อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 244 คลุมเครือ
ตอนที่ 244 คลุมเครือ
เธอไม่ต้องการตกอยู่ในท่าทางแบบนี้ อีกทั้งเท้าของเธอก็ยังคงห้อยอยู่ข้างเตียง การที่เขาลงมือกลั่นแกล้งแบบนี้มันทำให้รู้สึกคลุมเครือไม่ใช่น้อย
“เธออยากจะถอดมันเองหรือไง?” อันที่จริงเขาก็แทบไม่รังเกียจเลยสักนิดหากเธอจะช่วย ในทางกลับกัน เขามีความสุขมากต่างหาก
“แฮ่ม!” ตอนนี้เธอแทบไม่ได้ถอดเสื้อผ้าด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่มีแต่มือใหญ่ ๆ คู่นั้นต่างหากที่ช่วยเธอถอด
“โอวหยางลี่ต้องการให้วิเวียนไปที่บริษัทของเขาในฐานะนักออกแบบ วันนี้นายเองก็ไปที่นั่นด้วยหรือเปล่า?” เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่น่าจะไป
“เป็นฉีเซิงเทียนที่ไป” เขาตอบกลับทันที แต่สายตากลับยังคงจดจ้องไปที่ตัวเธอ “ความพยายามในการเปลี่ยนเรื่องของเธอนี่ไม่ดีเลยจริง ๆ นะ”
เธอกะพริบตาโต ๆ ก่อนจะมองไปที่เขาด้วยท่าทีน่าสงสาร “สามีขา ฉันไม่ได้ไปก่อเรื่องจริง ๆ นะ!”
ภายในใจของเธอแอบรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองเล็กน้อย เธอเป็นเด็กออดอ้อนเก่งขนาดนั้นเลย?
จิ่งเป่ยเฉินจะมองเธอเหมือนตัวประหลาดหรือเปล่านะ?
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะกอดที่เอวของเขา ผิวของเขานี่ดีจริง ๆ กอดแล้วรู้สึกสบายใจมาก
เขาหรี่ตาลงมองเล็กน้อย ร่างทั้งร่างกลับแข็งทื่อ “โหรวโหรว อย่าทำแบบนี้”
เขาไม่สามารถทนการยั่วยุของเธอได้เลย
“ก็นายให้ฉันสัมผัสเองนี่!” เธอดึงมือกลับมา ชายหนุ่มถึงกับพูดคำที่ไม่ธรรมดา ตอนนี้จิ่งเป่ยเฉินพูดคำที่น่าเหลือเชื่อออกมาแล้วจริง ๆ
เขายิ้มขึ้นอีกครั้ง ร่างกายค่อย ๆ กดทับที่ตัวเธออย่างแนบแน่น พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างเบา ๆ “ลูบต่อสิ!”
“นายลุกออกไปเลย!” เธอรู้สึกค่อนข้างหนักมากขึ้น
“ไม่ลุก” เขาชอบที่จะกดเธอแบบนี้ แถมท่ากดแบบนี้ก็ดีสำหรับตัวเธอด้วย
เพราะงั้นทำไมเธอถึงได้คิดจะหันกลับมาถามเขาแบบนี้กัน หาเรื่องให้ตัวเองถูกกินแล้ว!
ขณะที่เธอเริ่มรู้สึกตัว เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นข้าง ๆ หูของเธออีกครั้ง “หรือจะให้ฉันช่วยเธอ….ถอดออกดี”
“อาาา!! อย่านะ!” เธอถลึงตาใส่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับไม่ช่วยอะไร
เธอเริ่มคำรามเสียงดังมากขึ้น แต่เสียงเหล่านั้นกลับไปยั่วยวนที่หูของเขาแทนเสียได้ “อืม…อย่า..หยุดสินะ”
จิ่งเป่ยเฉินไอ้บ้า คนสารเลว! วันๆ คิดแต่เรื่องเซ็กซ์!
วันต่อมาเมื่อตื่นนอน อันโหรวก็ดีใจจนอยากจะกอดจิ่งเป่ยเฉินและจูบสักฟอดสองฟอด เพราะประจำเดือนจะกลายเป็นผู้พิทักษ์เธอแล้ว
“วันนี้เป็นอะไรดูตื่นเต้นจัง” จิ่งเป่ยเฉินมองอันโหรวที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ฉันตื่นเต้นตลอดทั้งสัปดาห์นั่นแหละ สามีขา อยากให้คุณทำต่ออยู่นะ แต่น่าเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ” เธอมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ดวงตาของเธอกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินกลับทะมึนลง ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ เอ่ยออกมา
เขาเกลียดประจำเดือนเสียจริง ๆ!
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูทะมึนของเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อคืนคงทำเรื่องตื่นเต้นสุด ๆ สุดท้ายก็มาก่อนล่วงหน้าตั้งสองวัน
ช่างมาในเวลาที่เหมาะสมเสียจริง ๆ
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เธอจึงขึ้นมาที่เตียงอีกครั้ง ก่อนจะถูกเขาดึงแขนให้เข้ามาหา มือของเขาค่อย ๆ เอื้อมไปแตะที่ท้องน้อยของเธอและเอ่ยถามว่า “ปวดหรือเปล่า?”
“ไม่ปวด”
“อืม”
“ทำไมนายดูผิดหวังขนาดนั้นกัน?” เธอเหล่ตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหมุนตัวไปมาในอ้อมแขนของเขาและมองเขาด้วยท่าทีหวาดหวั่น “จิ่งเป่ยเฉิน อย่าบอกนะว่าตอนนี้นายคิดว่าถ้าฉันปวด นายก็คิดจะดูแลฉัน หลังจากนี้ฉันจะได้รู้สึกขอบคุณนายอย่างนั้นเหรอ เพื่อที่จะไม่ได้ทอดทิ้งนายไปแล้ว ใช่ไหม?”
เขาสามารถพูดได้ด้วยเหรอว่าเขาคิดแบบนั้นจริง ๆ
แน่นอนถ้าหากว่าได้ดูแลเธอ เขาก็ย่อมมีความสุข การที่ทำให้เธอไม่เจ็บปวด ไม่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวหรืออึดอัด เขาก็ยิ่งมีความสุขมาก ๆ
แต่โหรวโหรวของเขานั้นช่างไม่แยแสเรื่องพวกนี้เลยสักนิด
ช่างดีเสียจริง ๆ
“ไม่ได้คิดเสียหน่อย!” เขาส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“จิ่งเป่ยเฉิน! นายหลอกฉัน! ปกตินายมักจะไม่เติมน้ำเสียงว่าหน่อยลงไปนี่ รู้สึกผิดงั้นเหรอ?” เธอรู้ว่าเขาต้องคิดแบบนั้นแน่ ๆ
ให้ตายสิสวรรค์ นี่เธอไปเจอสามีแบบนี้มาจากที่ไหนกันเนี่ย?
ไม่สิ เป็นสามีต่างหากที่มาหาเธอเอง
เมื่อครู่นี้เขาเอ่ยคำพูดแบบนั้นหรือเปล่านะ?
เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยจริง ๆ
“โหรวโหรว เธอนอนพักเถอะ งานบริษัทไม่ได้ยุ่งมาก ไม่ต้องไปบริษัทก็ได้” เขาโอบกอดเธอ ก่อนจะให้เธอหลับตาลง “อืม นอนสักเดี๋ยวละกัน”
“จิ่งเป่ยเฉิน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย!” เธอไม่คิดอยากจะนอนต่อจึงเตะเขาด้วยเท้าของเธอเบา ๆ
เขาลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะจ้องไปที่เธอ พร้อมกับทำท่าหงุดหงิดเหมือนแต่ก่อน “เธอจะเป็นเจ้าแมวป่าทุกเดือนแบบนี้เลยหรือไง?”
“นายสิแมวป่า! ทั้งครอบครัวนายก็เป็นแมวป่า!” เธอถอยเท้าที่เตะเขาออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปที่เขา ในใจก็คิดว่าเขาเพิ่งพูดประโยคว่า ‘ไม่มีสักหน่อย!’ ดูแล้วน่าอารมณ์เสียชะมัด
ความคิดที่น่าประหลาดแบบนั้น คาดว่าในโลกนี้นอกจากจิ่งเป่ยเฉินแล้วคงไม่มีใครเกินเบอร์แบบนี้อีกแน่
“ทั้งครอบครัวฉันเหรอ…..?” เขาจ้องเธอด้วยดวงตาสีดำ ก่อนจะคิดว่าทั้งครอบครัวของเขา คนแรกก็เป็นเธอไม่ใช่เหรอ?
