อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 94 เป็นที่รู้กันทั่ว
ตอนพิเศษ 94 เป็นที่รู้กันทั่ว
ตอนพิเศษ 94 เป็นที่รู้กันทั่ว
เสิ่นเหวินเสียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ พับแขนเสื้อขึ้น และกำลังจะกระโจนไปข้างหน้า
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวมองหน้ากัน และรีบดึงนางกลับมาอย่างรวดเร็ว “ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ?”
เสิ่นเหวินเสียนเย้ยหยัน “แน่นอนว่าข้าจะไปจับคนคบชู้สู่ชายน่ะสิ ตอนนี้เราจับพวกนั้นได้แล้ว ข้าไม่คิดว่าหลานสุ่ยชิงจะแก้ตัวได้หรอกนะ นางช่างเก่งกาจเสียจริง คนตำหนักอ๋องซิวเอ็นดูนาง แต่นางก็ยังไม่พอใจ ถึงได้มาตำหนักองค์ชายสามเพื่อแอบพบปะกับชายอื่น ถ้าจับนางได้คราวนี้ จะไม่ทำให้นางเสียหายหรือ?”
หลานสุ่ยหยวนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเสิ่นเหวินเสียนโง่เขลาอย่างน่าสิ้นหวังเสียจริง
แต่สุดท้ายนางก็ระงับความหงุดหงิดในใจ ลดเสียงลงแล้วพูดด้วยความอดทนว่า “พี่เสิ่น ข้าได้ยินมาว่าชายคนนี้มีวรยุทธ์ หากท่านบุ่มบ่ามออกไปเช่นนั้น หากเขาโจมตีท่านจะทำอย่างไรเจ้าคะ? ถึงตอนนั้นเขาคงหลบหนีไปได้ และเราก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าหลานสุ่ยชิงมีความสัมพันธ์กับชายอื่น”
เสิ่นเหวินเสียนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินว่าชายคนนี้มีวรยุทธ์ นางก็รู้สึกวิตกและหวาดกลัวเล็กน้อย
นางจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาดุดัน “แล้วจะทำอย่างไร? เอาแต่ดูโดยไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือ?”
“… พี่เสิ่น จะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะถ้า…” หลานสุ่ยเถียนเข้าไปกระซิบข้างหูนางด้วยเสียงแผ่วเบา
เสิ่นเหวินเสียนหรี่ตาแล้วพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นเจ้าคอยดูอยู่ตรงนี้ ประเดี๋ยวข้าไปก่อน”
“พี่เสิ่นรีบจัดการเถิดเจ้าค่ะ
เสิ่นเหวินเสียนหันมารับคำ หลังจากเดินไปได้ประมาณสิบก้าว นางก็เริ่มวิ่งไม่หยุด จนกระทั่งนางอยู่ห่างจากริมฝั่งน้ำราวสามสี่หมี่
สายตาของนางค้นหาท่ามกลางฝูงชนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็จับจ้องไปที่หญิงสาวคนหนึ่ง
เสิ่นเหวินเสียนเม้มปากแล้วรีบเดินไปหาหญิงคนนั้น พลางพึมพำขณะเดิน “ช่างไร้ยางอายเสียจริง แอบนัดเจอกับชายอื่นในสถานที่แบบนี้ช่างไร้ยางอาย นางเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ที่หมั้นหมายแล้ว แต่กลับไม่รู้จักละอายใจ…”
นางพูดไม่ดังมาก แต่เมื่อนางเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น ก็พูดคำว่า “แอบนัดเจอกับชายอื่น” ดังขึ้นเล็กน้อย
แน่นอนว่าหญิงสาวที่เดิมทีกำลังจดจ่ออยู่กับเวทีเล็กพลันชะงักน้อย นางรีบหันกลับมาทันที แล้วเห็นเสิ่นเหวินเสียนที่เพิ่งพูดเดินไปข้างหน้า นางจึงรีบไปดึงตัวกลับมา “เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ใครแอบนัดเจอกับบุรุษ?”
“จะเป็นใครได้อีกเล่า? ก็คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลาน…” เสิ่นเหวินเสียนทำเป็นเผลอตอบโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่นางพูดจบ จู่ ๆ นางก็แสร้งทำเป็นนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงรีบปิดปากตัวเอง
รูม่านตาของหญิงสาวหดตัวอย่างแรง คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลานงั้นหรือ? คนนั้นหมั้นกับซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ซิวหวางเฟยก็กำลังคุยกับหวางเฟยสามและคนอื่น ๆ อยู่ในศาลาตรงนั้น
คุณหนูใหญ่ตระกูลหลานคนนี้ต้องใจกล้าเกินไปหรือไม่ ถึงกับ… แอบนัดเจอบุรุษเลยหรือ?
หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อ นางหรี่ตามองเสิ่นเหวินเสียน “เจ้าพูดจริงหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นว่านางไม่เชื่อ เสิ่นเหวินเสียนก็หงุดหงิดเล็กน้อย “ข้าจะเอาเรื่องเช่นนี้มาพูดซี้ซั้วได้หรือ? ข้าเพิ่งไปห้องสุขามา และเห็นนางอยู่ตรงมุมนั้นกับชายคนหนึ่งในชุดสีม่วงเข้ม พฤติกรรมสนิทสนมเช่นนั้นช่าง…น่าละอายนัก”
“จริงหรือ?” ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย แต่คำถามนี้ไม่ได้เกิดเพราะความกังขาอีกต่อไป แต่เป็นเพราะความตื่นเต้น
หญิงคนนี้เป็นคนใจร้อนและชอบนินทา นางเป็นที่รู้จักดีในเมืองหลวงในฐานะจอมนินทา โดยเฉพาะเรื่องการแอบนัดพบกันระหว่างชายหญิง ซึ่งทำให้นางตื่นเต้นกว่าเดิม
นี่เป็นความจริง เสิ่นเหวินเสียนจึงเลือกไปหานาง
แน่นอนว่าทันทีที่เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น บรรดาคุณหนูและฮูหยินที่อยู่รอบ ๆ ก็หันมามองนางทีละคน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือ?”
