อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 265 สอบถาม
ตอนที่ 265 สอบถาม
“ผู้จัดการฉีไม่รังแกเธอหรอก แต่มารังแกฉันนี่ เขามีเรื่องต้องไปถามบิ๊กบอสว่าทำไมไม่ยอมบอกตัวตนของเธอ เขากล้างั้นเหรอ? กล้าเหรอ? ก็รู้อยู่ว่าเขาเลือกบีบลูกพลับที่สุกนิ่ม![1]” หลินจือเซี๋ยวมองอันโหรวและบ่นโดยไม่ได้สังเกตเห็นผู้ชายที่ยืนแอบมองเธออยู่ตรงหน้าประตูเลยแม้แต่น้อย
“มีลูกพลับที่สุกนิ่มแล้วใครจะกล้าไปหาลูกพลับที่แข็งกัน หรือว่าเธอชอบกินแข็ง ๆ” ทันใดนั้นฉีเซิงเทียนก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจ้าของเสียงที่ลอยมาค่อย ๆ ก้าวฝีเท้าเข้ามา
หลินจือเซี๋ยวตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อครู่เขาคงไม่ได้ยินทั้งหมดทุกประโยคใช่ไหม?
อันโหรวเห็นสถานการณ์แบบนี้จึงจัดการเก็บแฟ้มเอกสารอย่างเงียบ ๆ และเดินออกไป “ที่เหลือคุยกันเองนะ ฉันไปก่อน”
เธอรีบพุ่งตัวไปห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินทันที เขาที่เห็นเธอเดินเข้ามาก็ยิ้มต้อนรับเธอทันที “คิดถึงฉันแล้วเหรอ?”
เธอนั่งลงบนโซฟา “ฉีเซิงเทียนกับหลินจือเซี๋ยวกำลังสู้รบกันอยู่ ฉันเลยเสียสละสถานที่ให้”
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันชนะแล้วไง…..”
อันโหรวเหลือบไปมองเขา ก่อนจะก้มหน้าทำงานโดยไม่สนใจเขา!
ภายในห้องทำงาน หลินจือเซี๋ยวเห็นเงาของเธอเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วก็บ่นในใจทันที ‘อันโหรวเธอกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันคนเดียวรับมือไม่ไหว’
ในชั่วพริบตาเธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ “ผู้จัดการฉีหายป่วยไวดีเหมือนกันนะคะเนี่ย! ดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย ฉันขอตัวก่อนนะคะ!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็ถูกเขาขวางเอาไว้ ฉีเซิงเทียนก้าวฝีเท้าเข้ามาใกล้เธอทีละก้าว “หลินจือเซี๋ยว หมอบอกว่าฉันป่วยหนัก”
“จริงเหรอคะ?” เธอจ้องมองไปที่เขาอีกครั้ง ก่อนจะมองดูเขาอย่างละเอียด ผิวที่ดูมีเลือดฝาด หน้าตาก็ไม่ได้ดูแดงก่ำ ทุกอย่างโดยรวมดูไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ
“ฉันรู้แล้วว่าผู้จัดการฉีป่วยเป็นอะไร!” เธอเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“เป็นอะไร?” ฉีเซิงเทียนมองเธอด้วยท่าทางสงสัย อยากรู้ว่าเธอจะสรรหาคำพูดใดออกมาอีก
“อัมพาตส่วนคอขึ้นไป หรือเรียกอีกอย่างว่าพิการทางสมองค่ะ ผู้จัดการฉีต้องรีบไปรักษาโดยด่วนเลยนะ!” เธอค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาอย่างช้า ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจจะล้อเล่นกับเขา แต่ความจริงกลับกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“หลินจือเซี๋ยว เธอชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว! เมื่อคืนทำไมไม่ยอมเปิดประตู!” ถึงแม้เขาจะยืนอยู่ด้านนอกแค่ครึ่งชั่วโมง แต่อากาศมันหนาวมาก ๆ
ในเมื่อกล้าพูดออกมาว่าสมองฉันพิการ!
