อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 237 เสแสร้งทำดีต่อหน้า แต่กลับซุกซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 237 เสแสร้งทำดีต่อหน้า แต่กลับซุกซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้
ตอนที่ 237 เสแสร้งทำดีต่อหน้า แต่กลับซุกซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้
ภายในห้องรับรองส่วนตัวที่บรรยากาศค่อนข้างเย็นยะเยือก ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่จิ่งเป่ยเฉินค่อนข้างชื่นชอบและเธอเองก็ชอบมากเช่นกัน
ระหว่างรับประทานอาหาร เธอก็ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดว่า “ฉันขอไปล้างมือก่อนนะ”
เธอเดินออกจากประตูไปไม่นาน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เสแสร้งทำดีต่อหน้า แต่กลับซุกซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นโอวหยางลี่หรือเหลียวเว่ย สิ่งที่พวกเขาอยากพูดจะต้องมีมากกว่าเรื่องแค่นี้แน่นอน
อาจจะมีคนอื่น ๆ อีกแน่ที่ตามหาเธอ หรือไม่ก็จิ่งเป่ยเฉิน
พวกเขาแยกกันเพื่อที่จะเคลื่อนไหวได้ง่าย ๆ เธอเองก็ไม่คิดที่จะรังเกียจการกระทำของพวกเขาเท่าไรนักหรอก
ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ อ่างล้างมือ เครื่องสำอางที่ซีดเหลืองของเธอนั้นแทบไม่มีลายดอกปรากฏขึ้น ดูเหมือนเมื่อครั้งนั้นที่เกิดเรื่อง จิ่งเป่ยเฉินจะแอบสับเปลี่ยนเครื่องสำอางกันน้ำไว้ให้เธอจริง ๆ
น้ำอุ่นไหลลงมาบนฝ่ามือ เธอค่อย ๆ ล้างมันอย่างละเอียด ส่วนหูที่ว่องไวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เธอคิดว่าเป็นเหลียวเว่ย จึงเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “คุณนายโอวหยาง”
“เป็นผมเอง!” โอวหยางลี่ก้าวเท้าเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เธอก็รีบหมุนตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องล้างมือ ตัวของเธอก็ถูกชายคนนั้นจับเอาไว้เสียแน่นหนาตรงขอบอ่างล้างมือ
เอวของเธอถูกรัดจนแน่น เขายื่นมือไปจับขอบอ่างล้างมือเพื่อกักขังเธอไว้ เธอลอบมองดูชายคนนั้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แฝงความระมัดระวังเอาไว้ก่อนจะพูดว่า “ที่นี่คือส่วนของห้องน้ำหญิง ประธานโอวหยางเปลี่ยนเพศแล้วเหรอคะ เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่แจ้งข่าวให้รู้กันบ้างเลย! ฉันจะได้ซื้อประทัดมาสักหมื่นพวงจุดเฉลิมฉลองให้”
“อันอีหาน หรือต้องเรียกเธอว่าอันโหรวดี?” มือทั้งสองข้างของเขาจับไปที่อ่างล้างมือไว้เสียแน่น ร่างกายของทั้งสองคนตอนนี้ใกล้ชิดกันมาก เธอตั้งหลักตัวเองให้ยืนได้อย่างมั่นคง
หัวใจของเธอเต้นระรัว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างราบเรียบไปว่า “ประธานโอวหยาง ดูท่าคุณน่าจะป่วยหรือเป็นพวกคนที่ชอบติดอยู่ในห้วงเพ้อฝันแล้วนะ”
“ถ้าหากคุณไม่ใช่โหรวโหรว แล้วทำไมคุณถึงได้โกรธเหลียวเว่ยแบบนั้นกัน เป็นเพราะผมใช่หรือเปล่า? ผมกับเธอไม่ได้มีความรักต่อกัน แน่นอนว่าพวกเราสามารถหย่ากันได้! โหรวโหรว กลับมาข้างกายผมเถอะนะ!” อันที่จริงเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอคนนี้จะใช่โหรวโหรวหรือเปล่า
นับตั้งแต่ออกจากเมิงลี่และได้เห็นเธอในตอนนั้น ความรู้สึกว่าเธอคือโหรวโหรวที่กลับมาแล้ว เขาต้องหาเธอให้เจออย่างแน่นอน
