อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 280 โรคจิต
ตอนที่ 280 โรคจิต
เขาต้องเป็นโรคจิตแน่ ๆ ไม่คิดว่าจะอยากจูบ
สำหรับฉีเซิ่งเทียนเรื่องแบบนี้เขาต้องเป็นคนเริ่มกระทำมาตลอด แต่เพียงกับหลินจือเซี๋ยวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ว่าตอนนี้…
……
หลินจือเซี๋ยวเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ฉีเซิ่งเทียนกำลังจูบเธอ!
เธอกัดฟันขึ้นมาทันที ก่อนที่ใบหน้าจะย่นเข้าหากันเล็กน้อย
ตุบ! มือของหลินจือเซี๋ยวปัดเอกสารตกลงบนพื้น
หลังจากนั้นเธอก็ผลักเขาออกอย่างเต็มแรง ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่เขา
ใครจะกล้าบอกว่านี่เขาบ้าไปแล้ว หรือว่าเธอกำลังฝันไปกันแน่?
ฉีเซิ่งเทียนจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะเผยสีหน้าที่โกรธขึ้นมา
ครั้งแรกที่ฉีเซิ่งเทียนหลุดขอบเขตความรับผิดชอบภายใต้สถานการณ์แบบนี้
หลินจือเซี๋ยวที่ยังคงตกตะลึงอยู่ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าจากไกล ๆ เดินมา ร่างของฉีเซิ่งเทียนเองก็เดินผ่านเธอไป นี่จะไม่พูดแม้แต่สักคำงั้นเลยเหรอ?
นี่มันหมายความว่ายังไง?
เธอก้มตัวลงเก็บเอกสารที่ตกอยู่บนพื้น เมื่อยืดตัวขึ้นมา หน้าประตูก็ปรากฏเงาดำขึ้น เธอหันไปมองก็พบว่าเป็นฉีเซิ่งเทียนที่เดินกลับมา
“ผู้จัดการฉี……” เขาเดินออกไปแล้วจะกลับมาทำไม?
ขอโทษเหรอ? ถ้าหากเขาพูดอย่างจริงใจมากพอ เธอจะคิดพิจารณารับคำขอโทษจากเขา
หลินจือเซี๋ยวเงยหน้าขึ้นมองเขาและรอเขาเอ่ยคำขอโทษ
ฉีเซิ่งเทียนมองท่าทางเธอที่ดูตรงไปตรงมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ไม่เลวเหมือนกัน”
ก่อนจะเดินออกไป!
นี่! ไหนคำขอโทษ?
ทำไมไม่เหมือนที่เธอจินตนาการไว้เลย!
หลินจือเซี๋ยวเดินไปปิดประตูห้องทำงานอย่างแรง ต่อจากนี้เธอจะไม่พูดอะไรเหลวไหลอีกแล้ว
ณ เวลานี้ที่ห้องทำงานห้องประธาน
ฉีเซิ่งเทียนนั่งลงฝั่งตรงข้ามจิ่งเป่ยเฉิน เขาไม่ได้พูดอะไร โดยปกติแล้วจิ่งเป่ยเฉินก็จะไม่ถามถึงความคิดเห็นอะไรจากเขาก่อน
วันนี้เองก็เช่นกัน
“พี่เฉิน…..”
“นายเป็นอัมพาตหรือไง?” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบไปมองเขา ไม่คิดว่าจะเรียกเขาแบบนั้น
“ก็เกือบแล้ว เป็นอัมพาตส่วนคอขึ้นไป รู้ไหมว่าคืออะไร?”
“พิการทางสมอง ไม่ได้รับการรักษา ฉันช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ ที่ต้องเลี้ยงดูนายอีกทั้งชีวิต” จิ่งเป่ยเฉินเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วมองไปที่เขาพลางพูดเล่นกับเขา แต่เขากลับดูไม่มีความสุขเลย
“พี่เฉิน พี่จะดูแลเลี้ยงดูครอบครัวฉันใช่ไหม? เพราะฉันคิดว่าในอนาคตฉันจะต้องบกพร่องทางสติปัญญาแน่ ๆ”
“เพื่อประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง หาคนปกติ” จิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
ทันใดนั้นฉีเซิ่งเทียนก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเองและมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน พลันคิดถึงปริมาณงานของหลินจือเซี๋ยวในช่วงนี้
“โอวหยางลี่ตอนนี้กำลังถูกโจมตี เลขาหลินกำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่?” ฉีเซิ่งเทียนถามขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ
“เรื่องของฉัน” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา
“อะแฮ่ม….” ฉีเซิ่งเทียนลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ก่อนจะเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว “ฉันจะไปฟ้องพี่สะใภ้ว่าพี่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว!”
