อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 225 เอาเงินนั้นไปเลี้ยงข้าวคุณละกัน
ตอนที่ 225 เอาเงินนั้นไปเลี้ยงข้าวคุณละกัน
“คุณเพิ่งเลิกงานเหรอ?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ!” เธอเพิ่งคิดได้ว่าคนคนนี้เป็นผู้ชายที่เข้ามาภายในห้องครั้งแรก
สักพักเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสองคนค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับเสียงด่าทอ ทันใดนั้นหัวใจเธอก็เต้นอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที
เมื่อครู่ที่หนีออกมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ถ้าครั้งนี้ถูกพวกเขาจับได้อีกละก็ หนีครั้งต่อไปก็คงไม่ง่าย
“ขึ้นมาสิ!” ทันใดนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้น
เธอรีบเปิดประตูเบาะหลังก่อนจะเข้าไปในรถทันที ก่อนที่รถก็เคลื่อนผ่านพวกเขาไป เธอค่อย ๆ ก้มตัวลงและหลบจากสถานการณ์ที่น่ากลัวนั้น
อันจวินเซวี่ยนมองเธอผ่านกระจกหลัง ก่อนจะเหลือบมองไปที่กระจกขวา ชายสองคนในชุดสูทตอนนี้เหมือนกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน และภาพเมื่อครู่นี้ราวกับว่ากำลังออกตามหาใครบางคนอยู่
รถเคลื่อนตัวไปบนถนนด้วยความเร็วคงที่ เธอค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นมา ก่อนจะควักเอาแบงก์ร้อยหยวนห้าใบยื่นให้กับเขาและพูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ ถ้าตามหลักแล้วควรเป็นฉันที่เลี้ยงข้าวคุณ เพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันยุ่งมาก ถือซะว่าเป็นเงินเลี้ยงข้าวคุณ”
“คุณนี่ช่าง……..เกรงใจเกินไปแล้ว” อันจวินเซวี่ยนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก่อนจะค่อย ๆ จอดรถใกล้ ๆ ต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า
“ก็สมควรแล้วค่ะ” เธอวางเงินไว้ตรงที่วางของด้านข้างคนขับรถ จากนั้นก็รีบลงจากรถและออกไปทันที
เธอเหลือบมองมาดูเวลา นี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน เธอจึงรีบแต่งหน้ากลับไปเป็นแบบเดิมและกลับไปยังบริษัทจิ่ง
เมื่อมาถึงบริษัทและเดินเข้าไปในห้องสำนักงาน เธอก็ทำท่าเหมือนเพิ่งเดินออกมา
แต่ใครจะบอกเธอได้ว่าทำไมบิ๊กบอสของเธอนั้นถึงไม่อยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง แต่กลับมาอยู่ที่ห้องทำงานของเธอแบบนี้
“Oh! no! การโดดงานคงไม่ใช่ว่าถูกจับได้ใช่ไหม?” เธอเดินเข้ามาพร้อมกับถุงที่อยู่ในมือ
จิ่งเป่ยเฉินได้ยินเสียงของเธอที่ดูไม่ค่อยพอใจ ก่อนที่ใบหน้าที่เย็นชาจะแสดงสีหน้าความจริงจังออกมา เขาเหลือบมองเธอทั่วทั้งตัว เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร ในใจของเขานั้นก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังคงเผยความเย็นชา และดูไม่พอใจกับการกระทำของเธอเป็นอย่างมาก
“ไปไหนมา?” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา
เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ เมื่อเขาถามคำถามพวกนี้ หลินจือเซี๋ยวที่น่าจะช่วยเธอปกปิดคงถูกเปิดโปงแล้วแน่ ๆ
บิ๊กบอสที่น่าเบื่อเสียขนาดนี้ ย่อมต้องรู้จักนิสัยของพนักงานแน่ ๆ ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
“ออกไปเดินเล่นมารอบหนึ่ง และก็เอาของขวัญติดมือมาให้นายด้วย” เธอยื่นถุงดำออกไปให้เขาตรงหน้า
ทันใดนั้นถุงในมือก็ถูกใครบางคนแย่งไป ฉีเซิงเทียนมองเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจัง “เลขาอัน ครั้งหน้าอย่าออกจากบริษัทไปไหนอีก อีกอย่างเอาของขวัญให้พี่เฉินคนเดียวได้ยังไง? ต้องมีส่วนแบ่ง!”
