อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 98 ชายชู้คนนั้นคือซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวหรือ
ตอนพิเศษ 98 ชายชู้คนนั้นคือซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวหรือ?
ตอนพิเศษ 98 ชายชู้คนนั้นคือซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวหรือ?
เมื่อเย่หลานเวยเห็นผู้มาเยือน ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดทันที เขาเม้มปากขณะกุมหน้าอกด้วยความตกใจ พลางเอ่ยกระซิบ “ท่านอาห้า”
เย่ซิวตู๋เย้ยหยัน “คราวหน้าถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังชิงเอ๋อร์อีก ข้าจะหักขาข้างหนึ่งของเจ้าให้พิการเสีย”
เย่หลานเวยหัวเราะอย่างขมขื่นทันที ส่วนหนานหนานหลุบตาลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
เย่ซิวตู๋รีบสะบัดแขนเสื้อเดินไปหาอวี้ชิงลั่ว
ทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวตึงเครียดขึ้นทันที ก่อนจะรีบทำความเคารพเขาโดยพร้อมเพรียงกัน “ถวายบังคมท่านอ๋องซิว”
“ลุกขึ้น” เขาเดินข้างอวี้ชิงลั่ว “ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาทำอะไรกลางแดดข้างนอก กลับเรือนเถิด ประเดี๋ยวจะเป็นลมแดด”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ “ข้ากำลังดูละครอยู่ ท่านกลับมาได้อย่างไร?”
“อืม เสร็จงานแล้ว” เขาพูดแล้วหันไปมองข้างหลัง
มุมปากของหนานหนานกระตุก ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าทันที
อวี้ชิงลั่วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วส่งให้หนานหนาน “เช็ดเหงื่อเสีย หากเจ้าเป็นลมแดดหรือเป็นหวัด สุ่ยชิงคงมาคิดบัญชีแม่เป็นแน่”
หลานสุ่ยชิงรีบก้มหน้าลง “สุ่ยชิงไม่กล้าหรอกเพคะ”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองศีรษะของหลานสุ่ยชิง สายตาเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า แล้วพูดว่า “อืม ไม่เลว”
หลานสุ่ยชิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น นี่คือ… ยอมรับนางใช่หรือไม่?
“ข้าเลือกแล้ว ย่อมดีแน่นอนขอรับ” หนานหนานหยิบผ้าเช็ดหน้าอวี้ชิงลั่วยื่นให้เขา หลังจากเอามาแล้วก็โยนไปให้เย่ซิวตู๋ จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากหลานสุ่ยชิง แล้วรีบเช็ดเหงื่อ
ทุกคนยืนดูการกระทำของเขาอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจ ขณะมองคนทั้งสี่ที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนด้วยความไม่อยากเชื่อ
เย่หลานเวยก้มหน้าเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากหวางเฟยสามมาเช็ดหน้า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จึงตะโกนใส่หนานหนานว่า “เจ้าจะภูมิใจอะไร เจ้าร่ำเรียนวรยุทธ์ก่อนข้าหลายปี เป็นเรื่องปกติที่จะวรยุทธ์ของเจ้าจะสูงส่งกว่าข้า อีกทั้งเจ้ายังสืบทอดพรสวรรค์มาจากท่านอาห้าด้วย เจ้าถึงชนะได้”
หนานหนานขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขา เขาหันไปมองอวี้ชิงลั่วด้วยความไม่พอใจ “ท่านแม่ เหตุใดต้องสั่งให้พวกเขาจับข้าด้วยล่ะขอรับ?”
เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินดังนั้นก็โมโห
“เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดอีก พวกนางบอกว่าเจ้าจูบสุ่ยชิง เจ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ใช่ สุ่ยชิงหมั้นกับเจ้าแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วเจ้าไม่รู้จักหักห้ามใจได้อย่างไร? เจ้าทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ใช่หรือ?”
หนานหนานขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าข้าจูบสุ่ยชิง? มากที่สุดข้าก็แค่แลกเปลี่ยนของขวัญกับนาง ผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวลือ?”
“นาง” อวี้ชิงลั่วชี้ไปที่ฉินฮูหยินที่อยู่ไม่ไกล
สีหน้าของฉินฮูหยินเปลี่ยนไปมาก นางได้ยินถูก ใช่ นางได้ยินถูกต้องแล้ว ชายคนนี้เรียกซิวหวางเฟยว่า…ท่านแม่
เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจเป็นซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว?
คุณพระ คนที่มีความสัมพันธ์กับหลานสุ่ยชิงคือคู่หมั้นของนางเอง?
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉินฮูหยินเสียใจมากจนจะขาดใจตาย นางชี้ไปที่เสิ่นเหวินเสียนและพี่น้องสกุลหลานที่อยู่ไม่ไกล “หวางเฟยโปรดอภัยด้วยเพคะ ข้าไม่ได้พูด คนพูดคือพวกนางต่างหาก พวกนางบอกว่าเห็นด้วยตาตัวเองเพคะ”
เสิ่นเหวินเสียน หลานสุ่ยหยวนและน้องสาวก็ตกใจแทบขาดใจตายเช่นกัน ขณะมองหนานหนานด้วยความไม่อยากเชื่อ
มาได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวหรือ?
ไม่ ๆๆๆ ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องซิวไม่น่าจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้ คนที่มีทั้งความสามารถและความหล่อเหลา จะชายตามองหลานสุ่ยชิงได้อย่างไร?
พวกนางไม่อาจยอมรับความจริงได้
หนานหนานนึกเย้ยหยัน แล้วเดินเข้าไปใกล้ทั้งสามคน “สายตาข้างไหนของพวกเจ้าหรือที่เห็นข้าจูบสุ่ยชิง?”
ใบหน้าของทั้งสามซีดเผือดขณะรีบส่ายหน้าอย่างแรง ขาของพวกนางอ่อนแรง จนแทบจะคุกเข่าลง
“ในเมื่อไม่เห็น แล้วเหตุใดต้องแพร่ข่าวลือไปทั่ว? เจตนาของพวกเจ้าคืออะไร?”
“ไม่ ไม่เพคะ ซื่อจื่อ พวกเราไม่ได้พูด พวกเราแค่บอกว่าเห็นหลานสุ่ยชิงอยู่กับท่าน และไม่ได้พูดอะไรอีก ใช่แล้ว ฉินฮูหยินคิดไปเองเพคะ”
ฉินฮูหยินได้ยินดังนั้นก็โกรธทันที “เสิ่นเหวินเสียน เจ้าหาว่าข้าปล่อยข่าวลืองั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเจ้าไม่ปฏิเสธตอนได้ยินข้าพูด? เหตุใดเจ้าไม่แก้ไข แต่ปล่อยให้ข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายไปมากขึ้น? เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีแรงจูงใจซ่อนเร้น แต่ตอนนี้เจ้ากลับโยนความผิดให้คนอื่น”
เสิ่นเหวินเสียนตกใจกลัวจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง นางกลัวมากว่าตัวเองกำลังจะตาย
เป็นไปได้อย่างไร? คนที่หลานสุ่ยชิงชอบพอ เหตุใดถึงบังเอิญเป็นซื่อจื่อได้?
