อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 250 ยุ่งเหลือเกิน!
ตอนที่ 250 ยุ่งเหลือเกิน!
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
“ยุ่ง ยุ่งเหลือเกิน!” เขาวางแผนที่จะไปดูว่าเซี่ยมู่คนนั้นคือใครกันแน่
อ๋อ ไม่สิต้องเรียกว่าเซว์มู่
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของอันโหรว โดยมีสายตาของฉีเซิงเทียนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
เขารู้ว่าผู้หญิงชอบดอกไม้หรือเครื่องประดับต่าง ๆ แต่อันอีหานแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นก็ชอบด้วยงั้นเหรอ?
เขายืนอยู่ด้านนอกที่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงที่ไม่ลงรอยกัน มันคือภาพลวงตาหรือเปล่า?
เขาส่ายหน้าไปมา วันนี้รู้สึกมีอาการผิดปกติเล็กน้อย ไม่เพียงแต่จะวิงเวียนศีรษะ หูของเขาเองก็ไม่ค่อยจะได้ยิน
เขารีบกลับไปห้องทำงานของตัวเองทันที นิ้วมือพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ปรากฏตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลา
ไล่สายตามองดูประวัติส่วนตัวของเขาอีกครั้ง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สถาปนิกที่มีชื่อเสียงและมีผลงานการออกแบบที่โดดเด่น คู่เดตของเธอดูดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“หลินจือเซี๋ยวนี่โชคดีจริง ๆ แค่ชื่อที่ดูไม่น่าฟังเท่านั้น เซี่ยมู่…..” ฉีเซิงเทียนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านพลางมองไปที่ตัวหนังสือเซว์มู่สองคำ ก็เปลี่ยนเป็นเซี่ยมู่โดยอัตโนมัติ
เธอชอบผู้ชายแบบนี้งั้นเหรอ? เพื่อเขาเลยยอมเปลี่ยนทรงผมตัวเอง
หล่อกว่าเขางั้นเหรอ? หลินจือเซี๋ยวเธอนี่ไม่มีวิสัยทัศน์เอาซะเลย!
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที เขาจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราวกับว่าคนข้างในจอจะกระโดดออกมา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โยนเมาส์ทิ้งพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไป!
เขาต้องการออกไปสงบสติอารมณ์
…….
เหลียวเว่ยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์อย่างเงียบ ๆ เธอลูบหน้าท้องตัวเองที่แบนราบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า
แต่เมื่อคิดถึงโอวหยางลี่ที่ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว สีหน้าของเธอที่ยิ้มอยู่ก็พลันเปลี่ยนไป
แต่ก่อนเมื่อเขาไปออกข้างนอกก็ต้องกลับมาบ้านเป็นประจำ แต่ทว่าตอนนี้มักจะไม่กลับบ้านตอนกลางคืนจนเป็นนิสัยไปเสียแล้ว
มือที่ลูบไปยังท้องน้อยส่วนล่าง ๆ ค่อย ๆ ตึงขึ้นมา ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อเหอเหมียวทั้งนั้น เธอจะไม่มีทางยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นลอยหน้าลอยตาอีกแน่ ๆ
ตอนนี้เธอไม่สนใจหรือคิดมากเรื่องอื่นนอกจากการมีอยู่ของลูก อีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น เพื่อให้ครบสามเดือนถึงจะมั่นคง พอถึงตอนนั้นเธอจะค่อย ๆ คิดบัญชีกับเธออย่างแน่นอน
และเมื่อถึงเวลาที่ลูกอยู่ในมือ เฉาลี่เฟยก็จะสนับสนุนเธออย่างแน่นอน หากเธอทำเรื่องอะไรก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ลมหนาวก็พัดผ่านมากระทบใบหน้าของเธอ เมื่อคืนที่ผ่านมามีหิมะตกหนัก อีกทั้งลมก็ดูเหมือนจะพัดแรงจนเกล็ดหิมะลอยว่อนไปทั่ว
เธอยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าพันคอให้แน่นกระชับมากขึ้น พลางค่อย ๆ เดินไปที่รถอย่างช้า ๆ แต่ช่วงระหว่างที่มือกำลังจะแตะที่ประตูรถ ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูรถแต่อย่างใด ทันใดนั้นชายสองคนซึ่งมาจากที่ไหนไม่รู้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเธอ
เธอกำลังจะตะโกนร้องด้วยความตกใจ แต่ทันทีที่อ้าปากก็ถูกผ้ายัดปิดปากเอาไว้เสียก่อน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็รีบใช้เชือกมัดมือและเท้าของเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับอุ้มเธอเดินไปในรถตู้ซึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ
ในยามนี้ในลานจอดรถไม่มีใครอยู่เลยสักคน อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เหลียวเว่ยมองไปที่ชายตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว เธอไม่รู้จักพวกเขาเลย ไม่รู้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใครคิดจะทำร้ายเธอ? เธอถูกเหวี่ยงขึ้นรถตู้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะรีบขับรถออกไปทันที
ยี่สิบนาทีต่อมา รถตู้คนเดิมจอดอยู่ที่ลานใต้ดินที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก่า ๆ ดูทรุดโทรม ราวกับว่าไม่มีใครสักคนอาศัยอยู่ที่นี่
ชายทั้งสองคนเปิดประตูรถ ส่วนตัวเธอก็รีบส่ายหน้าไปมาไม่หยุด “อืออ อือ อื้อออ!!!!!!……อึก…..อื้อ!!”
เธอหดตัวไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ชายทั้งสองคนนั้นต่อยไปที่ตัวเธออย่างไร้ความปรานี ก่อนจะลากเธอออกมาอย่างหยาบกร้าน ร่างกายของเธอร่วงหล่นลงไปสู่พื้นที่เย็นยะเยือกอย่างรวดเร็ว
เธอคิดจะกุมไปที่ท้องน้อย ๆ แต่มือก็ถูกเขามัดเอาไว้ เธอรีบส่ายหน้าไปมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว ชายสองคนนี้ดูป่าเถื่อนมาก พวกเขาคิดจะทำอะไรกับเธอกันแน่?
เป็นใครกันที่ทำกับเธอแบบนี้?
ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน คนหนึ่งยกมือของเธอ ส่วนอีกคนก็ยกขาของเธอขึ้นและรีบลากเดินไปยังสถานที่ที่เงียบ ๆ อย่างรวดเร็ว ตรอกซอยที่ร้างไร้ซึ่งผู้คน หากจะหาใครมาช่วยเธอก็คงไม่มี
“อั่ก………” ตัวเธอกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง เธอตะโกนเสียงดังสะท้อนไปทั่วพื้นที่ ในที่สุดผ้าที่ปากของเธอก็คลายออกมา “พวกแกเป็นใครกัน? ใครจ้างพวกแกมากันแน่? ปล่อยฉันนะ ถ้าปล่อย ฉันจะให้เงินพวกแกสิบเท่าไปเลย”
“ขอโทษด้วย คนคนนั้นบอกว่าถ้าหากคุณพูดแบบนั้น พวกเรากลับไปเธอก็จะให้เงินเราอีกยี่สิบเท่า เพราะงั้นเธอไม่ต้องห่วงไปหรอก! เราจะไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ ๆ” เมื่อคนคนนั้นพูดจบก็เดินมาเตะที่ท้องของเธอ พร้อมกับใช้กำลังเตะเข้าไปอีกรอบอย่างรุนแรง
“อา………..” เธอตะโกนกู่ร้องอย่างปวดใจ
“ไม่นะ! ได้โปรด ขอร้อง อย่าทำแบบนี้!” เธอถอยหลังเพราะความเจ็บปวด แม้ตัวเธอจะเจ็บปวดและพยายามถอยมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะฝืนดันทุรัง ตัวของเธอค่อนข้างไร้กำลังจะต่อสู้ ไม่สามารถต่อกรกับชายที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนนี้ได้เลย
“อา!” ชายอีกคนเตะเข้าไปที่ท้องน้อยของเธออีกครั้ง โดยเน้นที่จุดเดิมตามที่ได้รับสั่งมา ทุกอย่างล้วนแล้วทำอย่างมีเป้าหมายชัดเจน นั่นคือลูกของเธอนั่นเอง
นอกจากเธอแล้วมีแค่อันอีหานเท่านั้นที่รู้ว่าเธอท้อง นี่เธอใช้วิธีแบบนี้แก้แค้นจริง ๆ เหรอ!?
