อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ - ตอนที่ 196
ตอนที่ 196 ผู้อาวุโส
“ศิษย์เฟยศิษย์ซวนตื่นได้แล้ว!” ผู้อาวุโสชานเดินเข้าไปในห้องตะโกนเรียกชื่อพวกเธอทําให้พวกเธอตื่นทัน
“อาจารย์…ท่านมาทําอะไรที่ห้องของเรา” เฟยยู่หยานถามเธอด้วยใบหน้างัวเงียเห็นได้ชัดว่ายังคงตื่นไม่เต็มตา
“มันเช้แล้ว! วันนี้เจ้าไม่ได้จะไปพบกับปรมาจารย์ซูหรอ?” ผู้อาวุโสชานเตือนเธอ
ดวงตาของเฟยยู่หยานเบิกกว้างเมื่อเธอสังเกตเห็นหยวนยืนอยู่ข้างประตูและเธอก็ตื่นขึ้นมาแทบจะในทันที
“ข้าขอโทษข้าเผลอหลับไป!”
เฟยยู่หยานรีบลุกจากเตียงด้วยใบหน้าแดงก่ำเธอรู้สึกอายที่หยวนเห็นท่าทางยุ่งเหยิงเช่นนี้
ซวนหวู่ฮั่นก็ลุกจากเตียงและจัดทรงผมของเธออย่างรวดเร็ว
ในเวลาต่อมาผู้อาวุโสชานถามพวกเธอว่า
“พวกเจ้าพร้อมหรือยัง”
“พร้อมค่ะ…” เฟยยู่หยานพยักหน้า
หลังจากที่เธอทั้งสองลุกขึ้นจากเตียงของพวกเธอและล้างหน้าแต่งตัวแล้ว พวกเธอก็เริ่มเดินทางไปยังที่พักของตระกูลซูทันที ซึ่งมันใช้เวลาเดินเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ตระกูลซู หยวนก็ได้ยินเสียงคนเล่นพิณหลายคนซึ่งฟังดูไม่ค่อยสามัคคีกันสักเท่าไหร่
“ตระกูลซูมีการจัดการสอนการเล่นพิณสําหรับผู้ที่ต้องการเล่นพิณด้วย”
เฟยยู่หยานพูดกับหยวนหลังจากสังเกตเห็นว่าความสนใจของเขากําลังพุ่งสูงขึ้น
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็มาถึงประตูซึ่งมีทหารรักษาประตูยืนอยู่
“เรามาที่นี่เพื่อพบกับผู้อาวุโสซู เราได้แจ้งเขาล่วงหน้าแล้วว่าเราจะมาในวันนี้” เฟยยู่หยานกล่าวกับทหารยามซึ่งกําลังรู้สึกงุนงงกับความงามของเธอ
“จะ…เจ้าชื่ออะไร” ยามถามเธอด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เฟยยู่หยาน”
“รอข้าสักครู่…ข้าจะรีบกลับมา!”
ทหารยามหันหลังกลับและวิ่งหนีทําตัวเหมือนเด็กขี้อายรีบวิ่งหนีไปจากเธอ
ไม่กี่นาทีต่อมาทหารยามก็กลับมาพร้อมกับชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาว
“สวัสดีผู้อาวุโสซู” เฟยยู่หยานประสานมือของเธอและโค้งคํานับเขาด้วยความเคารพ
“ไม่พบกันนานนะศิษย์เฟย” ผู้อาวุโสซูพยักหน้าให้เธอ
จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้อาวุโสสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอและโค้งคํานับให้พวกเขา
“ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลซู สหายทั้งสองท่าน”
“ขอบคุณที่สละเวลามาพบพวกเราทั้งๆที่ไม่ได้มีเวลามากนัก ท่านอาจารย์ซู”
ผู้อาวุโสซวนและผู้อาวุโสชานทักทายกลับ
“แน่นอนข้าจะไม่พลาดโอกาสดีๆแบบนี้แน่” ผู้อาวุโสซูกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะหันไปมองหยวนที่ยังคงสวมหน้ากากหยกดําอยู่
“งั้นเจ้าคงเป็นคนที่สามารถเล่นพิณบ่วงวิญญาณของข้าได้ใช่ไหม เจ้ามีนามว่าอะไรหล่ะ”ผู้อาวุโสซูถามหยวน
“เรียกข้าว่าหยวนก็ได้” เขาตอบ
“ข้าเข้าใจแล้ว…โปรดตามข้ามาเราจะไปที่ที่เป็นส่วนตัวและเงียบสงบกว่านี้” ผู้อาวุโสซูกล่าวขณะที่เขาหันกลับมาและเริ่มเดิน
“พิณบ่วงวิญญาณทําไมชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจัง” ผู้อาวุโสซวนถามผู้อาวุโสชาน
“พิณบ่วงวิญญาณ…ถ้าข้าจําไม่ผิดมันเคยเป็นของเทพธิดาแห่งพิณมาก่อนที่เธอจะไปจากสวรรค์ชั้นล่างและยังเป็นที่รู้จักกันในนามของ เครื่องดนตรีต้องคําสาป” เพราะเนื่องจากไม่มีใครสามารถเล่นได้นับตั้งแต่ที่เธอทิ้งมันไว้ในสวรรค์ชั้นล่างนี้”ผู้อาวุโสชานอธิบายให้ฟัง
“ข้าเข้าใจแล้ว…เรามาที่นี่ในวันนี้เพราะศิษย์หยวนสามารถเล่นพิณตัวนั้นได้?” ผู้อาวุโสซวนพึมพํา
“ทําไมข้าถึงไม่แปลกใจเลย?” ผู้อาวุโสชานกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงลานอันเงียบสงบหลังอาคารหลัก
“นี่คือพิณบ่วงวิญญาณ” ผู้อาวุโสซูกล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่พิณสีดําที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะหยกกลมในลาน
“เครื่องดนตรีชิ้นนี้อยู่กับครอบครัวของข้านับตั้งแต่ที่เทพธิดาแห่งพิณทิ้งมันไว้เมื่อ 25,000 ปีก่อนเพื่อเฝ้ารอเจ้าของคนใหม่ตั้งแต่นั้นมา”
จากนั้นเขาก็หันไปมองหยวนและพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“หนุ่มน้อย…เจ้าสามารถเล่นพิณบ่วงวิญญาณได้จริงงั้นหรือ?”
