อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 204 ปรารถนาในตัวพี่เฉิน
ตอนที่ 204 ปรารถนาในตัวพี่เฉิน
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้มากที่สุด มีลูกกับคนอื่นแต่คิดปรารถนาในตัวพี่เฉิน นี่มันจะเกินไปแล้ว!
เธอหันหน้าไปมองเหลียวเว่ย “เธอคิดจะทำอะไร?”
“ฉันจะทำอะไรได้ ได้แต่คิดอย่างช้า ๆ! ฉันไปก่อนดีกว่า” มือขวาของเธอจับอยู่ที่ประตูรถก่อนจะเปิดมันออก ต่อให้เธอคิดจะทำอะไร เธอก็ไม่มีทางบอกให้ถังซือเถียนรับรู้แน่ ๆ
แต่เธอเชื่อว่าถังซือเถียนจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังอย่างแน่นอน หลายปีมานี้เธอชื่นชอบจิ่งเป่ยเฉินมาโดยตลอด และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร
ถังซือเถียนยังตกอยู่ในภวังค์แห่งความงุนงง เมื่อเหลียวเว่ยลงจากรถไปแล้ว เธอก็เหลือบมองดูตัวเธอที่เดินจากไปด้วยแววตานิ่ง ๆ หลังจากคิดไปคิดมาได้สักพักก็รีบหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและขับรถออกจากประตูโรงเรียนอนุบาลทันที
กลุ่มเครือโอวหยางกรุ๊ป
อันโหรวได้รับงานจากฉีเซิงเทียนที่มอบหมายให้เธอทำ เธอก็รู้ได้เลยว่านั่นเป็นความตั้งใจของจิ่งเป่ยเฉิน เหตุผลที่เธอมาที่นี่ก็เพราะว่ากลุ่มเครือบริษัทโอวหยางกรุ๊ปนั้นยังต้องพึ่งบริษัทจิ่งในหลาย ๆ ด้าน เมื่อคิดจะตรวจสอบหาความจริงแล้วละก็ จำเป็นต้องหาวิธีร่วมงานกับบริษัทโอวหยางกรุ๊ปให้ได้ ด้วยโอกาสดี ๆ แบบนี้ที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่มีทางยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่
วันนี้จิ่งเป่ยเฉินยุ่งเรื่องบริษัทสกุลฮั่วที่เพิ่งจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เสียบเข้าไปแทน เธอเลยมาที่นี่เพื่อสำรวจความคิดเห็นของโอวหยางลี่โดยเฉพาะ
เธอเองก็ไม่คิดอยากจะไปเจอกับฮั่วตงเหมือนกัน แค่เห็นหน้าก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
ถึงแม้ว่าเธอไม่คิดอยากจะเจอโอวหยางลี่ก็ตาม แต่นี่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ต้องเจอเขาเท่านั้น หลังจากนี้ก็ต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าเขาอยู่ดี
เธอเดินเข้ามาพร้อมกับก้มหน้าก้มตา เนื่องจากครั้งนี้มีนัดหมายเวลาไว้ แผนกต้อนรับเลยพาเธอเข้าไปโดยทันที
อุตสาหกรรมเครือโอวหยางเติบโตขึ้นมากกว่าห้าปีที่แล้วค่อนข้างมาก ถึงแม้ตอนนั้นตระกูลอันและตระกูลโอวหยางจะคบหากันได้ดี แต่ตระกูลอันก็เคยเป็นบริษัทการค้าเรื่องหยกชั้นนำที่สุดในเมือง A การเงินทุกด้านจึงอยู่เหนือกว่ากลุ่มโอวหยางแทบทุกด้าน
เพียงแต่ว่าตอนนี้สกุลอันได้สลายกลายเป็นเถ้าควัน อุตสาหกรรมเครือโอวหยางจึงยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ
ภายใต้การนำของเลขาที่พาเธอเข้าไปในห้องรับรอง เธอเดินเข้าไปหยิบถ้วยกาแฟยี่ห้อบลูเมาท์เทนออกมาให้ พร้อมกับยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “คุณอัน ตอนนี้ประธานกำลังติดธุระอยู่ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเขาจะรีบมาพบคุณอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าโอวหยางลี่จงใจนัดเวลานี้เองแท้ ๆ แต่กลับมีเรื่องอื่นต้องทำขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เธอนั่งอยู่ในห้องรับแขกอย่างอดทนรอ นอกจากกาแฟแล้วที่โต๊ะก็มีน้ำชาสีดำวางเอาไว้ พร้อมกับที่เขี่ยบุหรี่โปร่งใส ภายในห้องก็ดูสะอาดสะอ้านไม่ใช่น้อย
ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะเป็นแขกคนแรกของที่นี่
ในขณะที่ห้องทำงานของประธานไม่ได้อยู่ห่างไกลเท่าไรนัก โอวหยางลี่กำลังจ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้า บนหน้าจอปรากฏภาพชายและหญิงที่อยู่ใกล้ชิดกัน ใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาคนนั้นดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก เขามองไปที่นักข่าวที่อยู่เบื้องหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดูรวม ๆ แล้วออกจะเย็นชาอยู่หน่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่เมื่อมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ สายตาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที คนนอกทั่วไปก็สามารถมองเห็นมันได้ชัดเจน
เขาเลื่อนดูอย่างช้า ๆ ที่ด้านล่างมีรูปถ่ายอยู่มากมาย มือของผู้ชายคนนั้นกำลังโอบไปที่เอวของผู้หญิงคนนั้นไว้แน่น อีกทั้งยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มของเธอต่อหน้าต่อตานักข่าว อีกทั้งลมหายใจของพวกเขาทั้งสองต่างก็ดูคลุมเครือเป็นอย่างมากอีกด้วย
ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก เลขาของเขาเดินเข้ามาข้างใน “ประธานคะ คุณอันรอคุณอยู่ที่ห้องรับรองแล้วค่ะ!”
“อืม” เขายังคงจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยแม้แต่น้อย
เขาเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ ก็เห็นข้อความเต็มโลกออนไลน์ไปหมด เรื่องที่เกี่ยวกับพ่อเลี้ยง?
จิ่งเป่ยเฉินจะเป็นพ่อเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ? นี่เขาชอบผู้หญิงที่ชื่ออันอีหานขนาดไหนกันนะ!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาเองก็รอไม่ไหว ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็วและเดินตรงไปยังห้องรับรองทันที
ในวันนั้นที่เมิงหลี่ เขาเห็นโหรวโหรวอย่างชัดเจน แต่ทันใดนั้นก็เกิดเหตุฉุกเฉินที่บริษัทจนเขาต้องรีบออกมาจากที่นั่น แต่หลังจากกลับไปอีกครั้งก็ไม่เห็นเธอแล้ว แม้แต่กล้องบันทึกภาพก็ยังไม่อาจตรวจสอบได้ ราวกับว่าที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นมาเท่านั้นเอง
อันโหรวได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นโอวหยางลี่กำลังเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นและมองเขา ก่อนจะพูดอย่างสุภาพ “ประธานโอวหยาง”
“หึ!” โอวหยางลี่เค้นเสียงอย่างเย็นชา ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเธออย่างสบายใจ “ทำไมกัน ตอนนี้ประธานจิ่งเริ่มคิดจะดูถูกอุตสาหกรรมเครือโอวหยางแล้วอย่างนั้นเหรอ? ถึงได้ส่งเลขามาแค่คนเดียวแบบนี้”
“อาจเป็นเพราะว่าเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ในสายตาของประธานจิ่งแล้ว เขาไม่ควรมาด้วยตัวเองมั้งคะ ถ้าหากประธานโอวหยางมีปัญหาอะไรกับฉันละก็ การประชุมของเราจะจบลงในวันนี้ก็ได้ค่ะ และกรุณาถอนตัวออกจากห้างสรรพสินค้าของบริษัทจิ่งภายในสามเดือน ที่สำคัญทั้งสามแห่งด้วยนะคะ” อันโหรวมองเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ่อนน้อมถ่อมตนอีกต่อไป เสียงแหบที่เอ่ยดังขึ้นทำให้ภายในห้องรับรองกลับเงียบสงบมากขึ้น
“ประธานจิ่งคงสอนมาดีเลยสินะ เพียงแค่เลขาตัวน้อยแค่นี้กลับคิดข่มขู่ฉันได้” เขาพูดอย่างไม่เป็นทางการ แต่สายตาของเขากลับมองสำรวจไปที่ตัวเธอ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อมองไปยังดวงตาคู่นั้น….
