อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 99 ยาปลุกกําหนัด
ตอนพิเศษ 99 ยาปลุกกําหนัด
ตอนพิเศษ 99 ยาปลุกกําหนัด
หวางเฟยสามชะงักไปครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ตอนที่กระหม่อมและคนอื่น ๆ กำลังลาดตระเวนอยู่ ได้จับสาวใช้ที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“สาวใช้หรือ?” หวางเฟยสามขมวดคิ้ว มองอวี้ชิงลั่วที่อยู่ข้าง ๆ
อวี้ชิงลั่วคิดว่าวันนี้มีแต่เรื่องสนุก นางไม่เชื่อว่ากลอุบายของหนานหนานจะหยุดอยู่แค่นี้ แค่ทำให้สองพี่น้องสกุลหลานโกรธแค้น มันไม่ใช่วิสัยของเขาจริง ๆ
นางจึงพยักหน้าให้หวางเฟยสาม
หวางเฟยสามพูดกับองครักษ์ทันทีว่า “นำตัวมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋ที่ยืนดูอยู่นานที่ด้านข้างอดหรี่ตาไม่ได้ เขามองบุตรชายของเขา แล้วมองหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงรู้สึกกังวล ครอบครัวหลานของพวกนางสร้างปัญหาวุ่นวายมากมาย ท่านอ๋องซิวจะไม่…คิดว่าพวกนางชอบสร้างปัญหาใช่หรือไม่?
เย่ซิวตู๋ไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาแค่เอนตัวไปใกล้หูของอวี้ชิงลั่ว แล้วกระซิบว่า “เจ้าค่อย ๆ เล่นก็ได้ แต่อย่าเล่นแรงเกินไป รองเจ้ากรมหลานอยู่ในตำแหน่งนั้นดีแล้ว ข้าไม่อยากเตะเขาออก”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีความยับยั้งชั่งใจอยู่”
“เจ้านี่นะ ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็กระสับกระส่าย ข้ารู้ว่าช่วงนี้ข้ายุ่งมาก ทำให้ละเลยเจ้าไป ถ้ากลับไปแล้วข้าจะพาเจ้าออกไปเดินเล่น จะได้ไม่ต้องมาหาความสนุกกับผู้คนเหล่านี้”
“…” อย่าทำเหมือนว่านางคิดถึงเขามากสิ ตอนที่เขาไม่อยู่ นางรู้สึกว่างเปล่าและเหงาหงอยถึงเพียงนั้นเลยหรือไร?
อวี้ชิงลั่วอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นเพราะหนานหนาน นางจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
นางฉลาดขึ้นแล้ว และสามารถคาดเดาทิศทางของสถานการณ์ได้ล่วงหน้า คิดว่านางไร้เดียงสาจริงหรือ?
หลังจากเย่ซิวตู๋พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
เขามาที่นี่ในวันนี้ ไม่เพียงแต่มาพบชิงเอ๋อร์เท่านั้น แต่เขายังมีธุระบางอย่างกับองค์ชายสามด้วย
ทันทีที่เขาจากไป องครักษ์ก็พาสาวใช้ที่น่าสงสัยมาแล้ว
ทันทีที่สาวใช้ปรากฏตัว ใบหน้าของหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกระดาษ แล้วกระซิบออกมาว่า “ถานซิ่วหรือ?”
ถานซิ่วหดคอ ทันทีที่ถูกองครักษ์ผลัก นางก็คุกเข่าดังตุ้บลงตรงหน้าหวางเฟยสามและอวี้ชิงลั่ว
“หวางเฟยโปรดไว้ชีวิต หวางเฟยโปรดไว้ชีวิต บ่าวรู้ว่าบ่าวผิดไปแล้ว แต่บ่าวยังไม่ได้ลงมือทำ หวางเฟยโปรดไว้ชีวิตด้วยเถิดเพคะ” ขณะที่พูด นางก็หมอบลงกับพื้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รูม่านตาของหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวก็หดตัวลง ลางสังหรณ์ไม่ดีพลันผุดขึ้นในใจของพวกนาง
“ถานซิ่ว เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ เจ้าแอบทำอะไร?”
หลานสุ่ยชิงนึกเย้ยหยันและกำลังพูด แต่หนานหนานขวางไว้
หนานหนานยิ้มให้นางและขยิบตา “เจ้าคอยดูอยู่ห่าง ๆ เถอะ วันนี้ให้ข้าจัดการเรื่องทั้งหมดเองได้หรือไม่?”
หลานสุ่ยชิงรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่าเขาปกป้องนางจากลมและฝนและทุกสิ่งได้
นางอยากจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาจริง ๆ แต่นางไม่รู้ว่าวันนี้เขาเตรียมไว้กี่อย่าง การผลีผลามพูดออกไปอาจทำลายแผนการของเขาได้ นางจึงพยักหน้าเล็กน้อยและนิ่งเงียบ
หนานหนานมองหลานสุ่ยหยวนด้วยสายตาเย็นชา “คุณหนูรองตื่นเต้นตกใจอะไรนักหนา? นี่คือสาวใช้ของเจ้าใช่หรือไม่?”
หลานสุ่ยหยวนก้มหน้าลงอย่างอธิบายไม่ได้ ซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวหล่อเหลายิ่งนัก แต่ท่าทางของเขาเย็นชาราวกับสามารถแช่แข็งผู้คนได้ ทำให้นางรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว
ด้วยความตกใจกลัว นางจึงเงียบไปชั่วขณะ ไม่กล้าพูดอะไร
แต่เหงื่อเย็นไหลโซมกายอยู่ตลอดเวลา เพราะกระวนกระวายใจมาก พวกนางเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในใจก็พยายามครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด
หนานหนานพ่นลมหายใจเบา ๆ จากนั้นหันไปมององครักษ์ที่พาถานซิ่วมา แล้วถามว่า “สาวใช้คนนี้ทำอะไร?”
“กราบทูลซื่อจื่อ ขณะที่กระหม่อมกำลังลาดตระเวนอยู่ ก็ได้เห็นสาวใช้คนนี้ถือถุงกระดาษอยู่ในมือ ขณะทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงมุมกำแพงตรงนั้น กระหม่อมเห็นว่าน่าสงสัยจึงเข้าไปถาม และสาวใช้คนนี้ก็ตกใจกลัวจนคุกเข่าลงกับพื้น หน้าซีดเผือด ถุงกระดาษในมือจึงหล่นลงพื้น เมื่อกระหม่อมถาม นางก็หลบสายตา เอาแต่พึมพำว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ ยังไม่ทันได้ลงมือ พวกกระหม่อมกังวลว่า นางจะทำอะไรให้แขกที่มาจวนวันนี้ไม่พอใจ จึงจับตัวนางไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เย่หลานเวยมองหนานหนาน ก่อนจะมององครักษ์ในตำหนักของเขา มุมปากพลันกระตุก
สองคนนี้ไปสมคบคิดกันตั้งแต่เมื่อใด? เขาจำได้ว่าคนผู้นี้เป็นคนใกล้ชิดของบิดาของเขา
วันนี้หนานหนานทำอะไร ท่านพ่อรู้ด้วยหรือไม่?
ใช่แล้ว น่าหงุดหงิดนัก เป็นเพื่อนกันหากมีเรื่องน่าสนใจ ก็ควรจะปรึกษาหารือกับเขาไม่ใช่หรือ? จะไปหาพ่อเขาเพื่ออะไร?
เย่หลานเวยคิดได้ดังนั้นก็ก้าวเข้าไปพูดก่อนหนานหนาน “ตอนนี้ถุงกระดาษนั่นอยู่ที่ใด?”
“อยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ยื่นถุงกระดาษส่งให้ด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความเคารพ
เย่หลานเวยยื่นมือออกไปเปิด แล้วเห็นว่าข้างในเป็นห่อผงยาสีเหลืองอ่อน
เขาเลิกคิ้วถามถานซิ่วที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น “นี่คืออะไร?”
ถานซิ่วตัวสั่นอย่างรุนแรง ชำเลืองมองหลานสุ่ยหยวน แล้วพูดว่า “คือ คือ คือ… ยา ยาปลุกกําหนัดเพคะ”
“ยาปลุกกําหนัดหรือ?” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอุทานออกมา แล้วถอยหนึ่งก้าว ขณะจ้องมองสิ่งของในมือของเย่หลานเวย แล้วเอามือปิดจมูกโดยสัญชาตญาณ
หลายคนมองไปที่หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว หลานสุ่ยเถียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางตบถานซิ่วในทันใด “เหตุใดเจ้าถึงมีของสกปรกเช่นนี้ติดตัว? เอามาจากไหน? ใครให้สิ่งนี้แก่เจ้า? เจ้าอยากตายหรือ?”
คำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ ทว่าแม้แต่คนที่มีสมองน้อยก็ไม่เชื่อว่าสองพี่น้องสกุลหลานจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เย่หลานเวยยกยิ้ม แล้วพูดกับอวี้ชิงลั่วว่า “ท่านอาสะใภ้ห้า ท่านช่วยตรวจสอบได้หรือไม่ขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วโบกมือ “ข้าไม่เคยสัมผัสของต่ำเช่นนี้มาก่อน”
“…” ทุกคนที่รู้จักนางดีต่างมีสีหน้าราวจะบอกว่า ‘เจ้าช่างไร้ยางอายนัก’
เย่หลานเวยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสั่งให้หมอในตำหนักมาตรวจดูห่อผงยาสีเหลืองอ่อน
หมอสรุปได้อย่างรวดเร็วว่า “กราบเรียนซื่อจื่อ ยาห่อนี้เป็นยาปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์แรงจริง ๆ เพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้คนเสียสติ และทำผิดพลาดครั้งใหญ่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลานสุ่ยเถียนเปลี่ยนเป็นซีดเผือดอีกครั้ง นางรีบวิ่งเข้าไปตบถานซิ่ว “เจ้าช่างไร้ยางอาย เจ้ามีของเช่นนี้ติดตัวอยู่ เจ้ากำลังพยายามทำอะไร? เจ้าคิดจะวางยาข้ากับพี่รองหรือ? บอกมาว่าใครสั่งเจ้า?”
จิ่นซิ่วขมวดคิ้วและเริ่มหมดความอดทน นางจึงดึงหลานสุ่ยเถียนออกไป แล้วตวาดด้วยความโกรธ “หวางเฟยอยู่ที่นี่ เจ้ายังบังอาจอวดดีถึงเพียงนี้ หากเกิดอะไรขึ้น หวางเฟยกับซื่อจื่อย่อมมีหน้าที่จัดการเอง ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าตะโกนแหกปากที่นี่?”
เย่หลานเวยนึกเย้ยหยัน เขามองหลานสุ่ยเถียน จากนั้นมองถานซิ่วด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า “บอกมาว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บอกมาได้นะคะสุ่ยหยวนสุ่ยเถียนว่าอยากกินอะไรเป็นอาหารมื้อสุดท้าย ดูท่าเขาจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แล้ว
ไหหม่า(海馬)