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวเลยแม้แต่สักนิดเดียว นั่นน่าจะเป็นไปได้สองอย่างคือเธอได้ออกจากเมือง A ไปแล้ว หรือไม่เธอก็อาศัยอยู่ในเมือง A ด้วยอีกตัวตนหนึ่งแทน
และในค่ำคืนนั้นเธอที่ได้ตบหน้าเหลียวเว่ยอย่างชัดเจน เขารู้สึกได้ถึงความโกรธของเธออย่างชัดเจน
ในตอนนั้นเขารู้สึกได้ว่าเธอนั้นคือโหรวโหรวของเขา
“ประธานโอวหยางคะ คุณลองคิดดูนะคะว่าอะไรคือเส้นขีดกั้น ฉันเหมือนกับโหรวโหรวในใจของคุณส่วนไหนไม่ทราบ? นอกจากนี้พวกเราแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย ได้โปรดช่วยอยู่ห่าง ๆ ฉันด้วยค่ะ” เธอเอนหลังอย่างยากลำบากก่อนที่จะมองไปยังคู่รักในวัยเด็กของเธอ ภาพดวงตาสะท้อนเผยให้เห็นถึงร่องรอยที่เย็นยะเยือก ก่อนจะพูดต่อ “หากประธานโอวหยางไม่อยากรักษาชื่อเสียงละก็ช่าง แต่ฉันที่เป็นผู้หญิง ชื่อเสียงย่อมค่อนข้างสำคัญต่อฉันมาก ฉันไม่ต้องการให้จิ่งเป่ยเฉินอับอายหรอกนะคะ”
คำพูดของเธอนั้นดูเหมือนจะมีผลในทางตรงกันข้ามเสียมากกว่า ตอนนี้ภายในดวงตาของโอวหยางลี่ราวกับมีเพลิงลุกโหมกระหน่ำ ทันใดนั้นมือที่อยู่ที่อ่างล้างหน้าก็เลื่อนมาคว้าเอวของเธออีกครั้งและพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอแกล้งทำตัวแบบนี้กัน โหรวโหรว ก่อนหน้านี้เรื่องพวกนั้นเป็นฉันที่ผิดเอง ฉันไม่อาจไม่ฟังคำพูดของแม่ได้ เธอควรจะเข้าใจฉันสิ พวกเราเป็นคู่รักตั้งแต่เด็ก ๆ มาหลายปีเลยนะ ฉันมีแต่เธอที่อยู่ในหัวใจมาโดยตลอด หรือว่าเธอจะไม่รู้บ้างเลยเหรอ?”
“เสียใจที่ต้องบอกคุณนะคะ การยั่วยุฉันตรงนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอกค่ะ” หากเธอสามารถถูกยั่วโมโหได้ง่ายละก็ ป่านนี้เธอคงความแตกไปนานแล้ว
ยิ่งเขาหุนหันมากขึ้นเท่าไร ตัวเธอก็ยิ่งสงบจิตใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น เธอค่อย ๆ เอื้อมมือออกจากกระเป๋ากางเกงของเธอ
แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บตรงช่วงเอว ก่อนที่จะเริ่มโมโห ใบหน้าที่เสียสติที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
“โอวหยางลี่ คุณปล่อยฉันนะ!” เธอเริ่มตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีของเธอเหยียบเท้าของเขา
เขานิ่งไปสักพัก ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งสองคนห่างกันไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร มันใกล้มาก ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเห็นดวงตาของเขาที่สะท้อนใบหน้าของเธอที่สวมแว่นตากรอบเก่า ๆ ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“เธอจะโกรธหรือจะสาปแช่งยังไงก็ช่าง เธอก็คือโหรวโหรว! โหรวโหรวของฉัน เธอวางใจเถอะ พรุ่งนี้ฉันกับเหลียวเว่ยจะหย่ากัน และฉันจะแต่งงานกับเธอ พวกเราจะอยู่ด้วยกัน ครั้งนี้จะไม่มีทางแยกจากกันอีก!” ดวงตาของเขานั้นเริ่มส่องประกายความตื่นเต้นออกมา มือที่โอบเอวของเธอก็เริ่มใช้แรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้หญิงทั่วไปถ้าหากได้เจอสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนก็ต้องโกรธกันทั้งนั่นแหละ!” เธอบีบของที่อยู่ในมือ ก่อนจะจ้องมองไปที่เขา
เธอคิดว่าคนแรกที่ควรจะล่มสลายไปก่อนก็คือเหลียวเว่ย แต่เธอก็คาดไม่ถึงเลยว่าโอวหยางลี่จะมีภาพลักษณ์เหมือนคนบ้าแบบนี้ ปกติแล้วภาพลักษณ์ของเขาดูแตกต่างกว่านั้นมากแท้ ๆ
ก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมตอนนั้นเธอถึงชอบเขาไปได้กัน?
