อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 261 ความทรงจำ
ตอนที่ 261 ความทรงจำ
ทำให้เธอกังวลอยู่ตั้งนานและเธอยังให้ลูกสะใภ้หาคู่นัดบอดให้กับเขาต่อหน้าอีก เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของลูกชายเธอทั้งนั้น
“ผมจำได้ว่าตอนที่ถาม ผมก็บอกชัดเจนดีแล้ว” จิ่งเป่ยเฉินดึงอันโหรวให้นั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ฟังแล้วไม่เหมือนพูดคุยกับแม่เท่าไร
ซูรั่วหยานึกย้อนไปในความทรงจำของเธอ เหมือนว่าทุกคำพูดของเขาก็คือลูกของเขาเอง
หรือว่าครั้งนั้น?
“ลูกบอกเป็นนัยไม่ชัดเจนเลย!” ตอนนั้นจะไปคิดได้ยังไงกัน
“คุณป้าคะ เป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันบอกเขาไม่ให้บอกเอง เพราะยังไงเรื่องตระกูลอันในอดีตก็ไม่ค่อยดีนักที่จะเผยตัวตนออกมา” อันโหรวพูดอย่างมีมารยาท มือของเธอบีบแขนของจิ่งเป่ยเฉินอย่างแรง เขาไม่คิดจะช่วยเธอพูดหน่อยเหรอ?
“คือว่าเรื่องตระกูลอันในอดีตที่เป็นข่าว เธอวางใจได้ เรื่องที่พ่อเธอทำจะไม่โทษมาที่เธอหรอก เขาก็คือเขา เธอก็คือเธอ พวกเราสองคนไม่ว่าอะไรพวกเธอสองคนหรอก” ซูรั่วหยาชอบสะใภ้คนนี้เอามาก ๆ เลยนะ!
เจอกันก็ให้หลานที่น่ารักทั้งสองคนแล้ว!
หยางหยางได้ยินแบบนั้นจึงพยายามดิ้นรนเพื่อลงจากตักของจิ่งเซิง “แม่จ๋าอุ้มหน่อย”
ตัวอันโหรวรู้สึกแข็งทื่อเล็กน้อยที่จะไปอุ้มเขาออกมา คำพูดของเธอเมื่อครู่หมายความว่าเชื่อว่าในตอนนั้นพ่อของเธอทำเรื่องแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?
“แม่ หลานก็เห็นแล้ว สะใภ้ก็เห็นแล้ว ควรกลับไปได้หรือยัง?” จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบใจของเธอจึงพูดขับไล่ขึ้นมาทันที
“พวกเราเพิ่งจะมาถึงเองนะ!” ซูรั่วหยาไม่ยอมไปแน่นอน เธอกอดและเล่นกับหน่วนหน่วนอย่างมีความสุข “ข้างนอกหิมะตกแล้ว ไม่เหมาะที่จะออกไป พวกเราจะพักอยู่ที่นี่”
“พักได้ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรจะพูดหวังว่าจะเก็บไว้ในใจก่อนพูดมันออกมา เมื่อถึงเวลานั้นลูกสะใภ้พาหลานออกไปละก็ แม้แต่ที่ที่จะร้องไห้ก็คงไม่มี” เมื่อถึงเวลานั้นเขาเป็นคนที่ถูกปรักปรำ
อันโหรวเลื่อนสายตาไปมองที่เขา ‘นายพูดตรงไปไหม?’
‘แม่ของฉันงี่เง่า หากไม่พูดตรง ๆ จะไม่เข้าใจ’ แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า
การส่งสายตาระหว่างสองคนนั้นทำให้คนอื่นนั้นไม่รู้อะไรเลย มีแต่หยางหยางที่อยู่ในอ้อมกอดของอันโหรวเท่านั้นที่รู้ว่าแม่ของเขากำลังไม่สบายใจกับคำพูดของคุณยาย
“หลานอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน รอพวกเขาแต่งงานกัน ก็ค่อยพาหลาน ๆ เข้าไปอยู่ที่บ้าน วันนี้พวกเรากลับกันก่อนเถอะ! เธอไม่เห็นว่ามือลูกบาดเจ็บอยู่เหรอ? จะมีเวลามาดูแลเธอได้ยังไง” จิ่งเซิงลุกขึ้นมองและเดินไป ซูรั่วหยาจึงเตรียมตัวออกไปเช่นกัน
ซูรั่วหยาลุกขึ้นเดินไปจับมือจิ่งเป่ยเฉิน เธอมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ลูกแม่เก่งมาก เป็นผู้ชายต้องปกป้องภรรยา!”
