อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 97 จับตัวเขามาให้ข้า
ตอนพิเศษ 97 จับตัวเขามาให้ข้า
ตอนพิเศษ 97 จับตัวเขามาให้ข้า
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วมืดมนขึ้นทันที ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้น แล้วพูดกับเย่หลานเวย เย่หลานผิง และคนอื่น ๆ ว่า “จับตัวเขามาให้ข้า”
“ขอรับ” เย่หลานเวยตื่นเต้นมาก แล้วรีบกระโจนเข้าไปทันที
เย่หลานผิงกับเย่หลานหลี่มีสีหน้าลำบากใจ ทักษะของหนานหนาน… ดีกว่าพวกเขามาก นี่จะไม่ทำให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้าหรือ?
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็กระโจนเข้าไปหาทันที
หนานหนานกัดฟัน ถีบเย่หลานเวยที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรก
ในสวนเล็ก ๆ ชุลมุนดั่งไก่บินเตลิดสุนัขวิ่งพล่านอยู่พักหนึ่ง
อาจเป็นเพราะกลัวเหล่าสตรีที่อยู่ข้างในโดนลูกหลงไปด้วย หลังจากต่อสู้กันไปไม่กี่ครั้ง คนสองสามคนที่กำลังต่อสู้ก็กระโดดออกจากซุ้มประตู แล้วไปต่อสู้กันข้างนอกต่อ
ทหารรักษาพระองค์รีบวิ่งไปล้อมคนที่กำลังต่อสู้กันเป็นวงกลม
เมื่อเสิ่นเหวินเสียน หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
ดูเหมือนว่าซิวหวางเฟยจะโกรธมาก ใช่แล้ว ต้องจับตัวชายคนนั้นให้ได้ก่อน แล้วหลานสุ่ยชิงจะไม่สามารถโต้เถียงได้
สายตาของพวกนางจับจ้องไปที่หลานสุ่ยชิง ราวกับกลัวว่านางจะหนีไป
สีหน้าของหลานสุ่ยชิงกลับสงบนิ่ง เหมือนไม่ได้กังวลอะไรเลย
ทุกคนออกจากซุ้มประตูเล็กอีกครั้ง แล้ววิ่งไปที่พื้นที่เปิดโล่งด้านนอกเพื่อดูคนต่อสู้กัน
บรรดาซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์หลายคนมีฝีมือเก่งกาจ เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้กำลังต่อสู้กัน พวกเขาก็รีบออกไปดู
ชายที่ถูกมองว่าเป็นชายชู้สามารถจัดการกับคนหลายคนในเวลาเดียวกันได้อย่างง่ายดาย เย่หลานผิงและเย่หลานหลี่ก็ออมมือด้วย พวกเขาจึงต่อสู้ไปเพียงเล็กน้อย
มีเพียงเย่หลานเวยเท่านั้นที่เปิดฉากต่อสู้กับหนานหนานอย่างไม่ปรานี ยิ่งเขาต่อสู้ เขาก็ยิ่งแค้นมากขึ้น ทำให้เขาไม่อาจหยุดได้เลย ราวกับว่าคู่ต่อสู้เป็นหนี้เขามาหลายชาติภพ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือทักษะของหนานหนาน พวกเขารู้ดีว่าเย่หลานเวยเป็นใคร เขาเป็นซื่อจื่อองค์โตขององค์ชายสาม ท่านอ๋องซิวเป็นคนสอนเย่หลานเวยทั้งบู๊และบุ๋น ทั้งยังได้ฝึกฝนในกองทัพด้วย วรยุทธ์ของเขาจึงนับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก
ตอนนี้สู้จนเลือดเข้าตาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรชายคนนั้นได้ มันเหลือเชื่อจริง ๆ
“ซิวหวางเฟย ข้าคิดว่าอาจเกิดความเข้าใจผิดขึ้น ให้พวกเขาหยุดก่อน แล้วถามรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนดีกว่าเพคะ”
ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังดูการต่อสู้กันอย่างเงียบสงบ ทันใดนั้นเสียงสตรีคนหนึ่งก็ดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง หลานสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าคนแรกที่ออกมาพูดแทนนางจะเป็นหยางซานที่เคยพบนางมาก่อน แต่เป็นเพียงการแนะนำชื่อให้รู้จักเท่านั้น
ซูเหยายืนอยู่ข้างหยางซาน และอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของนาง “หยางซาน อย่าพูดเหลวไหล เรื่องนี้หวางเฟยเป็นผู้ตัดสินใจเอง”
หยางซานดึงแขนเสื้อตัวเองกลับ แล้วก้าวไปข้างหน้า “ซิวหวางเฟย สายตาของแม่นางหลานแน่วแน่ชัดเจน ทั้งยังดูไม่มีความละอายใจด้วย นางดูไม่เหมือนคนที่จะแอบพลอดรักกับบุรุษสองต่อสอง ยิ่งกว่านั้น ถ้านางทำเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อเกิดเรื่องขึ้น นางจะยอมรับอย่างเปิดเผยได้อย่างไร? อย่างไรเสีย แม่นางหลานก็เป็นคู่หมั้นที่สง่างามของตำหนักอ๋องซิว เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ต้องเกิดเพราะความเข้าใจผิดแน่ อีกทั้งสถานะปัจจุบันของแม่นางหลาน ก็ยังเป็นที่อิจฉาของผู้อื่น ไม่อาจตัดเรื่องการถูกใส่ร้ายออกไปได้ออกไปได้เพคะ”
ซูเหยาสะดุ้งเล็กน้อย แล้วกระซิบกับเหลียงอวี่จือที่อยู่ข้างนางว่า “ปกตินางมักจะไม่พูด ราวกับกลัวทองจะหล่นออกจากปาก เหตุใดวันนี้นางพูดมากจริง”
เหลียงอวี่จือครุ่นคิด “อันที่จริงข้าก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน”
“มีอะไรแปลก? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางถูกใครวางแผนกลั่นแกล้งจริง? ไม่มีทาง ชายคนนั้นยอมรับว่าหลานสุ่ยชิงเป็นคนมอบกระเป๋าให้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ ชายคนนั้นดูดีจริง ๆ เป็นเรื่องปกติที่หลานสุ่ยชิงจะตกหลุมรักเขา”
“…” เหลียงอวี่จือหยุดพูด สายตาของนางจับจ้องไปที่หยางซาน
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น สายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นครึ่งหนึ่งก็จับจ้องไปที่นางเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วมองคนพูดด้วยความประหลาดใจ นางไม่รู้จักคุณหนูส่วนใหญ่ในครอบครัวขุนนาง แต่เมื่อมองหน้าตาท่าทางของหญิงสาวที่เป็นคนพูด นางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูน่าเกรงขาม
หวางเฟยสามที่อยู่ข้าง ๆ กระซิบว่า “นางคือหยางซาน บุตรสาวของแม่ทัพหยางหลง”
หยางหลง…อวี้ชิงลั่วรู้จักดี เย่ซิวตู๋ทั้งรักและเกลียดคนผู้นี้ เขามีความสามารถ แต่เป็นคนอารมณ์ร้าย
อวี้ชิงลั่วมองหยางซานด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกว่าแม่นางหลานถูกคนอื่นอิจฉา ดังนั้นจึงไม่อาจตัดเรื่องการถูกใส่ร้ายทิ้งไปได้งั้นหรือ?”
“… เพคะ” นางพูดไปตั้งเยอะ เหตุใดหวางเฟยถึงจำได้แค่ประโยคนี้?
อวี้ชิงลั่วจับคางแล้วเริ่มครุ่นคิด
เสิ่นเหวินเสียน หลานสุ่ยหยวนและน้องสาวที่อยู่ด้านข้าง ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป คนที่หยางซานพูดถึงหมายถึงพวกนางไม่ใช่หรือ?
