อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 174 ดูแลน้องสาวดี ๆ
ตอนที่ 174 ดูแลน้องสาวดี ๆ
ตอนนี้หยางหยางกำลังนั่งดูทีวีช่องการเงินอยู่บนโซฟา อันโหรวพยายามเพิกเฉยต่อสิ่งที่เห็นก่อนจะดึงหน่วนหน่วนมาตรงหน้าและพูดว่า “หยางหยาง ดูแลน้องสาวดี ๆ แม่จ๋าไปก่อนนะคะ”
อันหยางหันไปมองพวกเขาก่อนจะพยักหน้าให้ หลังจากนั้นหน่วนหน่วนก็ได้ทำแบบเดียวกัน เพียงแต่ไม่ได้วางใจก่อนจะมองไปที่เธอ “แม่จ๋า บอกได้ไหมว่าคืนนี้ไปเจอคุณน้าที่ไหน?”
แต่งตัวสวยขนาดนี้ แถมยังแปลงโฉมแบบนี้ ต้องไปสถานที่ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ยิ่งสวยเท่าไรก็ยิ่งต้องระวังคนมากขึ้น คนพวกนั้นสามารถเล่นกับผู้หญิงคนไหนก็ได้โดยไม่สนใจ
ถ้าหากเขาไปไม่ได้ เขาก็ต้องหาใครสักคนไปปกป้องเธอ
“หยางหยาง แม่สัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย โอเคไหม” ที่เมิ่งหลีเป็นคลับที่มีชื่อเสียงระดับสูงของเมือง A คงไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
เธอเดาความคิดของหยางหยางออก เขากับถังซั่วสนิทกันซะขนาดนั้น เธอจึงบอกเขาไว้ก่อน เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังพอเธอออกประตูไป ถังซั่วต้องรู้เรื่องนี้แน่
เธอไม่อยากจะคิดทำตัวสนิทสนมกับถังซั่วมากนักในเวลานี้ จะดีกว่านี้ถ้าหากไม่ต้องพูดถึงอีก
“งั้นแม่จ๋าก็ระวังตัวด้วยนะ กลับมาเร็ว ๆ ด้วย” หยางหยางดึงหน่วนหน่วนให้มานั่ง ก่อนที่ดวงตาสีดำจะจับจ้องไปที่เธอ
“อืม แน่นอนจ้ะ” อันโหรวยิ้มก่อนจะเดินออกไป เธอคิดว่าหลินจือเซี๋ยวน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ถ้าหากเธอไม่ไป มีหวังเธอคงถูกเพื่อนบ่นแน่ ๆ
เธอขับรถของหลินจือเซี๋ยวไปยังเมิ่งหลี หลังจากที่ลงจากรถหน้าสถานที่ เธอก็ได้ฝากกุญแจรถไว้กับเด็กรับรถ ก่อนจะเข้าไปในนั่นที่ถูกประดับไปด้วยเพชรนิลจินดาที่สวยงาม
หลินจือเซี๋ยวนั่งอยู่ห้องโถงด้านใน เมื่อเห็นเธอมาถึง แก้วในมือของเธอก็ถูกวางลง ก่อนจะรีบวิ่งไปหาเพื่อนของตนด้วยท่าทางที่มีความสุข “โหรวโหรวของฉัน ถ้าหากวันนี้ฉันไม่ได้สั่งสอนลูกค้าคนนั้นละก็ พรุ่งนี้มีหวังฉันถูกบอสจัดการตายต่อหน้าเขาแน่ ๆ”
อันโหรวมองไปที่สีหน้าจริงจังของเธอ ก่อนจะลังเลว่าตัวเองไม่น่ารับปากเธอเลย โดยเฉพาะคนที่เดินผ่านไปมาที่มองเธอแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย
“ทำไมถึงต้องมาขอบคุณต่อหน้าเขาแบบนี้ด้วย? เธอคือคนที่มาช่วยเขาไม่ใช่เหรอ รีบไปกันเถอะ!” เธอไม่คิดอยากจะอยู่ที่นี่แม้แต่น้อย
หลินจือเซี๋ยวจับมือเธอเดินเข้าไป ดวงตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนจับจ้องมาที่ตัวเธอ “โหรวโหรว ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นแม่คนแล้ว ดูสิ มีคนมากมายต่างก็มองตัวเธอ! น่าภูมิใจและน่าอิจฉาจัง!”