“สามีที่ปกป้องภรรยายืนอยู่นี่ ไปได้แล้ว!” จิ่งเซิงลากเธอออกมา ซูรั่วหยาดูไม่ค่อยอยากออกไปนัก เธอมองหน่วนหน่วนและหยางหยางอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของลูกสะใภ้ที่สง่างาม “ลูกสะใภ้ของฉันสวยจริง ๆ”
หลังจากที่พวกเขาออกไป อันโหรวก็หันไปมองจิ่งเป่ยเฉิน “ความจริงแม่คุณเป็นคนดูคนที่ภายนอกใช่ไหม?”
“เธอไม่คิดว่าเป็นหลานหรอกเหรอ?” เขายิ้มบาง ๆ พลางมองไปที่หยางหยางที่เธออุ้มอยู่ น้ำเสียงก็พลันเปลี่ยนไปทันที “เป็นผู้ชายต้องนั่งเอง!”
ท่าทางดูต่างกับพ่อจ๋าอย่างชัดเจน! “พูดกับแม่จ๋าอย่างอ่อนโยน พูดกับพี่จ๋ารุนแรงจัง” หน่วนหน่วนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามพูดขึ้นและมองมาที่พวกเขา
“เพราะแม่จ๋าเป็นผู้หญิงที่ต้องอยู่เคียงข้างพ่อจ๋าตลอดชีวิต พี่ชายหนูโตขึ้นมาก็ต้องคอยอยู่เคียงข้างผู้หญิงของเขา ไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับเขา” เลี้ยงเขาอย่างอ่อนโยนแล้วจะเป็นยังไง โตขนาดนี้แล้วยังตัวติดภรรยาเขาอยู่ มันไม่ได้
“แล้วหน่วนหน่วนละคะ?” เธอเอียงหน้ามองเขาอย่างสงสัย
“คนที่รักหน่วนหน่วนก็จะอยู่เคียงข้างหนูเอง” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่หยางหยาง ก่อนจะเลื่อนไปมองโหรวโหรว พลันเห็นสายตาของโหรวโหรวที่จ้องมาด้วยความโกรธ เขาก็มีความสุขขึ้นมาทันที
“จิ่งเป่ยเฉิน! ลูก ๆ ยังเด็ก นายพูดอะไรของนาย!”
“คิดเรื่องความรักไว้ล่วงหน้าไม่ดีเหรอ?” เขาหัวเราะ ก่อนจะโอบไปที่เอวของเธอ “ที่รักอ่อนโยนกับคนป่วยหน่อยสิ”
“ออดอ้อนทำตัวเหมือนเด็ก ดูไม่เหมาะสมกับนายเลย บิ๊กบอสนายควรใช้วิธีเย็นชาสิ!” เธอสะบัดมือของเขาออกและลุกขึ้น เขาเพียงแค่อยากกอดให้เธออบอุ่น แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เห็นค่า!
……….
บ้านโอวหยางลี่
เหลียวเว่ยหยิบผ้าพันแผลออกมา ก่อนจะเหลือบไปมองโอวหยางลี่นั่งอยู่ในห้องโถง ตรงหน้าเขามีขวดไวน์กระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก บ้างก็เป็นขวดเปล่า บ้างก็ยังเต็มขวด
ส่วนตัวเขานั้นนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าดูหดหู่เป็นอย่างมาก เวลาเขาขยับตัวทีก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่ว
เธอเดินไปเตะขวดพวกนั้นและจ้องเขาอย่างโกรธเคือง
เมื่อมีเสียงดังขึ้น โอวหยางลี่ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ทันทีที่มองเห็นเหลียวเว่ย ไฟในใจเขาก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“หย่า! ไปตอนนี้เลย” เขาเงยหน้ามองเธอ แก้วไวน์ในมือถูกเขาเขวี้ยงปาลงพื้นอย่างแรง
“ฝันไปเถอะ! ฉันตายก็จะไม่มีทางหย่าเด็ดขาด!” เธอจะหย่าได้ยังไง ถ้าเธอตาย เขาก็ต้องตายไปพร้อมเธอ
“เหลียวเว่ย อย่าหลอกตัวเองอีกเลย เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ชอบเธอ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยชอบเธอเลย!” เขายืนขึ้นและมองไปที่เธอ เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน จึงมีเส้นเลือดแดงก่ำอยู่รอบตาขาวของเขา
โหรวโหรวของเขากลับมาแล้ว โหรวโหรวของเขาก็คืออันอีหาน!
เมื่อก่อนเขาไม่มีความสามารถ ไม่สามารถปฏิเสธเรื่องงานแต่งที่แม่จัดเตรียมไว้ให้ได้ แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจจะไม่ยอมให้โหรวโหรวหายไปจากเขาอีก
“แล้วยังไง ตอนนี้คนที่เป็นภรรยาคุณก็คือฉัน!” เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งแรกที่ได้ยินจากปากเขาหลังจากที่กลับมาถึงคือเขาต้องการหย่า!
“นายดูมือของฉันสิ นายคิดว่าอันโหรวของนายจะเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์เหมือนเมื่อก่อนอย่างนั้นเหรอ? ฉันถูกเธอใช้มีดกรีดที่มือมานะ” มือของเธอพันแผลเอาไว้อย่างเรียบง่าย บนฝ่ามือมีรอยเลือดซึมออกมาจาง ๆ เป็นที่น่าสยดสยองไม่น้อย
“ใครใช้ให้เธอคิดใช้มีดฆ่าเธอกัน! ถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินไม่เข้ามา มีดของเธออาจจะแทงไปที่ตัวเธอแล้วก็ได้!” เขาไม่อยากจะคิดจินตนาการ หากคืนนั้นจิ่งเป่ยเฉินไม่เข้ามาห้ามไว้ ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“นายคิดแค่ว่าฉันจะฆ่าเธอ แต่นายไม่เคยคิดบ้างเหรอว่าเพราะอะไร? เธอฆ่าลูกในท้องของฉัน นั่นลูกของนายนะ หลังจากคืนนั้นฉันก็ท้อง แต่เป็นเธอที่มาทำร้ายลูกของฉัน” เธอคำรามออกมาด้วยความโกรธ มือที่บาดเจ็บชี้ไปที่ท้องน้อยที่แบนราบของตัวเอง
เธอโกรธจนเลือดบนมือนั้นซึมไหลออกมา ผ้าพันแผลสีขาวตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของเธองั้นเหรอ? หากลูกในท้องเป็นลูกของฉันจริง ๆ เธอจะไม่บอกฉันงั้นเหรอ? เธอต้องรีบป่าวประกาศไปทั่วแล้วว่าเธอท้อง แต่กลับปิดบังไม่พูดออกมา เหลียวเว่ย ทำไมเธอถึงไม่หย่ากับฉันสักที เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะโกหกอีก” เมื่อก่อนเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าเธอโกหกเก่งมาก
เพื่อสู้กับโหรวโหรว เธอก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!
“โอวหยางลี่นายมันโง่ ซื่อบื้อ ที่ฉันทำไปแบบนั้นก็เพื่อปกป้องเขา นายคิดว่าฉันไม่รู้จักยัยเหอเหมียวที่เป็นชู้กับนายเหรอ? ฉันเคยทำกับหล่อนไว้ หากหล่อนรู้ว่าฉันท้องขึ้นมามีหวังได้กำจัดลูกในท้องของฉันแน่!” เธอค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปพร้อมกับส่ายหน้า เมื่อมองดูผู้ชายที่ตัวเองรักมากมาย ยิ่งทำให้เธอเจ็บช้ำจนเลือดไหลไม่หยุด
“ตามที่เธอว่ามา ไม่ว่าเธอจะท้องหรือไม่ แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีเด็กอยู่แล้ว หย่ากันเถอะ!” ที่เขากลับมาที่นี่ก็เพื่อบอกเรื่องนี้กับเธอ!