“หยางซาน เจ้าหมายความว่า พวกเราใส่ร้ายลูกสาวคนโตของตระกูลหลานหรือ? ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็แค่จับตัวชายคนนั้นมาทุบตีให้หนัก แล้วเค้นถามเขาเลย”
หวางเฟยสามถึงกับสะดุ้ง ทุบตีให้หนักงั้นหรือ? ความคิดของนางสร้างสรรค์เหลือเกิน
ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าทำร้ายหนานหนาน แม้แต่อวี้ชิงลั่วกับเย่ซิวตู๋ก็ไม่เคยทำเช่นนั้น บัดนี้ความคิดของนางทำให้โลกต้องตกตะลึง
หยางซานเม้มปาก “ข้าแค่แสดงความคิดเห็น คุณหนูเสิ่นไม่จำเป็นต้องโกรธ สถานะของแม่นางหลานนั้นละเอียดอ่อน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องเช่นนั้น”
หลานสุ่ยหยวนเริ่มร้องไห้ทันที แล้วหันไปมองพี่สาว ก่อนจะพูดว่า “พี่สาว รีบพูดอะไรบางอย่างทีสิเจ้าคะ บอกทุกคนว่าสิ่งที่เราเห็นไม่เป็นความจริงได้หรือไม่? บอกทุกคนว่าชายคนนั้นหยิบกระเป๋าเงินไปเอง บอกทุกคนว่าท่านไม่ได้เป็นคนเย็บเสื้อที่ชายคนนั้นสวมใส่อยู่ บอกทุกคนว่าท่านถูกเข้าใจผิด อย่าเงียบเลยเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับยอมรับไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
“ใช่เจ้าค่ะ” หลานสุ่ยเถียนเสริมทันที “พี่สาว ท่านควรพูดอะไรบ้าง ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว หากท่านถูกเข้าใจผิด หวางเฟยจะช่วยตัดสินใจให้ท่านแน่นอน พูดตามตรงพวกเราเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน ว่าพี่ใหญ่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนได้เห็นแล้ว ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่ตาเห็นเสมอไป เราอาจเข้าใจผิดกันก็ได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ชายคนนั้นข่มขู่ท่าน หรือท่านมีความลับอื่น?”
ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นห่วงหลานสุ่ยชิง แต่ก็ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมมากมายถูกเปิดเผยในคำพูดนั้น
ฉินฮูหยินจับประเด็นเก่งเสมอ “คุณหนูรอง เจ้าบอกว่าเสื้อที่ชายคนนั้นสวมใส่ คุณหนูใหญ่เป็นคนเย็บให้ด้วยงั้นหรือ?”
“อ้าว นี่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคบกันนานแล้วหรือ?”
“คุณหนูใหญ่ เจ้าควรคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองดีกว่า”
หลานสุ่ยชิงเพิกเฉยต่อพวกเขา เพียงแต่เดินไปอยู่หน้าอวี้ชิงลั่ว“หวางเฟย วันนี้อากาศร้อน หากปล่อยให้ต่อสู้กันต่อไป จะเป็นลมแดดได้นะเพคะ”
“เหตุใดเจ้าต้องไปห่วงนักหนา?” อวี้ชิงลั่วมองนางด้วยความหงุดหงิด
จากนั้นนางก็ตะโกนว่า “ทุกคนหยุด”
สิ้นเสียงนั้น เย่หลานผิงกับเย่หลานหลี่ก็ทะยานออกจากวงล้อมทันที แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกัน
มีเพียงเย่หลานเวยเท่านั้นที่ยังคงไล่ล่าหนานหนานอย่างสิ้นหวัง
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก เสียงของนางเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “หยุด”
เย่หลานเวยยังไม่หนำใจ เขาอยากจะหยุด แต่ก็ทำไม่ได้
จนกระทั่งจู่ ๆ ก็มีฝ่ามือซัดกลางอากาศ จากนั้นคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันก็กระเด็นออกไปสามก้าว
ทันใดนั้นเสียงเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้น “ผู้ใดบังอาจไม่ฟังคำสั่งของชิงเอ๋อร์?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ้าว ถ้าไม่ได้ทำก็อย่าร้อนตัวไปสิสุ่ยหยวนสุ่ยเถียน ทำแบบนี้ดูยิ่งมีพิรุธนะ
ท่านอ๋องซิวค่าตัวแพงเหรอคะถึงเพิ่งมาเนี่ย
ไหหม่า(海馬)