“อั่ก……………” น้ำตาเธอไหลรินออกมาจากดวงตา สายลมที่พัดมาในฤดูหนาวมีแค่น้ำตาของเธอที่อุ่น
ไม่เพียงแค่นั้น เธอเริ่มมีเลือดออกมาจากร่างกาย เธอพยายามค่อย ๆ ขยับตัวเองออกมาจากตรงนั้น
“ไม่เอานะ! ฉันขอร้อง! อย่านะ ปล่อยฉันไปเถอะ! นี่คือหนึ่งชีวิตเลยนะ!” เธอแทบไม่ถือทิฐิสูงส่งที่เคยมีมา ตอนนี้เธอต้องการแค่ปกป้องลูกของเธอเท่านั้น
เด็กคือทางรอดเดียวของเธอ ถ้าหากไม่มีลูก ไม่ช้าก็เร็วเธอคงถูกตระกูลโอวหยางเก็บกวาดไล่ออกไปแน่ ๆ
“คุณนายโอวหยาง ต้องขอโทษด้วย ด้วยเงินและพื้นเพของคนคนนั้น พวกเราจำเป็นต้องทำแบบนี้!” พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำให้เธอแท้งเท่านั้น พวกเขาล้วนแล้วเตะไปที่ท้องของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกเขาจงใจทำแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าอันอีหานคนนั้นจะขอให้พวกเขาทำแบบนี้จริง ๆ เพราะอยากเห็นลูกของเธอหลุดออกมาจากร่างกายอย่างชัดเจนอย่างนั้นเหรอ?
ลูกของเธอ!
ลูกที่น่าสงสารของเธอ เธอยังไม่ทันได้บอกกับพ่อของเขาเลย ทำไมถึงต้องทิ้งเธอไปด้วย!
อันอีหาน เธอทำกับฉันแบบนี้ อย่ามาโทษที่นับจากนี้ฉันจะทำกับเธอไม่ดีบ้างนะ!
“อั่ก……” เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า เธอรู้สึกว่าสติของตัวเองค่อย ๆ เลือนราง ในที่สุดตัวเธอก็หลับตาลง
ชายทั้งสองคนค่อย ๆ มองไปยังกองเลือดที่ไหลซึมไปยังพื้นสีขาว ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังผู้หญิงที่ไม่ได้สติตรงหน้า การลงมือที่รุนแรงแบบนี้ เด็กคงไม่มีทางเก็บรอดแล้วแน่ ๆ
หนึ่งในนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน เสียงที่ดังก้องนั้นพูดรายงานกับคนในสายว่า “คุณอันอีหานครับ พวกเราจัดการภารกิจเรียบร้อยแล้ว เงินของพวกเราจะโอนมาให้เมื่อไหร่? คุณอันอีหานใจกว้างเหลือเกิน ได้ครับ พวกเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ช่วงที่อยู่ในภวังค์ความคิด เธอได้ยินเสียงของชายคนนั้นโทรศัพท์และเรียกขานชื่อของอันอีหานสามคำเข้ามาในหูของเธอราวกับต้องคำสาป
เธอรู้สึกว่าตัวของเธอค่อย ๆ ถูกยกขึ้น ก่อนจะถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนรถตู้อีกครั้ง จากนั้นเธอก็หมดสติไป
เมื่อเธอได้สติขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ข้าง ๆ เธอมีพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นเธอได้สติมาก็มองดูเธออย่างกังวลใจ “คนไข้คะ ต้องเสียใจด้วยนะคะที่ลูกของคุณไม่รอดแล้วค่ะ”
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงหันไปมองวิวทิวทัศน์ด้านนอก หิมะสีขาวกำลังตกลงมา ทิวทัศน์นอกหน้าต่างถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์
แต่ภายในใจคนกลับไม่ได้เป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างนั้น เธอยังคงคิดว่าเป็นอันอีหาน คำพูดสุดท้ายของเธอที่ดูเด็ดเดี่ยวและเย่อหยิ่งนั้น ทำไมเธอถึงโง่ไม่เชื่อว่าเธอจะคิดกล้าลงมือทำแบบนี้!
เธออดคิดถึงเรื่องห้าปีก่อนไม่ได้ ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้เธอนั่งอยู่ในห้องเรียนและมองอันอีหานกับโอวหยางลี่เดินเล่นท่ามกลางหิมะด้วยกัน โอวหยางลี่กางร่มให้กับเธอ พลางมองดูเธออย่างอบอุ่น
ใบหน้าของอันโหรวในช่วงนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เป็นคู่รักวัยเด็ก คลุกคลีอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นลึกซึ้งมากนัก เด็กสาวดาวโรงเรียนผู้สูงศักดิ์และมีเสน่ห์ในโรงเรียนปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยต่อหน้าเขาเท่านั้น