อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 274 ลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่?
ตอนที่ 274 ลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่?
“จริงหรือเปล่าคะ? ลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” เหอเหมียวจับไปที่ท้องของเธออย่างตื่นเต้น เนื่องจากเพิ่งจะหนึ่งเดือน ท้องของเธอจึงยังคงแบนราบอยู่ ทำให้ไม่รู้สึกอะไรเลย
เธอจำได้ว่าตอนที่เธอหลับไปนั้น พอได้สติกลับมารู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงคนไข้ที่เย็นเฉียบ มองเห็นคุณหมอและพยาบาลหลายคนยืนล้อมรอบตัวเธอไว้และก็ตั้งขาเธอขึ้น ร่างกายส่วนล่างของเธอนั้นเปลือยเปล่า รู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายของเธอนั้นเย็นมาก
เมื่อเธอรู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าในขณะนั้นก็เลยอาละวาดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
แต่คนเหล่านั้นกลับไม่มีความเมตตาใด ๆ เมื่อเธอต่อสู้จนหมดแรง เธอก็รู้สึกว่าเธอถูกวางยาสลบ หลังจากนั้นเธอก็หมดสติไป
“เหอเหมียว ลี่เอ๋อร์เขาหย่ากับเหลียวเว่ยแล้ว หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเธอในตอนนี้คือรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รอให้อาการดีขึ้น เมื่อร่างกายฟื้นฟูดีแล้วค่อยแต่งงานกับลี่เอ๋อร์นะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ พวกเราจะจัดงานยิ่งใหญ่ประกาศไปทั่วอย่างแน่นอน ให้เธอเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ในบ้านโอวหยางของเรา!” เฉาลี่เฟยมองไปที่เธอพลางเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นบนใบหน้า
“ขอบคุณแม่นะคะ ฉันจะต้องหายป่วยแน่นอน” เหอเหมียวรีบเปลี่ยนคำสรรพนามทันที เธอมองไปที่รอยยิ้มของเฉาลี่เฟย
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะได้แต่งงานกับคนในครอบครัวโอวหยาง ลูกของเธอต่างหากที่สำคัญกว่าไม่ใช่เหรอ?
“อืม ๆ ดีมาก เธอแค่ดูแลลูกในท้องให้ดี เรื่องอื่นฉันจะจัดการให้เอง” เฉาลี่เฟยพูดจบก็ชวนเธอคุยเล่นต่อ
ก่อนที่จะเดินออกไป เธอมองบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูพลางเอ่ย “ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามาในห้อง!”
“ครับ!” ทั้งสองคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง
เฉาลี่เฟยเดินออกไปด้วยความพอใจ หลานของเธอจะต้องมีชีวิตอยู่
ตระกูลอันล่มสลายไปแล้ว อันเจิงตงก็ตายไปแล้ว เธอที่เป็นลูกสาวจะกลับมาเพื่ออะไร?
หรือว่าอยากจะให้ตระกูลอันกลับมาอีกครั้ง?
ส่วนชายที่ชื่อจิ่งเป่ยเฉินอะไรนั่นก็หน้ามืดตาบอดไปแล้วหรือยังไง ผู้หญิงที่มีลูกกับคนอื่น แต่กลับรับมาไว้ในมือแบบนั้น เธอยิ้มอย่างเย็นชาเล็กน้อย ดวงตาของเธอฉายแววตาที่เฉียบคม
อันที่จริงแล้วไม่ใช่แค่เฉาลี่เฟยหรอกที่คิดแบบนั้น แต่เรียกว่าเกือบทุกคนในเมือง A เลยก็ได้ที่คิดแบบนั้นเช่นกัน
ก่อนหน้านั้นเคยมีภาพที่ทำเอาผู้คนแทบจะคลั่ง นั่นคือภาพที่จิ่งเป่ยเฉินอุ้มเด็กที่มีเชื้อสายลูกครึ่งไว้ในอ้อมแขน ถึงแม้เด็กคนนั้นจะหน้าตาดูน่ารัก แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินเลยสักนิด
อันโหรวก่อนหน้านั้นก็มีชื่อเสียงย่ำแย่ นั่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นของตระกูลอัน ตอนนี้เธอมีลูกกับคนต่างชาติและกลับมาเป็นผู้หญิงของจิ่งเป่ยเฉิน จึงทำให้หญิงสาวทั่วทั้งเมือง A ต่างขุ่นเคือง คิดตั้งคำถามกับจิ่งเป่ยเฉินว่าพวกเธอดูดีสู้ผู้หญิงที่คลอดลูกคนอื่นไม่ได้อย่างนั้นเหรอ!
ในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่บ้านและกำลังกินผลไม้ก็มองดูข่าวใหม่ ๆ พวกนี้ จู่ ๆ ก็คิดอยากจะโพสต์รูปหยางหยางลงบนโลกอินเทอร์เน็ต
เพียงแต่เธอก็ทนเอาไว้ เพียงแค่คิดสนุก ๆ ไปเรื่อยเท่านั้น!
นอกจากนี้เธอยังไม่คิดเปิดเผยตัวตนของหยางหยางกับหน่วนหน่วนอีกด้วย
แต่ที่มาส่วนใหญ่เป็นเพราะชายคนนั้นแท้ ๆ ทำไมถึงได้กลายเป็นลูกครึ่งแบบนี้ได้กัน? เธอเองก็ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อน และก็คิดว่าน้อยคนนักในเมือง A จะรู้เรื่องพวกนี้
หากไม่ใช่คนของสกุลจิ่ง นอกจากตัวพวกเขาแล้วก็ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องพวกนี้
ขนาดฉีเซิ่งเทียนเองก็อีกคน ดูเหมือนเขาก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยเช่นกัน!
“แม่จ๋า……..” หน่วนหน่วนเดินมาหาเธอด้วยท่าทางลึกลับ จ้องมองมาด้วยดวงตาสีฟ้าที่กลมโต “ครั้งที่แล้วที่แม่ถามหนูว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดพ่อ แม่คิดเรื่องนี้ได้แล้วหรือยังคะ?”
มุมปากของอันโหรวกระตุกขึ้นมา ก่อนจะวางไอแพดไว้ในมืออีกข้าง และดึงมือน้อย ๆ ของอันหน่วนให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะเหลือบมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ “หน่วนหน่วน แม่จ๋าไม่ใช่ให้หนูคิดเหรอคะ? ทำไมหนูถึงได้มาถามแม่กลับคะ?”
เธอไม่รู้จะให้อะไรเลยลองถามพวกเขาดูเท่านั้นเอง
หน่วนหน่วนเอียงศีรษะพลางมองแม่ด้วยตาโต ๆ ที่กำลังทำท่าทางสงสัย “แม่จ๋า ไม่ใช่ว่าพวกเราควรให้ของขวัญแยกกันเหรอคะ? นี่เป็นครั้งแรกที่จะให้ของขวัญวันเกิดพ่อจ๋านะ!”
อันโหรวแทบจะหายใจไม่ออก มองไปที่ตาโต ๆ ของเด็กน้อยคนนี้แล้วก็กอดเธอและจูบไปทีหนึ่ง “ไม่ต้องหรอก แค่มีหน่วนหน่วนให้ก็น่าจะพอแล้ว แม่จ๋าจะมองดูพวกหนูละกัน”
หรือว่าเธอควรห่อตัวเองเป็นของขวัญให้เขาไป แบบนี้น่าจะมีความสุขมากหรือเปล่านะ?
เหอะเหอะ วิธีแบบนี้มันก็ง่ายนิดเดียว แทบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วย
“แม่จ๋า ทำไมแม่จ๋าดูไม่สนใจเลยคะ พ่อจ๋าน่าสงสารนะ” ตอนนี้หน่วนหน่วนได้มาอยู่ที่บ้านของพ่อ และด้วยความคุ้นชินอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เธอรักพ่อจ๋าสุดหัวใจ
“หน่วนหน่วนคะ ทุกคนย่อมมีสองด้านเสมอ เช่นวันเกิดของแม่จ๋าที่พ่อจ๋าเขาให้ของขวัญแม่จ๋าก็คือเกือบถูกฆ่าตาย คนอย่างเขาไม่คู่ควรกับของขวัญวันเกิดหรอกค่ะ!” เธอยังจำเครื่องสำอางกันน้ำของเขาได้อย่างแม่นยำ
มันเป็นผลงานของจิ่งเป่ยเฉินที่สร้างมาให้ชัด ๆ!