พรึ่บ! ฉีเซิงเทียนกางถุงในมือออก ก่อนจะเทลงบนโต๊ะทำงาน เธอเหลือบมองตัวอักษรสามคำ ‘ถุงยางคุมกำเนิด’ ที่ร่วงหล่นลงมา ทันใดนั้นก็คิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปทันที
จิ่งเป่ยเฉินมองของที่กระจายอยู่บนโต๊ะ ใบหน้ากลับแสดงอาการสงบนิ่งและเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบว่า “เสแสร้งเก่งดีนี่!”
“แฮ่ม ๆ! พี่เฉิน ควรแบ่งปันกันหน่อยสิ!” ฉีเซิงเทียนหยิบไปกล่องหนึ่ง ก่อนที่จะโยนมันไปที่ด้านหลังอันโหรวและพูดว่า “หลินจือเซี๋ยว นี่ส่วนของเธอ”
หลินจือเซี๋ยวที่เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าห้องก็เผลอรับแบบงง ๆ เมื่อครู่คิดจะเอ่ยคำพูดของตน แต่เมื่อเห็นของในมืออย่างชัดเจน เธอก็ทำท่าตะกุกตะกักและพูดว่า “ฉัน…ยังไม่มีแฟนเลยค่ะ”
“แล้วมีปัญหาตรงไหน ให้พี่ชายจะใช้กับเธอเอง!” ฉีเซิงเทียนรีบหยิบอีกกล่องขึ้นและโบกไม้โบกมือไปมาตรงหน้าของอันโหรวและพูดว่า “คนเห็นก็ต้องมีส่วนแบ่ง!”
“ฉันไม่อยากใช้มันกับคุณหรอกนะคะ!” หลินจือเซี๋ยวรีบวิ่งเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางของลงบนโต๊ะเหมือนเดิม เธอไม่กล้าแตะต้องของของบิ๊กบอสหรอก
“หลินจือเซี๋ยวเธอนี่ไม่รู้จักของดีเลยนะ!” ฉีเซิงเทียนส่ายหน้าอย่างผิดหวังและมองเธอที่เดินหนีออกไป
ฉีเซิงเทียนจึงเดินออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องอย่างรุนแรง เมื่อครู่บรรยากาศค่อนข้างแปลกพิกล แต่ตอนนี้กลับดูแปลกกว่าเดิมเสียอีก
เธอคิดว่าจิ่งเป่ยเฉินต้องถามเธอต่อแน่ว่าเธอไปไหนมา บังเอิญว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ปรึกษากันสักพักแล้ว เพราะงั้นการซื้อของพวกนี้ติดไม้ติดมือเป็นของขวัญก็ถือเป็นข้ออ้างที่ดีไม่ใช่น้อย
แต่การที่ถูกฉีเซิงเทียนทำแบบนี้ ต่อไปเธอจะทำหน้ายังไงเวลาเจอเขา คงรู้สึกอึดอัดและกระอักกระอ่วนไม่ใช่น้อย
และหลังจากนี้ถ้าหากเจอหน้าฉีเซิงเทียนกับหลินจือเซี๋ยว เธอจะทำหน้ายังไงดี!
จิ่งเป่ยเฉินกวาดตามองไปยังกล่องสีฟ้า กล่องสีดำ และกล่องสีแดงที่กระจัดกระจายอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของพวกนี้…..เธอคิดจะใช้มันอีกนานแค่ไหน?”
นี่คือประเด็นอย่างนั้นเหรอ?
เธอรีบเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าและข้าวของอย่างรวดเร็ว “นี่ถือว่าเป็นความผิดของฉีเซิงเทียนที่มาแย่งของของนายไป”
“หรือเธอจะหมายความว่าให้ฉันเอาของกลับคืนมา? ใช่……หรือเปล่า?” เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะเดินออกไปข้างหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันจะบอกว่าเธอขอให้ฉันไปเอาคืนมานะ”
คนคนนี้คิดอยากจะทำให้เธอขายหน้าหรือยังไง?
“ไม่ต้องไป!” เธอยื่นถุงที่ใส่กล่องถุงยางเอาไว้ข้างในไปให้เขา ก่อนจะพูดว่า “เอาไป! ที่เหลือทุกอย่างเป็นของนายหมด!”
จิ่งเป่ยเฉินจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของเธอ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึก ทั้งตัวกลับมีกลิ่นบุหรี่และกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่เต็มไปหมด
ดูคล้ายกับว่าเป็นกลิ่นของผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้พวกนี้ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววที่ดูอันตรายออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ขยับริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอ “เธอยังไม่บอกเลยนะว่าเธอไปไหนมา”
เรื่องของหานเซียวไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังจิ่งเป่ยเฉินได้แม้แต่น้อย ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องรับรู้ข่าวจากคนอื่นอยู่ดี
เธอยิ้มและพูดไปว่า “ก่อนหน้านั้นฉันบอกกับนายไปแล้วนี่ว่าจะไปเจอคนคนหนึ่ง แต่เมื่อครู่นี้เกือบตายไปแล้วนะ แทบจะกลับมาหานายไม่ได้แล้ว”
เธอพูดอย่างผ่อนคลาย แต่คนที่อยู่ตรงข้ามจิตใจของเขาตอนนี้เหมือนกับเปลวไฟที่เพิ่งจุดชนวนขึ้นมา เขาเข้ามากอดเธอและพูดว่า “ไปเจอใคร?”
“หานเซียว” เมื่อเธอพูดจบ เธอก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังของเธอ ก่อนที่เธอจะผลักเขาออกทันที “นายจะทำอะไร?”
“ตรวจสอบ” ถ้าไม่ตรวจสอบร่างกายเธอละก็ เขาไม่มีทางวางใจแน่ ๆ
“ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ แต่หานเซียวคนนั้นตายแล้ว!” คำพูดของเธอทำให้จิ่งเป่ยเฉินต้องหยุดการเคลื่อนไหว
ถึงแม้ว่าเขากับหานเซียวจะไม่ได้คุ้นเคย แต่ก็เคยพบหน้ากันมาบ้าง ชายคนนั้นเป็นคนที่ลงมือโหดเหี้ยมและร้ายกาจ เพียงแต่ว่าเขานั้นแก่ชราแล้ว มีบางครั้งที่ต่อให้ดวงดีแค่ไหนก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
หานเซียวคนนั้นจะตายอย่างที่เขาคาดคิดไว้ไหม นั่นเขาเองก็ไม่ทราบ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นไปได้ที่ผู้ลงมือจะเป็นคนหนุ่มสาวที่มีแรงกำลังเหลือเยอะ จัดการอย่างกล้าหาญ…ฆ่าเขาตาย
“เขากับครอบครัวเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันในตอนนั้น” ถ้าหากมีส่วนเกี่ยวข้องกันจริง ๆ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ก่อนเธอแน่ ๆ และคงหาวิธีรับมือไว้ตั้งนานแล้ว คงไม่มีทางยอมเสี่ยงให้เธอไปพบกับอันตรายขนาดนั้นหรอก
อันโหรวคิดอยากจะแทงตัวเองให้ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้ารู้แต่แรกก็คงถามเขาไปแล้ว แต่อย่างน้อยครั้งนี้ที่เธอไปก็ได้ข้อมูลมาบางอย่าง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เธอคิดว่ามันค่อนข้างสำคัญ
นั่นคือหานเซียวกับแม่ของเธอรู้จักกัน
“อันโหรว ถ้าหลังจากนี้เธอกล้าออกไปทำเรื่องแบบนี้คนเดียวอีกละก็ เธอรอดูได้เลยว่าหลังจากนี้ฉันจะจัดการเธอยังไง!” เขาโกรธมากและก็เป็นกังวลมากเช่นกัน
“อะ…….” เธอสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะพูดว่า “นี่นายตีฉันอีกแล้วเหรอ!”
ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาถูกสอนแบบนี้นะ แถมตำแหน่งที่ตีก็เป็นจุดที่น่าอายอีกด้วย
“ไม่ตีเธอก็ไม่รู้จักจำ” เขายังคงไม่สบายใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปลดเสื้อของเธอออกเพื่อตรวจดู “ถอดมันออก และเปลี่ยนมันเดี๋ยวนี้ กลิ่นพวกนี้ฉันไม่ชอบ”
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอไปตั้งนานแล้ว แต่นี่เขายังได้กลิ่นอยู่ มีจมูกสุนัขหรือยังไงกัน?
“ที่ห้องทำงานไม่มีเสื้อผ้า นายหยุดสร้างปัญหาได้แล้ว” เธอจับมือของเขาอย่างกังวล สักพักเธอก็พูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะให้นายตีจนผิวลอกเลย!”
มือของเขาที่ถูกจับไว้นั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจออกไปว่า “ตอนนี้ฉลาดมากขึ้นแล้วสินะ รู้ว่าจะมาหาฉัน แต่ตอนไปกลับไม่พูดสักคำ”
เพราะเขาจำได้ว่าเธอบอกว่าเธอจะไปเจอใครสักคน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นวันนี้ อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าคนที่เธอไปเจอจะเป็นคนแบบนั้น
เมื่อคิดว่าเธออาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จิตใจของเขาก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