“ไม่ เธอแตกต่างออกไป เธอก็คือโหรวโหรว เธอแต่งหน้าใช่ไหม!” เขาพูดอย่างตื่นเต้น ก๊อกน้ำของอ่างล้างมือที่อยู่ด้านหลังเธอยังไม่ได้ปิดน้ำ น้ำจึงยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง
เขาพยายามเอนตัวลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเอามือไปชุบกับน้ำและทำท่าราวกับจะเช็ดใบหน้าของเธอ
เธอเริ่มคิดไม่อยากจะพัวพันอยู่กับเขาที่นี่แล้ว ในขณะที่เขากำลังเอนตัวลง เธอก็ดึงของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะพ่นใส่ลงไปที่หน้าของเขา สเปรย์ที่ใช้ต่อต้านพวกหื่นกระหายในที่สุดก็ได้ใช้งานสักที
“อ้ากก……” โอวหยางลี่ปิดตาแน่น ก่อนจะก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความเจ็บปวด
“ขอโทษนะ! แม้ว่าฉันจะดูขี้เหร่ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี คงไม่น่าดูชมสำหรับสายตาประธานโอวหยางนักหรอกค่ะ” เมื่อเห็นเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอก็รีบถอยห่างออกไปทันที
“อย่าหนีนะ!” แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่หูของเขาได้ยินเสียงของเธอค่อย ๆ เดินหายไป
ถ้าหากไม่ไปก็คงเป็นเรื่องโง่เง่าพอตัว ถ้าหากตรงนั้นมีคนมาเห็นเข้า เธอจะพูดอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง
เธอเก็บสเปรย์ลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยิ้มและเดินกลับไปในห้องรับรองส่วนตัวทันที แต่เมื่อเธอเข้าไปก็พบว่าภายในห้องนั้นเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มที่หล่นลงพื้นได้
จิ่งเป่ยเฉินเห็นเธอเดินเข้ามาก็ยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้น “กินอิ่มแล้วหรือยัง?”
สายตาของเธอเหลือบมองไปยังเหลียวเว่ย เธอออกไปนานขนาดนั้น โอวหยางลี่เองก็ตามไปด้วย
แต่ที่นี่คือพื้นที่ของเขา ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ตอนนี้เมื่อมองดูแล้ว เธอไม่เป็นอะไรก็โอเค
“กินอิ่มแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ!” จริง ๆ ก็ไม่กินอิ่มหรอก แต่เธอโกรธจนอิ่มแทนต่างหาก
เหลียวเว่ยเห็นเธอเข้ามาคนเดียวก็เปิดปากถามไปว่า “คุณหนูอันเห็นลี่บ้างไหม ทำไมเขายังไม่กลับมากัน?”
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องน้ำผู้ชาย ฉันไม่ทราบหรอกค่ะ” เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องไว้ที่แขน ก่อนจะเดินไปยืนข้าง ๆ จิ่งเป่ยเฉิน และเดินออกไปพร้อมกับเขา
ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องรับรองส่วนตัว ทิ้งเหลียวเว่ยอยู่ในห้องเพียงลำพัง เธอได้แต่นั่งรอโอวหยางลี่ที่ไม่คิดจะกลับมาหาสักที
เมื่อลงลิฟต์ไปเธอก็หยิบสเปรย์ป้องกันตัวจากพวกหื่นกระหายออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะพูดว่า “ของนี่ใช้ได้ไม่เลวเลยนะ”
จิ่งเป่ยเฉินคว้าสิ่งของที่อยู่ในมือของเธอมาดู ก่อนจะมองไปทั่วร่างกายของเธอด้วยท่าทางวิตกกังวล “โอวหยางลี่ทำอะไรเธอ?”
“อย่าเพิ่งหุนหันสิ! เขาจะทำอะไรฉันได้ ฉันเตรียมตั้งรับไว้เสียดิบดีขนาดนี้” อันที่จริงของชิ้นนี้เธอก็เพิ่งซื้อมาในช่วงเวลาทำงานนั่นแหละ
“อันโหรว!” เขากำของที่อยู่ในมือแน่น เขาควรจะออกไปด้วยกันกับเธอ
ที่นี่คือสถานที่ของเขา การที่ปล่อยให้เธอเกิดเรื่องขึ้น เขาจะมีคุณสมบัติอะไรมาปกป้องเธอได้กัน เขาอยากดูแลเธอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เคยพึ่งพาเขาเลย หนำซ้ำยังทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งสิ้น!
เมื่อได้ยินเสียงที่ดุดันเข้มงวดของเขา เธอก็อยากอธิบายอย่างมีเหตุผล แต่เมื่อคิดถึงความหมายที่เขาต้องการอยากจะรู้ ใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา “สามีขา โกรธแบบนั้นหน้าจะแก่เอาได้นะ ถ้าคุณไม่หล่อ ฉันก็ไม่ต้องการคุณหรอกนะ!”
เธอยังคงมีอารมณ์มาล้อเล่นกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาโกรธจนไม่รู้จะทำยังไง