“มีการแสดงบนเวทีอยู่ อย่าเพิ่งคุยกัน”
“ฉินฮูหยิน เจ้าได้ยินเรื่องน่าสนใจอีกแล้วหรือ?” คนที่รู้จักนางอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นสายตาของนาง
หญิงที่รู้จักกันในชื่อฉินฮูหยินยกยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าแม่นางหลาน กำลังแอบนัดเจอกับชายคนหนึ่งตรงนั้น”
“อะไรนะ? เป็นไปได้อย่างไร?” มีคนอุทานออกมาทันที
“ฉินฮูหยิน อย่าพูดจาเหลวไหล ตอนนี้แม่นางหลานเป็นคู่หมั้นของซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว นางจะแอบไปนัดเจอชายอื่นได้อย่างไร?”
ฉินฮูหยินรู้สึกหงุดหงิด นางจึงชี้ไปที่เสิ่นเหวินเสียน แล้วพูดว่า “ข้าพูดจาเหลวไหลหรือเปล่าก็ลองถามนางดูสิ นี่เป็นเรื่องที่นางเห็นด้วยตาตัวเอง ข้าได้ยินมาว่าแม่นางหลานยังอยู่กับชายคนนั้น พวกเขาทั้งสองถึงกับ…จูบกันด้วย”
มุมปากของเสิ่นเหวินเสียนกระตุก นางพูดว่าจูบตอนไหน?
ทุกคนมองเสิ่นเหวินเสียนทันที เสิ่นเหวินเสียนทำเป็นปิดปากราวกับว่าไม่ต้องการพูดอะไรอีก
แต่การปรากฏตัวให้ทุกคนเห็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง
“พวกเจ้า อย่าถามข้าเลย ข้า… ข้า… ข้าไม่อาจไปก้าวก่าย”
ฉินฮูหยินดึงนางกลับมา “โอ้โห ไม่อาจไปก้าวก่ายอะไรกัน? ถ้าแม่นางหลานโง่เขลาจริง ๆ และถูกจับได้ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ตำหนักอ๋องซิวก็จะขอบคุณเจ้า เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังไม่ได้แต่งงาน มันจะดีกว่าถ้าได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนตระกูลหลานก่อนแต่งงาน ไม่เช่นนั้นหากรู้เรื่องนี้หลังจากที่แต่งงานกันไปแล้ว นั่นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จริง”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คุณหนูเสิ่น เจ้าไปเห็นเข้าโดยบังเอิญ จึงไม่มีใครมาตำหนิเจ้าได้ บอกข้าที ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
คนรอบข้างเริ่มส่งเสียงดัง สุดท้ายกฎหมู่ก็อยู่เหนือกฎหมาย ทุกคนจะไปดูเรื่องตื่นเต้นด้วยกัน แม้แต่ตำหนักอ๋องซิวก็ทำอะไรพวกนางไม่ได้
เสิ่นเหวินเสียนก็คิดแบบเดียวกัน นางต้องการไปกับทุกคนด้วย
นางจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และชี้ไปทางที่นางวิ่งจากมาเมื่อครู่นี้
ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่เมื่อพวกนางได้ยินคำพูดนั้น ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนมองไปตามนิ้วของนาง
เมื่อคนกลุ่มใหญ่ลุกขึ้น ก็ย่อมดึงดูดความสนใจของคนอื่น
แม้แต่การแสดงบนเวทีก็หยุดลง และทุกคนก็มองไปทางเดียวกัน
ทุกคนหันหน้าไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย บางคนแปลกใจและถามด้วยความสงสัย
หวางเฟยสามในศาลาก็เห็นความเคลื่อนไหวที่นี่เช่นกัน จึงรีบส่งสาวใช้ไปถามถึงสถานการณ์
สาวใช้ฟังคำพูดจากปากคนเหล่านั้น เมื่อนางกลับไปที่ศาลา สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางโน้มตัวไปใกล้หูของหวางเฟยสาม แล้วเล่าเรื่องการแอบนัดเจอของลูกสาวคนโตของตระกูลหลาน
ดวงตาของหวางเฟยสามเบิกกว้าง นางมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ แล้วโพล่งออกมาว่า “เป็นไปได้หรือ?”
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา วางถ้วยชาในมือ แล้วถามนางด้วยความแปลกใจว่า “มีอะไรหรือ? เหตุใดต้องมองข้าด้วย? หรือว่าการเคลื่อนไหวตรงนั้นเกี่ยวข้องกับข้า?”
หวางเฟยสามหัวเราะแห้ง ๆ ส่วนหวางเฟยและฮูหยินคนอื่น ๆ ในศาลา ต่างก็มองดูนางด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
หวางเฟยสามกำลังจะบอกอวี้ชิงลั่วเป็นการส่วนตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมสูงดังมาจากนอกศาลา “อะไรนะ ลูกสาวคนโตของตระกูลหลานกำลังแอบนัดเจอชายอื่นอยู่ตรงนั้นหรือ? นางเป็นคู่หมั้นของซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวไม่ใช่หรือ?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เที่ยวปล่อยเฟคนิวส์ระวังจะโดนเล่นกลับหนักๆ นะคะ
ไหหม่า(海馬)