“ถึงเปิดประตูก็ต้องส่งคุณไปโรงพยาบาลอยู่ดี ก็เลยเรียกรถพยาบาลมาให้เลยดีกว่า เรื่องของโหรวโหรวเป็นความคิดของบิ๊กบอส คุณมาหาฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าคุณอยากได้ความคิดเห็นดี ๆ ก็ไปหาเขา อีกอย่างฉันมีงานเยอะแยะที่ต้องทำนะคะ ขอตัวค่ะ!” เธอก้มศีรษะลงเพื่อลอดแขนเขาออกไป แต่กลับถูกเขาขวางไว้อีกครั้ง
หัวของเธอชนเข้ากับเอวของเขา เธอรีบก้าวถอยหลังและยืดตัวขึ้นมา ไม่กล้าก้มศีรษะลงอีก ก่อนจะมองไปที่เขา “ผู้จัดการฉีฉันยังบริสุทธิ์อยู่นะ”
“เรื่องของพี่สะใภ้ ฉันจะไม่เอามาคิดมาก แต่เรื่องที่เธอไม่ยอมเปิดประตูให้ฉันจนฉันตัวแข็งอยู่ทั้งคืน และคอของฉันพิการร้ายแรงมาก ต้องหาคนมารับใช้ปรนนิบัติ”
“ฉันจะช่วยคุณหาเอง!”
“ฉันหมายถึงเธอ!”
“ไม่ได้นะ” เธอไม่ได้โง่นะถึงจะไม่รู้ว่ากำลังเข้าปากเสือ การหยอกล้อสาว ๆ ของผู้จัดการฉีมีมากกว่าแขนทั้งสองข้างของเธอ ทักษะจีบสาวนั้นสุดเหวี่ยง!
“โอเค ฉันรับปาก” ประธานฉีไม่ได้จีบเธอเสียหน่อย ทุกอย่างล้วนคิดมากไปเท่านั้นเอง!
“หลินจือเซี๋ยว เธอนี่ดูไม่มีความคืบหน้าเลยนะ!” ฉีเซิงเทียนส่ายหน้าไปมาก่อนจะหมุนตัวกลับไป
ทำไมคำพูดนี้ฟังแล้วคุ้นหูจัง?
คล้ายกับว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉีเซิงเทียนพูดกับเธอแบบนี้
ช่างเถอะ ผู้จัดการฉีดูมีเมตตา เธอก็ควรจะตอบแทนบุญคุณเขาหน่อย
เธอเดินออกไปจากห้องทำงานของอันโหรวทันที
อันโหรวที่อยู่ในห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูและยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจ ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังคนที่อยู่ตรงข้าม “ขอโทษนะ ดูเหมือนว่านายจะแพ้อีกแล้ว”
“ไม่คืบหน้าเลยจริง ๆ” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ประตูห้องทำงาน “ความสามารถของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“แบบนี้เรียกของหนึ่งสิ่งต้องพิชิตของอีกอย่างหนึ่งได้ เจอศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าให้แล้ว” แต่เธอก็ยังคงอยากรู้อยากเห็น ตามหลักการหากทั้งสองคนรักกันขึ้นมาจริง ๆ ก็ควรจะปิ๊งรักกันตั้งนานแล้ว ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วทำไมจู่ ๆ ถึงได้เกิดขึ้น
ดอกรักเบ่งบานช้าเกินไปหรือเปล่า?
“นี่เป็นเรื่องน่ายินดี” มีคนที่สามารถปราบเขาได้ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด
อันโหรวจือปากก่อนจะคิดว่าเป็นเรื่องดีจริง ๆ หากพวกเขาได้อยู่ด้วยกัน หลินจือเซี๋ยวจะได้ไม่มาบ่นต่อหน้าเธออีก
แต่ถ้าหากว่าถูกหลินจือเซี๋ยวจับได้เรื่องที่เธอกับจิ่งเป่ยเฉินเดิมพันกันจะเป็นยังไงนะ?
เรื่องนี้บอกไม่ได้เด็ดขาด!