“เธอเอาตาไปไว้ไหนกัน? เหมือนไม่เคยเห็นความจริงอย่างนั้นแหละ!” ปกติแล้วอันโหรวมักจะสวมชุดนอนเวลาอยู่บ้าน หนำซ้ำยังเดินเพ่นพ่านไปมา แต่ตอนนี้กลับสวมชุดที่โชว์เรือนร่างอย่างชัดเจน ซึ่งปกติแล้วไม่เคยเห็นมาก่อนเธอก็ย่อมต้องแปลกใจเป็นธรรมดา
“โธ่ ๆ ดูหน้าของเธอสิ ตอนนี้เป็นใบหน้าที่สวยสดงดงามเสียจนฉันแทบจะทนไม่ไหว คิดอยากจะจูบจริง ๆ เลยนะ สายตาผู้คนมองตัวเธอเนี่ย เธอยิ่งต้องระวังมากเลยนะสถานที่แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ปกติของคนทั่วไปนะ!” เธอบอกเอ่ยเพื่อไม่ให้ลืม วันนี้โหรวโหรวนั้นสวยเป็นพิเศษ
เพื่อให้เธอได้ลูกค้าที่มีเล่ห์เหลี่ยมคนนี้ อาจจะมีการต้องเสียสละบ้างแล้ว!
“อันที่จริง….” อันโหรวเหลือบมองไปที่ด้านข้างของหลินจือเซี๋ยว ก่อนจะพูดว่า “เธอเองก็ไม่เลวนะ”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณที่ชมนะยะ! ดูเหมือนเร็ว ๆ นี้ฉันคงต้องแต่งงานกับตัวเองแล้วสิ จะได้พัฒนาตัวเองเป็นครั้งที่สองเสียบ้าง!” หลินจือเซี๋ยวก้มลงไปมองที่หน้าอก ก่อนจะคิดว่าที่มีอยู่นี่ก็นับว่าดีแล้ว
พวกเขาขึ้นลิฟต์ที่ไปชั้นสามอย่างรวดเร็ว หลังจากออกจากลิฟต์ อันโหรวก็ได้เอ่ยคำถามกับเธอ “แต่งงานกับคนอื่นก็ได้ แต่ก่อนอื่นต้องมีอะไรที่คล้าย ๆ กันก่อนนะ”
“โหรวโหรว ยัยคนใจร้าย!” หลินจือเซี๋ยวคว้าแขนของเธอไว้ ก่อนจะยิ้มและพูดต่อว่า “ก่อนหน้านั้นฉันทำงานเป็นเลขาของบิ๊กบอสก็ยุ่งจนจะตายอยู่แล้ว ยิ่งส่งผลกระทบต่อการหาแฟนเข้าไปใหญ่ ความรักอะไรนั่น พรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันจะทำงานเป็นผู้จัดการแผนกบุคคล งานต่อจากนี้จะเรียกว่าสบายมาก ขอแค่ฉันมีเวลาก็สามารถหาแฟนได้ เธอเชื่อฉันไหมว่าปีนี้ฉันจะหาแฟนได้สักคน”
“อืม ฉันเชื่อเธอนะ” เธอยังหวังให้หลินจือเซี๋ยวหาแฟนมาดูแลเธอได้สักคน เพราะหลายปีมานี้เธอต้องลำบากมาก
ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานกับจิ่งเป่ยเฉิน แต่ก็ยุ่งเสียจนไม่มีเวลามากพอ เธอคิดว่าเพื่อนของเธอนั้นอยากได้เวลาปกติ เวลาที่เหมาะสมและมากพอที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะหลินจือเซี๋ยวทำงานเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องรับรอง ภายในห้องมีเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่ดูมีอายุประมาณสามสิบห้าสิบสามหกปีได้ สายตาของเขาเมื่อเห็นอันโหรว ดวงตาของเขาก็พลันเป็นประกายขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา หลินจือเซี๋ยวก็เริ่มรู้สึกเสียใจ เธอควรให้โหรวโหรวแต่งตัวขี้เหร่มาหรือเปล่า ผู้ชายคนนี้จะไม่ทำอะไรโหรวโหรวใช่ไหม?
แต่ตอนนี้พวกเธอเหมือนกับขี่หลังเสือแล้วยากที่จะลง[1]แล้วจริง ๆ
“ประธานฮั่ว พวกเรามาช้า ขอโทษด้วยนะคะ! อีกเดี๋ยวเราจะลงโทษตัวเองด้วยการชนแก้วกับประธานฮั่วก็แล้วกันนะคะ!” หลินจือเซี๋ยวก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับเมนูจากบริกรและพูดว่า “เชิญประธานฮั่วสั่งก่อนได้เลยค่ะ”
“เลขาหลิน คุณจะไม่แนะนำหน่อยเหรอ?” ชายที่ถูกเรียกว่าประธานฮั่วรับเมนูมาจากบริกร แต่สายตากลับจับจ้องไปที่อันโหรวตลอดเวลา
“นี่เพื่อนของฉัน หานหานค่ะ เธอเพิ่งจะมาถึงคืนนี้ เลยแวะมากินข้าวกับเรา หวังว่าประธานฮั่วคงไม่ถือสาหรอกนะคะ!”
หลินจือเซี๋ยวนั่งลงข้าง ๆ เขา ในขณะที่อันโหรวเดินอ้อมไปด้านหลังเขาเพื่อนั่งอีกฝั่ง
ความจริงแล้วเธอคิดจะนั่งข้าง ๆ หลินจือเซี๋ยว เพียงแต่ว่ากรณีแบบนี้ดูท่าคืนนี้พวกเขาคงไม่ได้พูดคุยเรื่องการร่วมมือกันแน่ ตอนนี้จะมานั่งคิดออกไปก็คงไม่ได้ ในเมื่อแต่งหน้าแบบนี้ออกมาแล้ว เธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ขณะที่อันโหรวนั่งลง เธอก็เห็นเมนูสุดหรูปกสีน้ำตาลอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ “คุณหานหาน คุณชอบกินอะไรไหม ผมเลี้ยงเอง!”
“ขอบคุณประธานฮั่วค่ะ!” เธอก็ไม่อิดออดที่จะหยิบเมนูสั่งอาหารอย่างจริงจัง เธอชอบกินอะไรก็สั่งตามใจชอบ และแน่นอนว่าหลินจือเซี๋ยวชอบกินอะไร ไม่กินอะไร เธอก็สั่งมาเป็นอย่างดี
หลังจากที่สั่งเสร็จแล้ว เธอก็ยิ้มและมองไปยังฮั่วตง “ประธานฮั่ว คุณชอบกินอะไรคะ ฉันช่วยคุณสั่ง”
“ผมชอบกินอะไรก็ได้ที่คุณสั่งนั่นแหละ!” ฮั่วตงมองเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “ถึงแม้อาจจะไม่สุภาพไปบ้างที่จะถาม แต่อยากจะถามว่าคุณหานหานมีแฟนหรือยังครับ?”
“ฉันแต่งงานแล้วค่ะ แล้วก็มีลูกห้าขวบแล้ว!” อันโหรวยิ้มอย่างสดใส ใบหน้าของเธอเปล่งประกายแวววาว เผยให้เห็นฟันที่สง่างามไม่มีใครเทียบเคียงได้
“แต่งงานแล้ว?” ฮั่วตงเหลือบไปมองที่มือซ้ายของเธอ แต่ไม่มีแม้กระทั่งแหวนที่นิ้วนาง “คุณหานหานอย่าได้ดูถูกผมคนแซ่ฮั่วเลยครับ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่วันนี้ฉันแค่ลืมใส่แหวนแต่งงานออกมาด้วยเท่านั้นเอง” เธอไม่มีแหวนแต่งงานด้วยซ้ำ แล้วจะเอาแหวนแต่งงานมาจากไหนกัน
“ประธานฮั่ว หานหานเธอแต่งงานแล้วค่ะ!” หลินจือเซี๋ยวรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติจึงรีบออกตัวช่วยเพื่อน
ถึงแม้ว่าจะแต่งงานแล้ว แต่รูปร่างและใบหน้าของเธอ ตัวตนผู้หญิงที่ไร้นามแบบนี้มันทำให้จิตใจของเขาเหมือนถูกจุดไฟให้ลุกโชนขึ้น
เพียงแต่ว่าอันโหรวเป็นฝ่ายที่ตั้งรับไว้มากจนเกินไป ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ถูกเธอแก้ไขและพูดให้เข้าใจได้ในสองสามคำ
ไม่ช้าบริกรก็ได้นำอาหารมาเสิร์ฟทีละจาน ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวรู้แล้วว่าควรลงโทษตัวเองด้วยแก้วหนึ่งแก้ว เธอหยิบแก้วตรงหน้าและยื่นมาแตะที่ริมฝีปากของเธอ “ประธานฮั่ว ฉันจะขอดื่มก่อนนะคะ”
ฮั่วตงมองดูแก้วไวน์ที่ตอนนี้ไวน์กำลังเข้าปากของเธอ เขารู้สึกถือโทษเกลียดตัวเองที่ทำไมเขาไม่เป็นแก้วไวน์นั้น หลินจือเซี๋ยวไม่ได้เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด มีเพื่อนแบบนี้ทำไมไม่ให้ออกมาเร็ว ๆ นะ ตอนนี้ถึงได้เพิ่งเอาออกมา
อันโหรวกินไวน์ไม่ค่อยเก่งเท่าไรนัก แต่ก็ยังพอใช้ได้ แก้วไวน์หนึ่งแก้วก็มีความหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว หลังจากที่วางลงเธอก็ช่วยพูดคุยเรื่องการร่วมมือที่จะเกิดขึ้น
“เรื่องความร่วมมือเหรอ ผมตัดสินใจไปแล้ว ประธานจิ่งเองก็ไว้วางใจผม!” ประธานฮั่วรินไวน์อีกแก้วให้อันโหรว ก่อนจะพูดว่า “มา มา ขอให้พวกเราร่วมมือกันอย่างราบรื่น!”
[1] ขี่หลังเสือยากที่จะลง หมายถึงเรื่องราวดำเนินไปกว่าครึ่ง พบเจออุปสรรคแต่ก็ต้องไปต่อให้จนถึงที่สุด