หยวนพยักหน้าตอบรับด้วยใบหน้าจริงจัง
ผู้อาวุโสซูไม่ได้พูดอะไรอีกและก้าวไปด้านข้างเพื่อเปิดทางให้หยวนเดินไปยังพิณ
เมื่อเห็นเช่นนี้หยวนจึงเดินไปที่โต๊ะหยกกลมและนั่งลงด้านหลังของพิณบ่วงวิญญาณ
แม้ว่าเขาจะเห็นเครื่องดนตรีนี้ครั้งสุดท้ายยังไม่ถึงหนึ่งวัน แต่หยวนก็รู้สึกว่าผ่านไปนานมากแล้ว
หลังจากหายใจเข้าลึกๆหยวนกวางนิ้วลงบนพิณแล้วหลับตานึกถึงเพลงที่เล่นโดยเทพธิดาแห่งพิณ
ตั้ง :
สายของพิณบ่วงวิญญาณสั่นสะท้านเปล่งเสียงสวรรค์ที่ทําให้ดวงตาของผู้อาวุโสซูเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“นี่มัน!! เขาเล่นพิณตัวนี้ได้จริงๆ!” ผู้อาวุโสซูจ้องมองไปที่นิ้วของหยวนและดูการเคลื่อนไหวของมือที่ไร้ที่ติของเขาด้วยสีหน้าแวววาว
เร็วมากผู้อาวุโสซูและคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นต่างก็หลงใหลในการแสดงพิณของหยวน
“สวรรค์…เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วันที่ข้าได้ยินเพลงจากพิณของเขาครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้มันกลับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด!”ผู้อาวุโสชานร้องไห้อยู่ในใจ
“นี่คือ..ฝีมือการเล่นพิณของศิษย์หยวนงั้นหรือ? มีอะไรที่เขาไม่สามารถทําได้อย่างสมบูรณ์แบบบ้างไหม?” ผู้อาวุโสซวนถอนหายใจออกมา
“ศิษย์หยวน… เฟยยู่หยานจ้องมองหยวนด้วยสีหน้างุนงง แม้ว่าหน้ากากหยกดําจะปิดกั้นใบหน้าของหยวนแต่เธอก็ยังสามารถมองเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาได้อย่างชัดเจนและยิ่งเธอจ้องมองเขานานเท่าไหร่ใบหน้าของเธอก็จะยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น
ไม่กี่นาทีต่อมาหยวนก็หยุดเล่นพิณและเขาก็หันไปมองผู้อาวุโสซูที่กําลังงุนงงอยู่
“ท่านคิดอย่างไร?” หยวนตัดสินใจถาม
“ข้าไม่จําเป็นต้องตอบคําถามนั้นด้วยซ้ํา…” รอยยิ้มหวานๆปรากฏบนใบหน้าของผู้อาวุโส
แม้จะมีประสบการณ์กว่า 100 ปีในการเล่นพิณ แต่เขาก็ยังรู้สึกด้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหยวนที่ดูเป็นชายหนุ่มถ้าเขารู้ว่าหยวนเล่นพิณมาได้แค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์บางทีเขาอาจจะกระอักเลือดออกมาในตอนนี้ด้วยความตกใจ
ไม่กี่นาทีต่อมาผู้อาวุโสซูก็ลดศีรษะลงและพูดกับหยวนด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบคุณ…ที่ทําให้ข้าได้สัมผัสกับความสวยงามทางเสียงดนตรีของพิณบ่วงวิญญาณ เพราะข้าเชื่อมั่นว่าข้าจะไม่มีวันได้เห็นคนที่เล่นมันอย่างงดงามได้อีกอย่างน้อยก็ไม่ใช่ในชีวิตนี้”