อันโหรวและจิ่งเป่ยเฉินไม่ได้ยุ่งกับเรื่องของพวกเขาเท่าไร เพราะข่าวในโลกออนไลน์เช้านี้เต็มไปด้วยความคิดเห็นที่ดุเดือด
เรื่องราวของตระกูลจิ่งยังคงถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาคิดมาตลอดว่าประธานของพวกเขาชอบผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ จึงคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์หลังจากที่ล้างเครื่องสำอางจะสวยเหมือนเทพธิดาแบบนี้
ในตอนเช้ามีบางคนได้เจออันโหรวจึงได้เห็นว่ารูปลักษณ์ของเธอนั้นสวยและงดงามเพียงใด โดยเฉพาะประธานจิ่งที่ดูแลเธอเป็นอย่างดี ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ทำเอาโอวหยางลี่นั้นพูดไม่ออก สถานการณ์ตอนนี้ช่างวิเศษเสียจริง!
ในช่วงเวลาหนึ่ง หัวหน้าแต่ละแผนกของบริษัทจิ่งไม่ยอมมาส่งเอกสารด้วยตัวเอง แต่เพื่อมาดูอันโหรว ผู้จัดการแผนกและเหล่าผู้อำนวยการต่างทยอยกันมาส่งเอกสารให้เธอ เพื่อมาดูให้เห็นกับตา
อันโหรวนั่งรับเอกสารอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นพวกเขาดูตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน!
และเมื่อก่อนก็ไม่ได้มาส่งถึงมือเธอ แค่ส่งให้กับหลินจือเซี๋ยวเท่านั้น สุดท้ายกลับมาหาเธอตรงหน้า วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือยังไง?
เมื่อผู้คนที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาส่งเอกสารให้กับเธอนั้นจับจ้องมาที่เธอ เธอจึงรับรู้ได้ทันที
ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่สวนสัตว์เพื่อโชว์การแสดงลิง ทุกคนล้วนแล้วแต่มาดูเธอ!
เธอบอกแล้วว่าควรแต่งหน้ามา อย่างไรก็ตามคืนนั้นเธอแต่งหน้าเหมือนวาดรูป หนำซ้ำยังแต่งเร็วมากด้วย
แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่ยอมให้เธอแต่งหน้า บอกว่าการแต่งหน้าไม่ดีต่อผิว และเธอก็เชื่อคำพูดของเขาถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
บริษัทจิ่งดูคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น ส่วนด้านตระกูลโอวหยางในตอนนี้กลับกำลังมีละครประจำปีเกิดขึ้น
เหอเหมียวที่ตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่ด้านข้างเฉาลี่เฟย เธอจับท้องของตัวเองแล้วยิ้มขึ้นมา ก่อนที่จะมองไปที่เหลียวเว่ย “พี่สาวคะ ฉันกำลังท้องลูกของพี่โอวหยาง”
เหลียวเว่ยจ้องมองไปที่เหอเหมียว เธอเพิ่งแท้งมา และตอนนี้มือก็ยังได้รับบาดเจ็บ แต่นังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเหอเหมียวกลับเชิดหน้าชูตา ไม่รู้กำพืดของตัวเอง ท้องลูกของลี่งั้นเหรอ? มันเป็นไปได้ยังไง?
เธอไม่เชื่อ!
“พี่สาวอย่าทำแบบนี้สิคะ ฉันชอบพี่โอวหยางลี่จริง ๆ นะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะดูแลเขาให้ดี ๆ พี่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว พี่ชอบเขาก็ต้องอยากให้เขามีความสุขใช่ไหมคะ?” เหอเหมียวพูดจบก็ลูบไปที่ท้องของตัวเองราวกับว่าท้องของเธอนั้นมีค่ามากมาย
เธอใกล้จะเป็นแม่คนในตระกูลที่ร่ำรวยมหาเศรษฐี!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็หุบยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
เหลียวเว่ย นังผู้หญิงโง่ ท้องแล้วกลับซ่อนตัวเงียบ เธอแค่ใช้อุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้นเอง จงใจให้สองคนนั้นโทรศัพท์และเรียกชื่ออันอีหานออกมา เธอก็คิดว่าเป็นอันอีหานทำจริง ๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพเธอคว้ามีดไปฆ่าอันอีหานแบบนั้น
โชคดีคนที่ถูกฆ่าไม่ใช่เธอ หากอันอีหานไม่ใช่อันโหรว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้ยังไง
“เธอคิดว่าอยู่กับเขาแล้วจะมีความสุขงั้นเหรอ?” เหลียวเว่ยหัวเราะอย่างเย็นชาและเย้ยหยัน
[1] เลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่า