นางหันไปชี้พี่น้องสกุลหลานทันที แล้วพูดว่า “เป็นพวกนางเพคะซื่อจื่อ พวกนางพูดอย่างนั้น ทั้งสองวิ่งมาบอกข้าตอนที่มาถึงตำหนักองค์ชายสามเป็นครั้งแรก โดยบอกว่าหลานสุ่ยชิงแอบมีความสัมพันธ์กับบุรุษอื่น และบอกว่าวันนี้ชายคนนั้นจะสวมเสื้อที่หลานสุ่ยชิงเป็นเย็บให้ ทั้งยังอธิบายความสูงและรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้นด้วย แล้วก็บอกว่าพวกนางจะพาข้าไปจับการคบชู้สู่ชาย พวกนางต้องการเล่นงานหลานสุ่ยชิงให้ถึงแก่ความตาย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น จริง ๆ นะเพคะซื่อจื่อ ท่านต้องเชื่อข้า พวกนางบอกว่าแม่ของพวกนาง ถูกลดสถานะให้เป็นอนุเพราะหลานสุ่ยชิง พวกนางจึงต้องการแก้แค้นหลานสุ่ยชิงเพคะ”
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะหันมาโจมตีพวกนาง แล้วผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้พวกนาง
ยิ่งกว่านั้นคือนางยังเติมเชื้อไฟเพื่อทำให้เรื่องแย่ลง แล้วผลักดันเรื่องไปสู่จุดที่ควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าพวกนาง
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา สายตาเฉียบคมของหนานหนานก็พุ่งไปที่พวกนาง
ขาของทั้งสองอ่อนแรงทันที พวกนางพลันคุกเข่าลงกับพื้น
“ซื่อจื่อเพคะ พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรา พวกเราไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย พี่เสิ่นมีความแค้นอยู่ในใจ นางไม่พอใจเรื่องที่นางตกน้ำในตำหนักอ๋องซิวครั้งก่อน นางจึงคิดจะทำร้ายพี่ใหญ่ นางบังเอิญเห็นพี่ใหญ่มาทางด้านนี้คนเดียว จึงลากเราไปดูด้วย เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นพี่ใหญ่กับซื่อจื่อกำลังคุยกันอยู่ เราก็ตกตะลึงและไม่รู้จะทำอย่างไรไปชั่วขณะ ขณะที่พวกเรากำลังสับสนอยู่นั้น พี่เสิ่นก็ไปเรียกฮูหยินและคุณหนูทุกคนมาดูเพคะ”
ขณะนี้ทุกคนกำลังดูทั้งสามพูดจิกกัดกันราวกับดูละครด้วยความตื่นเต้น ต่างพากันกระซิบกระซาบและชี้ไปด้านข้าง
คนส่วนใหญ่ล้วนเข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นการต่อสู้ภายในตระกูลหลานอย่างชัดเจน
เพียงแต่คุณหนูรองกับคุณหนูสามของตระกูลหลานนั้นโง่เขลาเกินไป พวกนางกล้าพาคนมาจับการคบชู้สู่ชาย โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายที่มาพบกับหลานสุ่ยชิงเป็นใคร
ฮ่าๆ จับการคบชู้สู่ชายหรือ? พวกนางช่างทำไปได้ คู่หมั้นมาพบกันเป็นการส่วนตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทุกวันนี้ชายหญิงจำนวนมากที่หมั้นหมายและกำลังจะแต่งงานกัน บางครั้งก็ออกไปจับจ่ายซื้อของ และชมทิวทัศน์อันสวยงามด้วยกันได้ หากรักกันก็ขอแค่ทำตัวให้เหมาะสมก็พอแล้ว
ตอนนี้เรื่องเริ่มใหญ่โตเกินความคาดหมายของทุกคน เห็นทีคุณหนูเสิ่นและสองพี่น้องตระกูลหลานคงชะตาขาดเสียแล้ว
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวตัวสั่นสะท้าน แต่อย่างน้อยพวกนางก็พูดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเสิ่นเหวินเสียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้น ก็เกือบจะกระโจนเข้าไปฆ่าพวกนาง ช่างไร้ยางอายอะไรเช่นนี้
“ถวายบังคมหวางเฟย” องครักษ์ตำหนักองค์ชายสามเดินเข้ามาไม่ไกล ก่อนทำความเคารพพระชายาสาม
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ก๊าก มีคนปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อหลายตัวเลย เลือกเอาแล้วกันนะสุ่ยหยวนสุ่ยเถียนว่าจะโดนเชือดที่นี่หรือจะกลับไปโดนเชือดที่บ้าน
ไหหม่า(海馬)