อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 277 คุกคาม
ตอนที่ 277 คุกคาม
“เธอจะข่มขู่คุกคามเขาเพื่ออะไรกัน?” เธอไม่สามารถทำร้ายพี่โอวหยางได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเกลียดเธอมากขึ้นแน่ ๆ
“มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เกิดข้อขัดแย้งกับตระกูลจิ่ง แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ตอนนี้ตระกูลจิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมหยกและไม่มีทางเทียบเท่ากับโอวหยางกรุ๊ปได้ เมื่อเรื่องนั้นได้ซาลงก็ไม่ได้มีผลสำคัญต่อโอวหยางกรุ๊ป แต่ว่ากลับทำให้อุตสาหกรรมของตระกูลจิ่งนั้นก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง” เธอแกว่งโทรศัพท์ในมืออยู่สักพัก “คุณเหอ คุณต้องพิจารณาดี ๆ แล้ว พวกเราไม่ได้มีเวลามากนะ”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่ทำแบบนั้นแน่! พวกเธอเทียบอะไรกับพี่โอวหยางไม่ได้เลยคิดจะใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้มาจัดการ มันมากเกินไปหน่อยแล้ว!” เหอเหมียวจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “ตระกูลจิ่งก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่านั้นหรอก! เทียบกับพี่โอวหยางของฉันก็ไม่ได้”
“ในบางเรื่องนั้นก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้จริง ๆ อย่างเช่นการแสดงละครประจำปี ลูกในครรภ์ของภรรยาถูกชู้มือที่สามฆ่าจนตาย ตระกูลจิ่งเองก็ไม่ได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” อันโหรวพูดพลางสังเกตอาการและท่าทีของเธอไปด้วย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหอเหมียวนั้นหลบสายตาเธอ ดวงตาของเธอนั้นกลอกไปมาอย่างผิดปกติ มือก็จับไปที่หน้าท้องและงอตัวเล็กน้อย
การแสดงออกที่ชัดเจนแบบนี้จะหลบหนีสายตาของเธอพ้นได้อย่างไร
“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอ! ฉันไม่รู้เรื่อง!” เหอเหมียวพูดเบาลงเพราะกลัวว่าคำพูดเหล่านี้จะได้ยินไปถึงหูของบอดี้การ์ดสองคนด้านนอก
ถ้าหากเฉาลี่เฟยรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง คงจะไม่ต้องการสะใภ้คนนี้แน่นอน
“เธอใช้ชื่ออันอีหานของฉันสินะ?” อันโหรวยิ้มและตอบกลับโดยไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรอีก
เธอเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากมาย เธอเดาเอาเองทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน
เหลียวเว่ยคิดว่าเป็นฝีมือเธอที่ทำแบบนั้น แสดงว่าคนร้ายต้องจงใจพูดชื่อเธอต่อหน้าเหลียวเว่ยอย่างแน่นอน
สีหน้าของเหอเหมียวซีดขึ้นมาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างจับกันอย่างผิดธรรมชาติ ก่อนจะมองเธออย่างลังเล “เธอ เธอรู้ได้ยังไง?”
“ฉันรู้อะไร?” อันโหรวตอบแบบแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง นิ้วเลื่อนไปกดปุ่มเริ่ม
“เธอเลิกเสแสร้งได้แล้ว เธอรู้ว่าฉันจ้างคนให้ไปฆ่าเด็กในท้องของเหลียวเว่ย! เธอคิดจะทำอะไรฉันกันแน่? ถือว่าฉันขอร้อง อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่โอวหยางนะ!” เหอเหมียวมองเธออย่างตื่นตระหนกพลางส่ายหน้าไปมา
อันโหรวปิดโทรศัพท์ที่บันทึกวิดีโอ ก่อนจะก้มมองเธอ “หมายถึงที่บันทึกไว้เมื่อกี้เหรอ?”
“เธอสาบานสิว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพี่โอวหยาง”
“ฉันสาบาน!”
“ได้ งั้นฉันยอมบันทึก” ตอนนี้เธอไม่สามารถจัดการอะไรได้มาก แม้เธอจะไม่เชื่อใจอันโหรวเลยสักนิดก็ตาม
แต่เธอไม่มีทางเลือก
อันโหรวบันทึกวิดีโอเธอ ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมออกจากห้องไป
มือขวาเอื้อมไปจับลูกบิดประตู แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกเดินมา เธอจึงดึงมือกลับมา
“เธอจะทำอะไร? เธอไม่ออกไปแล้วยังคิดจะทำอะไรอีก?” เหอเหมียวมองเธออย่างประหม่า ตอนนี้เธออยากให้อันโหรวรีบออกไปโดยเร็ว
อันโหรวยังไม่ทันได้ตอบคำถามของเธอ คนที่อยู่ด้านนอกก็เปิดประตูเข้ามา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่จอมปลอมของเฉาลี่เฟย
ใบหน้าของเหอเหมียวแสดงรอยยิ้มขึ้นมาทันทีและมองไปที่เธอ “แม่!”
ทว่าสีหน้าของเฉาลี่เฟยกลับเปลี่ยนไปเมื่อเห็นอันโหรว พวกเธอไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว อันโหรวดูโตเป็นผู้ใหญ่และสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลอันที่ไม่สามารถเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลโอวหยางได้
“คุณนายโอวหยางสวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เธอเรียกชื่อเฉาลี่เฟยด้วยความห่างเหิน
ในอดีตตระกูลอันและตระกูลโอวหยางนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอนนั้นเธอจึงเรียกเฉาลี่เฟยว่าคุณป้าเฟย
“เดิมเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวอัน แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวอันนั้นไม่อยู่แล้ว พ่อของเธอก็เสียชีวิตลงนรกไปแล้ว ส่วนแม่ของเธอก็ได้ยินว่าหายตัวไป เธอคิดหาวิธีต่าง ๆ นานาบินกลับประเทศมาตอนนี้ และยังมาปรากฏอยู่ในห้องผู้ป่วยของว่าที่ลูกสะใภ้ของฉันอีก อันโหรวเธอคิดจะทำอะไร?” เฉาลี่เฟยเป็นคนหน้าซื่อใจคดเหมือนเคย รอยยิ้มที่แสร้งทำเป็นเมตตาของเธอนั้นดูน่าขยะแขยงสิ้นดี
“ฉันแค่จะเข้ามาดูหน่อยว่าผู้หญิงแบบไหนที่เข้าตาคุณนายโอวหยาง” อันโหรวชำเลืองมองไปที่เหอเหมียว “ที่แท้คุณก็ชอบสะใภ้แบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าประธานโอวหยางจะชอบด้วยหรือเปล่านะคะ”
โอวหยางลี่ที่ตอนนี้เห็นเธอก็แทบอยากจะจู่โจมเข้าหา ชอบเหอเหมียวก็เหมือนชอบผี!
“จะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอรีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว และหลังจากนี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเธออีก! ตระกูลอันและตระกูลโอวหยางไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว ฉันช่วยเรื่องเมื่อห้าปีก่อนไม่ได้ ตอนนี้ก็หมดหนทางช่วยอะไรเธอเหมือนกัน” เฉาลี่เฟยเปิดประตูออกและทำท่าทางเชิญให้เธอออกไป “คุณอันเชิญจ้ะ!”
“คุณนายโอวหยางพูดไปถึงไหนกันคะ เรื่องเมื่อห้าปีที่แล้วคุณช่วยฉันไม่ได้อยู่แล้วค่ะ! แต่ว่า..ช่วยก่อเรื่องเสียมากกว่า” สีหน้าของอันโหรวเผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยขึ้นมาอย่างเรียบเฉยพลางใช้สายตาล้อเลียนอย่างชัดเจน “การวางแผนให้สองตระกูลแตกแยก ทำให้แย่ลง หิมะที่ปกคลุมหนาอยู่แล้วยังไม่พอ ยังมีน้ำค้างแข็งเกาะเพิ่มเข้ามาอีก[1] หนำซ้ำยังทำสำเร็จไปได้ด้วยดีอีกต่างหาก ฉันอยากจะถามเคล็ดลับจากคุณจริง ๆ ว่าทำได้ยังไงกัน! แต่ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้เป็นที่รักสำหรับคุณสักเท่าไร งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” โดยเธอไม่ได้มองหรือสนใจเลยสักนิด
อันโหรวพูดจบก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย สายตาของเฉาลี่เฟยแฝงไปด้วยความโกรธเดือดดาลเป็นอย่างมากขณะที่มองเธอเดินออกไปจากห้อง
เมื่ออันโหรวเดินออกไป เฉาลี่เฟยก็หันหน้าไปหาเหอเหมียวและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า “เธอมาทำไม? แล้วทำไมถึงให้เธอเข้ามา?”
“แม่คะ เธอรู้จักกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอมาเยี่ยมฉันแทนพี่สาวของฉัน ไม่ได้มีเรื่องอื่นเลยค่ะ” เรื่องบันทึกวิดีโอบอกเฉาลี่เฟยไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธอได้จบไม่สวยแน่ ๆ
เฉาลี่เฟยจ้องมองเธอพลางขมวดคิ้ว อยู่กับลี่เอ๋อร์มาตั้งนานไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันจริง ๆ [2]
ภายนอกดูเป็นคนบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา แต่ความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไร ในใจเธอย่อมมองออกอย่างชัดเจน
“ต่อไปนี้อย่าไปยุ่งกับเธออีก” เฉาลี่เฟยพูดเพียงแค่ประโยคเดียว เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดเรื่องเกี่ยวกับอันโหรวอีก
……
คลิปวิดีโอนั้นแน่นอนว่าจะโพสต์ออกไปอย่างง่ายดายไม่ได้ ตอนนี้จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอแค่โอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น ตอนนี้ยิ่งสามารถก่อความวุ่นวายให้โอวหยางลี่ได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น
อันโหรวแวะไปที่บริษัทเพื่อให้คนตัดต่อวิดีโอให้ หลังจากนั้นถึงได้ขับรถกลับบ้าน ทันทีที่อยู่ด้านนอกเธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอต้องตายแน่ ๆ
ทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงได้กลับมาก่อนเธอกัน!
เธอบอกว่าจะรอเขา แต่ก็ไม่ได้รอ!
เธอเดินเข้าไปหาจิ่งเป่ยเฉินที่นั่งอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะนั้นมีถ้วยชาร้อนอุ่น ๆ วางอยู่ บนตักของเขาก็มีโน้ตบุ๊กวางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเขากำลังพิมพ์แป้นอย่างไม่รีบร้อน
เธอก้าวฝีเท้าเข้าไปหาอย่างเบา ๆ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงด้านหน้าเขาก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเขาเอ่ยขึ้นว่า “ไปไหนมา?”
“ที่รัก….” เธอพูดเสียงออดอ้อน ก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นมายื่นให้เขา “ที่รักดื่มชาก่อนนะ”
จิ่งเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่ถ้วยชาตรงหน้า ควันร้อนนั้นบดบังการมองเห็นของเขา เขาวางโน้ตบุ๊กลงและหันมามองเธอ “บอกมา”
[1] เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น แทนที่จะตามมาด้วยเรื่องดี แต่กลับเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
[2] คนที่เรื่องมากมักจะสร้างความยุ่งยากให้ผู้อื่นเสมอ