ท่าทางของโหรวโหรวที่ตื่นตระหนกในค่ำคืนนั้นแวบเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่ามันจะตรงกันข้ามกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างสิ้นเชิง
แต่วินาทีต่อมา เขาก็ส่ายหน้าไปมา มันเป็นไปไม่ได้หรอก โหรวโหรวไม่มีทางเป็นแบบนี้ น้ำเสียงที่พูดก็ยิ่งไม่ใช่ มองยังไงก็ไม่มีทางใช่แน่ ๆ
อันโหรวมองไปยังเขา ภายในใจของเธอคาดเดาเรื่องที่เขากำลังคิดอยู่ อาจจะเป็นเรื่องคืนนั้นที่เมิงหลี่ที่เขาบังเอิญพบกับเธอโดยบังเอิญ มันทำให้เธอกลัวมากจริง ๆ แต่โชคดีที่เธอได้พบกับจิ่งเป่ยเฉินในภายหลัง ไม่เช่นนั้นละก็ เธอคงถูกเขาจับตัวไว้แน่ ๆ หรือไม่ก็อาจจะถูกฮั่วตงพาตัวไปแล้ว
เธอยิ้มอย่างเฉยเมยและเอ่ยเบา ๆ ไปว่า “นี่ไม่ใช่การข่มขู่หรอกค่ะ ประธานโอวหยางสามารถเลือกที่จะไม่ต่อสัญญาได้ หลังจากที่บริษัทจิ่งเข้ารับกิจการของสกุลเห่อเมื่อไม่นานมานี่ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีส่วนในการควบรวมสกุลฮั่วเข้าไปอีก หลังจากนี้ตลาดค้าหยกก็จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแน่นอน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นกลุ่มอุตสาหกรรรมโอวหยางจะเปิดที่สามสถานที่สำคัญของห้าง เพียงแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแต่ติดอันดับสองและสามก็เท่านั้น ทางด้านสกุลจิ่งเองก็รู้สึกยินดีที่อุตสาหกรรมเครือโอวหยางคิดจะยอมทิ้งที่ตั้งร้านทั้งสามเหล่านั้นไปด้วยตัวเองเช่นกัน”
ก่อนที่เธอจะมา ฉีเซิงเทียนได้ให้ข้อมูลกับเธอมาแล้ว และเธอก็อ่านมันอย่างจริงจังพอควร ถึงแม้ว่าจะยังอ่านไม่หมด แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับโอวหยางลี่ได้แน่นอน
ในเมื่อจิ่งเป่ยเฉินตั้งใจจะเข้าไปในตลาดอุตสาหกรรมด้านการค้าหยกผลิตภัณฑ์ ถึงแม้เขาจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ดูจากตอนนี้แล้วเขาดูจริงจังเป็นอย่างมาก
โอวหยางลี่เหลือบมองไปที่เธอ ก่อนจะกางมือออก “สัญญา!”
