อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 12 : ไม่รู้ใบหน้า [รีไรท์]
ตอนที่ 12 : ไม่รู้ใบหน้า
“เขาพูดถูกนะ เช่นนั้นก็ให้เขารับผิดชอบด้านการวางแผนโฆษณาผลิตภัณฑ์นี้ไปเลยละกัน” จิ่งเป่ยเฉินควงปากกาในมืออีกครั้ง ก่อนจะฉายแววตาที่เย็นชาออกมา
“อะไรนะ! จะให้เขารับผิดชอบ? ทั้งหมดของด้านการวางแผนผลิตภัณฑ์เลยอย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาของฉีเซิ่งเทียนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า ถ้าหากมีแค่พวกเขาสองคน ป่านนี้เขาคงกู่ร้องตะโกนเสียงดังไปแล้ว
“มีปัญหาเหรอ?”
“แน่นอนว่าต้องมีปัญหา ถ้าหากตามมาตรฐานที่ของเธอละก็ ลูซี่ไม่มีทางได้รับการคัดเลือกหรอก” ฉีเซิ่งเทียนจงใจเอ่ยลูซี่ขึ้นมา เพราะเขารู้สึกว่าแนวทางครั้งนี้ของจิ่งเป่ยเฉินค่อนข้างมีปัญหาแล้ว เลือกผิดจนเกินไป
“ต่อไปฉันจะแสดงวิธีอวดรูปร่างที่เหมาะสมออกมาในแบบที่ไม่เหมือนใคร ได้โปรด พวกคุณสองคนที่อยู่ข้างหน้าให้เกียรติผู้สัมภาษณ์เช่นดิฉันด้วยค่ะ” เธอกล่าวขณะมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน ความหมายโดยนัยคือพวกคุณสองคนที่กระซิบกันอยู่ช่วยออกมาซะ
ผู้สัมภาษณ์หญิงที่อยู่ทางด้านขวาเกือบจะเสียศูนย์ น้ำเสียงที่ฟังยากแบบนี้ ทั้งยังใช้สายตาจิกไปยังจิ่งเป่ยเฉินและผู้จัดการฉีอีก
อันโหรวยิ้มออกมา พร้อมมองไปที่กาน้ำชาสีฟ้าที่อยู่ด้านหน้า
การยืดแขนและการเดินล้วนแล้วแต่แสดงถึงบุคลิกลักษณะได้เป็นอย่างดี
เธอหยิบกาน้ำชามาที่จิ่งเป่ยเฉิน “การเทชาไม่ว่าจะวาดวงแขนอย่างไร มือจะอยู่ตำแหน่งใด ล้วนแล้วแต่แสดงถึงรูปร่างลักษณะได้เป็นอย่างดี คนจีนนั้นเน้นให้ความสำคัญกับมารยาทและวัฒนธรรมมาโดยตลอด นับตั้งแต่มือไปจนถึงทรวดทรงและท่วงท่า ซึ่งมันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ประธานจิ่ง ทำไมคุณไม่ลองทำดูหน่อย”
จิ่งเป่ยเฉินเห็นเธอรินน้ำชา เขาก็ยื่นมือออกไปรับ และขณะนั้นก็เอามือไปจับที่ข้อมือของเธอ
“สีผิวแขนของคุณทำไมมันถึงแตกต่างกว่าสีผิวบนใบหน้าของคุณ?” จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางมองไปยังจุดที่เขาสนใจ
“แน่นอนว่ามันต้องแตกต่าง สีผิวบนใบหน้าของคุณเหมือนกับสีผิวตรงกล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณหรือเปล่า?”
ฉีเซิ่งเทียนรีบหันไปดูที่ช่วงท้องของจิ่งเป่ยเฉินทันที เพียงแต่ว่าเขานั้นสวมเสื้อเชิ้ตและสูทอยู่ เธอเห็นเพียงครั้งแรกก็รู้แล้วว่าเขามีกล้ามเนื้อหน้าท้อง?
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ดวงตาคู่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นมายืน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของเธอและพูดว่า “ชื่อ?”
“อันอีหาน”
ซินอีห่าน[1]
ฉีเซิ่งเทียนรู้สึกว่าจิ่งเป่ยเฉินแปลก ๆ ไป เขาจ้องมองผู้หญิงที่ขี้เหร่คนนี้อย่างไม่ลดละ ทั้งยังถามชื่อของเธออีก เพียงแต่นามสกุลของผู้หญิงที่ขี้เหร่คนนี้มันคล้ายกันคนนั้นมาก…
“อัน…อีหาน?” จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตา ขณะที่มองสำรวจอย่างช้า ๆ
เธอจงใจเงยหน้าขึ้นมองและกะพริบตาอย่างไม่สนใจ “ใช่ อันอีหาน”
รูปลักษณ์แบบนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วพอสมควร “พรุ่งนี้ฉันจะรายงานไปยังแผนกวางแผน และจะมอบหมายตำแหน่งการวางแผนโฆษณาเชิงรุกของผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจิ่ง”
“ไม่มีปัญหา เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ประธานจิ่งช่วยปล่อยมือของฉันออกก่อนเถอะ”
ผู้สัมภาษณ์ที่อยู่ในห้องต่างก็พลันเบิกตากว้างโต ที่นี่คือห้องสัมภาษณ์สำหรับผู้ที่จะเป็นฝ่ายโฆษณา ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนเป็นแผนกวางแผนไปเสียแล้ว?
“ประธานจิ่ง ลูซี่เขากำลังรอคุณอยู่นะ” ฉีเซิ่งเทียนกล่าวอย่างหวาดกลัวว่าสถานการณ์จะดูวุ่นวายมากขึ้น
“ลูซี่? ไม่เห็นรู้จัก” เขาปล่อยมือของเธอออก ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำอย่างไม่สนใจไยดี
ปากของฉีเซิ่งเทียนพลันอ้าปากค้าง ภาพลักษณ์ที่เขาเอ่ยมานั้นชักจะดูเกินจริง “แฟนสาวที่มีข่าวลือของคุณไง ถูกสื่อข่าวต่าง ๆ รายงานเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว เธอมักจะมาที่บริษัทจิ่งอยู่ตลอด คุณน่าจะยังพอจำได้ ก็รู้อยู่ว่าคุณมีภาวะไม่รู้ใบหน้า แต่ก็ยังจะไม่เชื่ออีก”
“ไม่รู้ใบหน้า?” อันโหรวหันศีรษะของเธอด้วยความงงงวย
“ใช่แล้ว จำใบหน้าของผู้หญิงไม่ได้ ผู้หญิงที่อยู่ที่นี่ เขาจำได้แค่แม่ของเขาเท่านั้น ส่วนผู้หญิงคนอื่น ๆ ล้วนลืมเสียจนหมด” ฉีเซิ่งเทียนคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง
ความจริงแล้ว นอกจากแม่ของเขาเองแล้ว จิ่งเป่ยเฉินก็จำผู้หญิงคนหนึ่งได้อีกด้วย
อันโหรวไม่เชื่อว่าเขานั้นจะมีสภาวะไม่รู้ใบหน้า(บอดใบหน้า) จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
[1] หมายถึงหัวใจเย็นยะเยือก เป็นคำพ้องเสียง