แสดงว่าที่เธอกำลังพูด กำลังพูดถึงตัวเองแน่ ๆ
“นายอย่าเชียวนะ ฟังแล้วดูแปลก ๆ ชอบกล” เธอยักไหล่อย่างจงใจ ก่อนจะหดตัวลง
แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป หลังจากนี้คนอื่น ๆ จะได้เรียนรู้แน่นอน ต้องเข้าใจถึงสาระสำคัญและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อ
หลังจากที่นอนอยู่บนเตียงได้สักพัก เธอก็ยืนกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเขาว่าไม่เป็นอะไร ก่อนหน้านี้เธอก็ไปทำงานได้ตามปกติ ซึ่งในช่วงนั้นก็อยู่ในช่วงประจำเดือนด้วย ครั้งก่อนจิ่งเป่ยเฉินก็พาเธอไปที่บริษัทอย่างไม่เต็มใจอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่าวิเวียนจะตกลงเป็นนักออกแบบให้กับบริษัทจิ่ง แต่ใช่ว่าจะรับงานโดยทันที และถึงแม้ว่าจะรับงานทันที แต่เธอจะไม่มีทางมารายงานตัวที่บริษัทตรงต่อเวลาทุกวันหรอก ชั่วโมงการทำงานต่าง ๆ ล้วนแล้วเป็นอิสระทั้งสิ้น
ไม่กี่วันมานี้เมือง A ดูเหมือนจะสงบค่อนข้างมาก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ามีคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัวอยู่อีกหลายลูกในความมืดมิดนั้น
ทางด้านบริษัทโอวหยางกรุ๊ป
ภายในห้องประชุมที่ตอนนี้การประชุมกำลังเกิดความตึงเครียด ทางด้านโอวหยางลี่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะประชุมก็พลันยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลายวันมานี้ผู้ที่ร่วมงานกับเขาต่างก็ยุติความร่วมมืออย่างกะทันหัน เรื่องแบบนี้มีน้อยที่จะรับมือได้ยาก แต่ทว่าทันใดนั้นกลับเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รับมือยากมากขึ้นมาทันที
ผู้คนที่อยู่ในห้องประชุมกำลังพูดคุยกันอยู่ เขาฟังคำอภิปรายอย่างกระตือรือร้นของพวกเขา แต่ทว่าภายในใจกลับคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่มากจนเกินไป ราวกับว่าแท้จริงแล้วเรื่องพวกนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง
ปฏิกิริยาอันดับแรกของเขาแน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากจิ่งเป่ยเฉิน!
ครั้งที่แล้วเขาเองก็ใช้วิธีราวกับสายฟ้าแลบลงมือกับตระกูลเหลียวจนไม่อาจตอบโต้อะไรได้ ตอนนี้คงถึงตาพวกเขาแล้วสินะ
ตั้งแต่ที่เหลียวเว่ยกลับมาจากจินเซ่อวันนั้นก็รู้สึกถึงเหตุการณ์ที่ผิดปกติเช่นกัน รวมทั้งเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น เขาจึงคิดไม่อยากจะกลับไปบ้านเท่าไร
ความรู้สึกที่ประหลาดทับซ้อนราวกับเปลวเพลิงที่ถูกจุดขึ้นในใจของเขา มันชวนให้ดูสับสน จนเขาต้องพูดออกมาว่า “เอาเถอะ! ทั้งหมดของการประชุมที่นี่ในวันนี้ เลิกประชุมได้!”
เขารีบดีดตัวขึ้นจากที่นั่งและรีบเดินตรงออกไปด้านนอกทันที
ทิ้งเอาไว้ก็แต่คนภายในห้องประชุมที่กำลังสับสนและมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็ต้องออกจากห้องประชุมไปด้วยความหงุดหงิด
ทางด้านโอวหยางลี่ที่ออกจากห้องประชุมก็ได้ลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง ก่อนจะเดินไปที่ด้านนอกอาคาร
ทันทีที่เขาออกมาก็ถึงกับผงะตกใจ “พี่โอวหยาง พี่คิดถึงฉันบ้างไหมคะ?”
“เหอเหมียว?” เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ ก่อนจะดึงเธอเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว “ทำไมเธอถึงมาที่นี่กัน?”
“ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว แน่นอนก็ต้องมาหาพี่สิ!” เธอเอียงศีรษะก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ กับตำแหน่งคนขับ และพูดว่า “พี่โอวหยางคะ ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน!”
ก่อนหน้านั้นเหอเหมียวล้วนเป็นเด็กที่เชื่อฟังง่าย เขาเองก็ชอบมากเช่นกัน แต่ตอนนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี เมื่อเห็นหน้าของเธอก็รู้สึกเริ่มมีไฟลุกโชนไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้ ๆ และบรรเลงรสจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ
เหอเหมียวเริ่มรู้สึกดีใจ จู่ ๆ เขาเริ่มลงมือก่อนแบบนี้ กระทั่งรสจูบที่ร้อนแรงนั้นได้หยุดลง เมื่อจูบสิ้นสุดโอวหยางลี่ก็รีบเหยียบคันเร่งและขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลากเธอเข้าไปข้างในด้วยท่าทีที่ร้อนรน
หัวใจของเหอเหมียวตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นานโอวหยางลี่ก็จดจำเธอได้และรีบลงมือราวกับว่าอดทนรอไว้ไม่ไหว!