“ที่รัก ผมยังอยู่นี่นะ” จิ่งเป่ยเฉินเลื่อนหนังสือในมือออกห่าง ดวงตาสีดำจับจ้องไปที่อันโหรว
“ครั้งหน้าคุณก็ไม่ต้องอยู่สิ!” อันโหรวชำเลืองสายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะอุ้มหน่วนหน่วนพาไปยังห้องของพวกเขา
พวกเขาช่างดีจริง ๆ เขาหยิบหนังสือขึ้นมาและเดินตามไป ก่อนจะนั่งบนโต๊ะที่หน่วนหน่วนเคยนั่งและปล่อยให้เธอนอนอยู่บนโซฟา
“พ่อจ๋า โทรศัพท์พ่อเข้า อยู่ที่ด้านล่าง” ทันใดนั้นหยางหยางก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบนิ่ง
จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ดวงตาของเขายังไม่วายที่จะมองไปยังใบหน้าของอันโหรว “เด็กดี….”
อันโหรวเองก็จ้องสายตากลับมาที่เขา พี่เขยนายสิเด็กดี! ไปรับโทรศัพท์ของนายไป!
หลังจากที่จิ่งเป่ยเฉินจากไป อันโหรวก็รีบกอดหน่วนหน่วนและพูดว่า “หน่วนหน่วน รีบพูดเร็วเข้า หนูเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้พ่อจ๋าเหรอ เอามาแบ่งด้วยกันดีไหม!!”
หยางหยางเดินเข้ามาและได้ยินสิ่งที่เธอพูดขึ้น ใบหน้าที่สงบนิ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา “แม่จ๋า มีคนเป็นเหมือนแม่บ้างไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ! ไม่มีใครเหมือนแม่เลยนะ จะมาขโมยความคิดของหนูไปได้ยังไง!” หน่วนหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะแสดงท่าทางแบบที่เธอเคยแสดงมาก่อน
“พวกหนูนี่มันหมาป่าตัวน้อยสองตัวจริง ๆ” อันโหรวยังคงกอดหน่วนหน่วนไว้ไม่ยอมปล่อย ในขณะที่กอดหน่วนหน่วนก็มองไปที่หยางหยาง “หยางหยาง สำหรับพ่อจ๋า ถ้าหนูยิ้มให้เขาก็ถือเป็นของขวัญที่ดีแล้ว”
“ผมไม่ได้เตรียมอะไรให้เขาเลยด้วยซ้ำ เพราะผมไม่รู้ว่าเขาเกิดวันไหน” หยางหยางตอบกลับไปอย่างตรง ๆ
“วันที่ยี่สิบห้า เดือนมกราคม”
“ถึงรู้แต่ก็ไม่มีของขวัญ พ่อจ๋าโตขนาดนี้แล้ว น่าจะซื้อของขวัญให้ตัวเองได้นะ” หยางหยางนึกถึงเรื่องในวันนั้นอย่างเงียบ ๆ
เหลือเวลาอีกสิบกว่าวัน
“ยังไงก็เถอะ หนูก็คิดออกแล้ว พวกแม่กังวลเรื่องนี้ต่อไปกันเลยนะ!” หน่วนหน่วนยิ้มพลางหัวเราะคิกคักอย่างมีชัยออกมา
อันโหรวมองไปที่เธอ กอดจะจับมือเธอพร้อมกับเกามือเล็ก ๆ ของอันหน่วน “เอามาแบ่งหน่อย แบ่งกันนะ”
“แม่จ๋านี่ไร้เดียงสาจังนะครับ” เมื่อหยางหยางมองดูพวกเขาทำท่าแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคำนี้ออกไป
อันโหรวที่ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเองก็ปล่อยหน่วนหน่วนลง ในเมื่อเธอโตกว่าและเป็นแม่ของพวกเขาก็ต้องคิดได้เหนือกว่าพวกเขาแน่ ๆ
“เอาเถอะ พวกหนูเล่นกันไปก่อน เดี๋ยวแม่จะลงไปดูข้างล่างหน่อย” เธอลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกไป
เมื่ออันโหรวเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นจิ่งเป่ยเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าและดูเหมือนกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
เธอรีบเดินไปหาอย่างรวดเร็วและพูดว่า “มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”
จิ่งเป่ยเฉินหยุดก้าวเดิน รอให้เธอเดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เกิดเรื่องบางอย่างที่โรงงาน มีคนงานเสียชีวิต”
อันโหรวนึกถึงบทสนทนาครั้งก่อนหน้านั้นกับจิ่งเป่ยเฉิน เธอจึงพูดว่า “บางทีนี่อาจจะเป็นฝีมือของโอวหยางลี่”
“เกรงว่าน่าจะไม่ใช่เขา” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา