อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 228 ปาฏิหาริย์
ตอนที่ 228 ปาฏิหาริย์
พวกเขาไปช้ากว่าที่วางแผนไว้ แต่นี่ก็นับว่าสอดคล้องกับนิสัยอันเป็นปกติของจิ่งเป่ยเฉินแล้ว เพราะการที่เขามานั้นก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว ถ้าหากจะคาดหวังให้เขามาเร็ว ๆ ละก็ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนลงจากรถและเดินเข้าไปข้างในก็ได้รับความสนใจยิ่งกว่าเจ้าภาพเสียอีก หลากหลายคนแปลกหน้าต่างก็จับจ้องมาที่พวกเขาสองคน แต่ไม่ว่าจะถูกจับจ้องมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกอะไร
ในตอนกลางคืนแบบนี้ ใบหน้าซีดเซียวไม่ได้สะท้อนออกมาให้เห็นมากนัก จึงทำให้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนั้นเข้ากันได้ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเนกไทของจิ่งเป่ยเฉินที่เป็นสีเดียวกันกับกระโปรงของเธอ มันก็เหมือนกับพวกเขาได้ค้นพบโลกใบใหม่ เรื่องอื้อฉาวซุบซิบก่อนหน้าราวกับอยู่คนละฟากฟ้า จริง ๆ แล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่สามารถใกล้ชิดกับประธานจิ่งได้ นอกเสียจากผู้หญิงที่ดูแก่และน่าเกลียดคนนี้ อาจเรียกได้ว่าประธานจิ่งคงรักเธออย่างจริงใจแน่นอน
เนกไทกับสีของกระโปรงนั้นดูแล้วบ่งบอกถึงความเสน่หาที่ดูอันตรายแบบนี้ใช่หรือเปล่า?
แน่นอนว่าไม่ใช่!
“ประธานจิ่งทำผิดต่อคุณแล้วสิ” ทันใดนั้นเธอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมาทันที
คำพูดที่บอกว่าพี่ชายสุดหล่อกับหญิงขี้เหร่ได้แว่วเข้ามาในหูของเธอ
“ไม่ผิดหรอก” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับโอบเอวของเธอ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงเล็กน้อยและกระซิบข้างหูว่า “คืนนี้ไม่อนุญาตให้เธอหนีไปจากฉันแม้แต่ครึ่งก้าว”
“นั่นก็ไม่ได้สิ ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกนะ” เธอไม่เพียงแค่จะออกห่างครึ่งก้าวเท่านั้นหรอก แต่จะไปหลาย ๆ ก้าวต่างหาก
เขาจับเอวของเธอแน่นกว่าเดิม ก่อนจะกัดฟันและพูดข้าง ๆ หูของเธออีกว่า “เธอกล้าเหรอ!”
จากคำพูดที่ดูข่มขู่แบบนี้ หากคนอื่นมองก็คงคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนดูสนิทสนมกันจริง ๆ นั่นแหละ
“คุณมีงานที่สำคัญมากกว่านั้นนะ” เธอยิ้มก่อนที่จะเอาหน้าไปใกล้ ๆ หูของเขาและกระซิบว่า “คุณมีหน้าที่ต้องดึงดูดความสนใจ”
เธอช่างเป็นคนวางแผนที่ดีเสียจริง ๆ!
“ห้ามหายไปจากสายตาของฉันเป็นอันขาด” เขาลดเงื่อนไขลง แต่นี่คือเส้นคงที่คงวาที่เขายื่นเสนอให้สุด ๆ แล้ว
“OK!” จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ สังเกตทุกอย่างและรอคอยโอกาสที่จะได้ลงมือ
ทางด้านโอวหยางลี่และเหลียวเว่ยตอนนี้ทั้งสองคนกำลังถือแก้วไวน์และเดินมาหาพวกเขา เหลียวเว่ยมองเธอด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมาย ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยและยื่นแก้วไวน์ให้ “ประธานจิ่งและคุณหนูอันดูช่างรักใคร่กันจริง ๆ”
“แน่นอน” จิ่งเป่ยเฉินหยิบน้ำผลไม้และแก้วไวน์จากถาดของบริกรที่นำมาเสิร์ฟ
อันโหรวเองก็รับน้ำผลไม้ที่เขายื่นมาให้ ก่อนจะชำเหลืองสายตาไปยังเหลียวเว่ยที่หงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและก็จิบน้ำผลไม้ไปหนึ่งอึก
ทางด้านโอวหยางลี่เองแทบไม่ลดละสายตาจากการมองเธอเลยแม้แต่น้อย การปรากฏตัวของผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีม่วงนี้ช่างดูเหมือนโหรวโหรวเสียจริง ๆ
“ประธานโอวหยางภรรยาคุณอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ แต่กลับมองผู้หญิงของผมด้วยสายตาแบบนั้น ดูไม่ค่อยให้เกียรติกันเลยนะ” จิ่งเป่ยเฉินหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาก่อนจะโอบเอวของเธอและพาเธอเดินออกไป เมื่อครู่นี้ตอนเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มก็เหลือบสายตาเห็นถังซั่วที่อยู่ที่นี่พอดี
อีกอย่างเขาเองก็ไม่ต้องการให้โอวหยางลี่มองเธอด้วยสายตาแบบนั้น ดูแล้วมันน่าหงุดหงิดมาก
เธอเดินตามจิ่งเป่ยเฉินไปทุกที่ และทุกที่ที่เธอไปสายตาก็ล้วนแล้วจับจ้องมาที่เธอ มีทั้งแขกบางคนที่เธอรู้จักและคนที่เธอไม่รู้จัก ส่วนทางด้านเฉาลี่เฟยก็กำลังพูดคุยอยู่กับเยี่ยนเยี่ยน ผู้หญิงที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างหรูหรา ท่าทางของเธอนั้นดูหยิ่งยโสไม่มีเปลี่ยน ท่าทางยังคงแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และเสแสร้งเหมือนเช่นเคย
แม้จะผ่านมาแล้วตั้งห้าปี แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยกเว้นร่องรอยตีนกาบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย แต่ส่วนอื่น ๆ ดูแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
“พี่เฉิน!” เสียงของถังซือเถียนดังขึ้น เธอรีบเบือนหน้าหนีจากจุดที่ผู้คนจ้องมองทันที
“ฉันบอกไปแล้วว่ายังไงก็ต้องได้เจอพี่เฉิน!” ถังซือเถียนมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มแย้ม แต่เมื่อเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขา ใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มก็ค่อย ๆ หดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ประธานถัง คุณหนูถัง” เธอเอ่ยทักทายอย่างสุภาพหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเบือนสายตาของเธอไปทางอื่น
ถังซั่วเองก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ พร้อมกับทำท่าทางยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับจิ่งเป่ยเฉิน “คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมาด้วย”
เพราะปกติแล้วเขามักจะไม่ปรากฏตัวในงานแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของตระกูลโอวหยางด้วยแล้ว
“มนุษย์มักมีสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเสมอ” เขากวัดแกว่งแก้วไวน์ที่อยู่ในมือไปมาเล็กน้อย ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองไปยังอันโหรว
ทันใดนั้นเขาก็ดึงตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้งหนึ่ง มันเลยทำให้เธอเกิดความสงสัย จึงหันไปมองเขาด้วยแววตาสงสัย
เขาก้มหน้าลงและกระซิบข้าง ๆ หูของเธอ พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ติดตลกว่า “เหมือนว่าเธอกำลังมองหาเหยื่อยังไงไม่รู้ ฉันอยู่ข้างกายเธอแบบนี้ ช่วยไว้หน้าฉันหน่อยไม่ได้หรือไง?”
แสงไฟในห้องโถงค่อนข้างสว่างไสวมากเป็นพิเศษ ยามที่สาดส่องมายังร่างกายของพวกเขามันก็ยิ่งทำให้ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น เมื่อครู่นี้ที่ด้านนอกคนทั่วไปดูแล้วยังไม่ค่อยแน่ชัด แต่เมื่อแสงไฟสาดส่องเข้ามา พวกเขาก็ยิ่งดูเหมาะสมกันมากขึ้น
เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับเขา
ท่าทางแบบนี้มันเหมือนกับอยากให้เขาเข้าไปจูบเธอจริง ๆ แต่เมื่อคิดปัญหาร้ายแรงที่จะตามมา เขาก็ระงับแรงกระตุ้นของตัวเองไว้และเบือนหน้าหนี ก่อนจะพูดคุยกับถังซั่วอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นเคย
เมื่อผู้คนทยอยเข้ามาพูดคุยกับเขาทีละคน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ของฮั่วตงเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ท้ายที่สุดแล้วก็ยากที่จะพานพบกับประธานจิ่งแบบนี้ เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว พวกเขาต่างก็ย่อมคิดประจบประแจงไว้ให้ได้มากที่สุดอยู่ดี
เธอเองจึงค่อย ๆ ละจากตัวเขาอย่างเงียบ ๆ เพื่อหามุมเงียบสงบในการนั่งดื่ม ก่อนจะเลือกนั่งลงตรงข้ามกับถังซือเถียนที่รีบนั่งลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน พร้อมกับจ้องมองท่าทีของผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งคืน
“คุณอยากจะพูดอะไรก็รีบพูดเถอะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาฉัน” เธอวางน้ำผลไม้ที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์จากบริกรมาจิบ
“เธอเลียนแบบผู้หญิงคนนั้นมีความหมายว่ายังไงกันแน่?” ถังซือเถียนมองไปที่กระโปรงสีม่วงของเธอและคิดถึงภาพของอันโหรวขึ้นมา
ทางด้านอันโหรวที่ได้ยินก็คิดอยากจะหัวเราะเสียงดังออกมา แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
“คุณหนูถัง คุณว่าอะไรนะ? ฉันไม่เข้าใจ?” ริมฝีปากสีแดง ๆ ของเธอค่อย ๆ จิบไวน์ในมือ โดยที่ดวงตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม
เธอมาที่นี่ เธอไม่ได้คิดจะมาพูดคุยกับถังซือเถียนหรอกนะ แต่คิดจะมาดูคนที่สานสัมพันธ์กับเฉาลี่เฟยต่างหาก
เมื่อครู่ตอนที่เธอไปกับจิ่งเป่ยเฉินเพื่อทักทายก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดคุยเรื่องอะไรกัน ไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็ละออกจากที่แห่งนั้นด้วยท่าทางที่ดูดีใจเป็นอย่างมาก
“งั้นฉันจะให้เธอได้ดูอะไรบางอย่าง เดี๋ยวเธอก็เข้าใจเอง” ทันใดนั้นเธอก็ขยับมานั่งข้าง ๆ อันโหรว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยท่าทางลึกลับ
อันโหรวยังคงเหลือบสายตามองไปยังห้องโถงที่จัดงานเลี้ยง เมื่อเทียบกับสิ่งของที่อยู่ในมือของเธอแล้ว คนพวกนี้ที่มา ๆ ไป ๆ อาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปีนั้นก็ได้ นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนใจมากขึ้น
ถังซือเถียนปัดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นสองสามรอบ ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าเธอ “นี่ไง เธอชัด ๆ!”