เธอหยิบสัญญาออกมาหนึ่งชุดทันที ก่อนจะส่งให้เขา “ด้านบนเป็นลายเซ็นของประธานจิ่ง ถ้าหากประธานโอวหยางรู้สึกว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ก็สามารถลงนามตรงนั้นได้เลยค่ะ”
แน่นอนว่าเธอไม่ได้รังเกียจที่จะวิ่งอีกรอบ เธอตั้งตารอโอวหยางลี่ที่จะไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ แบบนี้
โอวหยางลี่มองไปที่สัญญา กระดาษสีขาวกับลายเซ็นสีดำ พลันดวงตาของเขากลับเหลือบมองไปที่ผิวขาวผ่องของเธอ เขารับสัญญามาก่อนจะถามไปว่า “ก่อนหน้านั้นคุณเคยถูกแดดเผามาก่อนเหรอ? สีผิวเลยค่อนข้างแย่เสียขนาดนั้น”
“ดูเหมือนนั่นจะเป็นคำถามส่วนตัวของฉัน ฉันขออนุญาตไม่ตอบก็แล้วกันค่ะ” เธอถอยมือกลับไปอย่างใจเย็น พลางมองด้วยท่าทีตื่นเต้นกับสัญญาที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
วันนี้ตอนที่ฉีเซิงเทียนมอบสัญญานี้ให้กับเธอนั้น เธอได้ลองอ่านมันดูมาก่อนแล้วหนึ่งรอบ รู้สึกว่ามันง่ายและดูสมเหตุสมผลดี
“หักเงินในปีที่แล้วยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และปีนี้อีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ราคาหยกที่ขายออกไปก็ค่อนข้างสูงอยู่ การหักเปอร์เซ็นต์จากการค้าแบบนี้ไม่ใช่ว่าสูงไปหน่อยเหรอ?” เขาอ่านข้อความนี้และโยนสัญญาลงบนโต๊ะกาแฟทันที
เขาไม่พอใจกับสัญญานี้เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าจะไม่เซ็นสัญญา
“เซิ่งจิ่ง จิ่งเทียน เซิ่งชื่อ ห้างสรรพสินค้าทั้งสามต่างก็มีข้อได้เปรียบในด้านการจราจรและสถานที่ตั้งทางด้านภูมิศาสตร์ และค่าเช่าสำหรับร้านค้าต่างก็ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แค่ค่าคอมมิชชั่นอีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ นั่นก็สมเหตุสมผลมากแล้ว รวมกับการจัดการในส่วนต่าง ๆ อีกสองเปอร์เซ็นต์ และหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของค่าธรรมเนียมในด้านสุขาภิบาล ต่างก็รวมแล้วเป็นแค่ยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคุณยังสามารถขอหักลดหย่อนได้อีก ไม่ว่าจะเลือกขายต่อในห้างของเราทั้งสามแห่งหรือจะถอนตัวออกเอง ประธานโอวหยางก็น่าจะมีเครื่องชั่งน้ำหนักอยู่ในใจตัวเองอยู่แล้วว่าอะไรคือการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน” เธอพูดจบก็ยกในแง่ของการทำกำไรของบริษัทโอวหยางออกมาช่วยให้เขาคิด
โอวหยางลี่ที่ฉลาดอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าร้านค้าของอุตสาหกรรมเครือโอวหยางจะเป็นที่นิยมอย่างมาก เพียงแต่ธุรกิจของสามห้างของบริษัทจิ่งนั้นก็ร้อนแรงกว่ามากนัก ทั้งผู้คน ยอดขาย และผลกำไรก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับร้านที่ขายอยู่ไกล ๆ ได้เลย
ในด้านการแข่งขันของบริษัทจิ่งและกลุ่มเครือบริษัทโอวหยางกรุ๊ป กลุ่มโอวหยางกรุ๊ปก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบในแง่พวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทจิ่งเองก็ไม่ต้องการร้านค้าของเขาก็ได้เช่นกัน รวมถึงสามารถปล่อยให้ร้านค้าอื่น ๆ มาเช่าก็ได้เหมือนกัน