้” หลังจากหนานหนานพูดจบ เขาก็เดินออกจากเรือนสุ่ยสี
อู๋หลินเฟิงจิบชาช้า ๆ ยืนขึ้นลูบคอ ก่อนกระโดดออกจากหน้าต่าง และไม่นานก็ร่อนลงบนต้นไม้ที่เขาซ่อนตัวเมื่อคืนนี้อย่างรวดเร็ว
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เขานั่งลง เขาก็เห็นคนที่ดูเหมือนสาวใช้ออกมาจากเรือนสุ่ยสีเงียบ ๆ มองซ้ายขวา แล้วย่องไปทางห้องที่หลานสุ่ยหยวนอยู่
อู๋หลินเฟิงหรี่ตาและหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะพบสิ่งที่ไม่สะอาดในเรือนแห่งนี้แล้ว
อืม ต้องบอกข่าวดีให้ลูกพี่ลูกน้องรู้หลังจากกลับมาแล้ว
คิดได้ดังนั้น เขาก็เขย่งตัวทะยานขึ้นทันที กิ่งไม้และใบไม้สั่นไหวเล็กน้อย เขาเลยสาวใช้ไปแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ร่อนทะยานลงอย่างมั่นคงในเรือนของหลานสุ่ยหยวน
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานไร้ยางอายกับทุกคนแบบเสมอต้นเสมอปลายมากเลยคะ ๕๕๕
เจอตัวยัยนาตาชาตัวดีแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)