อันโหรวเหลือบมองไปที่ด้านข้างใบหน้าที่สวยงามและน่าดึงดูดบนหน้าจอที่ปรากฏขึ้น ดูเหมือนรูปถ่ายที่เธอยื่นมานั้นจะเป็นรูปภาพเมื่อหกเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอที่อยู่ในสนามแข่งม้าและมีม้าอยู่เป็นฉากหลัง ผมสีดำปลิวไสวไปตามแรงลม ใบหน้าที่เผยในรูปเป็นรอยยิ้มที่งดงามไม่ใช่น้อย
ภาพนี้น่าจะเป็นภาพที่โอวหยางลี่หามา ในตอนนั้นพวกเขาไปขี่ม้าที่สนามด้วยกัน
“เธอหมายความว่าผู้หญิงที่ประธานจิ่งชอบมาโดยตลอดเป็นเธออย่างนั้นเหรอ?” อันโหรวถามด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มในครั้งนี้แฝงไปด้วยความเบิกบาน
“ใช่สิ!” ถังซือเถียนตอบพลางรีบเก็บโทรศัพท์มือถือกลับมา ก่อนที่ตัวเองจะก้มมองไปยังหน้าจอ
“แล้วเธอสงสัยอะไรเหรอ?”
“เธอไปแล้ว ฉันก็ไม่ติดหรือสงสัยอะไรหรอก แต่ว่าทำไมยิ่งดูฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเธอนั้นคล้ายกัน แต่ยังไงฉันก็ดูเหมาะสมกับพี่เฉินมากกว่าอยู่แล้ว! เธอเป็นแค่แม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เหรอ ทำไมกัน?” เธอเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
เธอเริ่มรู้สึกขี้เกียจตอบคำถามที่ดูโง่เขลาพวกนี้มาก ๆ จึงทำเพียงดื่มไวน์ของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
“ฉันคิดอยากจะไปถามพี่เฉินอีกครั้ง เพราะดูแล้วก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมพี่เฉินถึงได้มาชอบคนอย่างเธอได้กัน” ถังซือเถียนพูดอย่างไม่พอใจออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้อันโหรวหันหน้าไปมองเธอ ก่อนจะยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณหนูถัง มีคำพูดหนึ่งที่เรียกว่าความรักมักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู เข้าใจหรือเปล่า? ไม่ว่าฉันจะดูน่าเกลียดสักแค่ไหน แต่เขาก็ยังชอบอยู่ดี ไม่ว่าเธอจะสวยสักแค่ไหน เขาก็ไม่ชอบเธออยู่ดี ความงามของเธอเป็นเพียงความเย้ายวนในสายตาของเขาก็เท่านั้น ส่วนอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรที่เขาชื่นชอบเลย”
ยิ่งไปกว่านั้นจิ่งเป่ยเฉินที่มีสภาวะจดจำใบหน้าผู้หญิงไม่ได้ เธอคิดว่าจนถึงตอนนี้เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใบหน้าของถังซือเถียนเป็นยังไง
“ความรักมักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูอย่างนั้นเหรอ? พี่เฉินตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็นแล้วงั้นเหรอ? แล้วจะมาชอบเธอตอนไหนกัน ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าหน้าตาเธอนั้นเป็นยังไง! คงไม่ใช่พอเห็นแล้วคิดว่าเธอเป็นทูตสวรรค์ลงมาหรอกนะ!” ถังซือเถียนเอ่ยปากพูดอย่างไม่พอใจ เมื่อมองเธอใกล้ ๆ และฟังเสียงอันแหบแห้งของเธอแล้วไม่เพียงแต่น่ารำคาญเท่านั้น เพราะสำหรับตัวเธอนั้นยิ่งฟังยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