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” จิ่งเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่เขาพลางเอนหลังอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่เขาและพูดเบา ๆ ขึ้นมา “นายว่างมากงั้นเหรอ?”
“ฉันยุ่งมากนะ ยุ่งจะตายอยู่แล้ว!” ฉีเซิ่งเทียนตบไปที่ต้นขาของตัวเองอย่างแรง “พี่ก็รู้เรื่องโรงงานที่ตอนนี้กำลังสร้างปัญหาวุ่นวาย ฉันต้องเอาใจครอบครัวผู้เสียชีวิตนั้นด้วยตัวเอง เรื่องสินค้าใหม่ก็ใกล้จะวางตลาดแล้ว พี่ไม่ออกหน้า ฉันก็ต้องซ้อมใหญ่ พรุ่งนี้จะพลาดไม่ได้!”
จิ่งเป่ยเฉินรอจนเขาเดินกลับมาและพูดช้า ๆ ว่า “งั้นนาย…..ออกไปเถอะ!”
ฉีเซิ่งเทียนงุนงงเล็กน้อยพลางมองเขาด้วยแววตาที่คับแค้นในใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
แต่เขายังไม่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเลย แม้เขาจะแสดงเพื่อตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดถึงเขา และเขาเองก็ไม่กล้าพูด
…..
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โอวหยางกรุ๊ปเกิดเรื่องอื้อฉาวของโอวหยางลี่ ทำให้บริษัทโอหยางกรุ๊ปตกต่ำลง รู้สึกเหมือนเต็มไปด้วยเขม่าดินปืน
เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เหอเหมียวที่อยู่ในห้องผู้ป่วยก็ถูกเฉาลี่เฟยยึดโทรศัพท์ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้เรื่องราวโลกภายนอกอีก
แม้แต่ติดต่อกับโอวหยางลี่ก็ไม่ได้รับการอนุญาต เธอไม่ได้เต็มใจ แต่ความเด็ดเดี่ยวของเฉาลี่เฟยนั้นทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่น
จึงทำได้เพียงแต่โกรธและน้อยใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียว โดยเฉพาะอันโหรว!
ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะหลอกเธอ!
เกลียดมากจริง ๆ!
แต่โอวหยางลี่ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานกลับไม่มีกะจิตกะใจในการทำงาน ตราบใดที่เขาหลับตาในหัวสมองของเขาก็คิดแต่เรื่องที่อันโหรวทิ้งเขาไป และตอนนี้ก็ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น
พวกเขาเป็นคู่รักในวัยเด็กมาสิบปี เธอจะทิ้งเขาไปได้ยังไง!
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าในใจเขามีแค่เธอคนเดียว
ปัง!
มือขวาของเขาทุบลงบนโต๊ะทำงาน สายตาเหลือบมองโต๊ะตรงหน้าราวกับเป็นจิ่งเป่ยเฉิน ผู้ชายคนนั้นอันตราย ไม่คิดว่าจะดูภูมิใจในตัวเองขนาดนั้น
เลขาเดินเข้ามาจากด้านนอก เสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาในห้องทำงานที่เงียบสงัด เมื่อโอวหยางลี่ได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาทันที ก่อนจะใช้พละกำลังกวาดของที่อยู่บนโต๊ะลงอย่างแรง เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
เลขาหยุดก้าวเดินและมองไปที่เอกสารที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ตรงเท้าของเธอ เธอเลี่ยงเหยียบเอกสารเหล่านั้น ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะด้านข้างและวางของที่อยู่ในมือลง “ท่านประธานคะ นี่เป็นบัตรเชิญจากบริษัทจิ่งค่ะ”
เดิมทีโอวหยางลี่ก็ไม่คิดจะสนใจเธออยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดว่าบริษัทจิ่งสองคำนี้เท่านั้น เขาก็หวนตกอยู่ในผลึกความคิดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อสลัดภาพพวกนั้นออก
เลขาของเขาโน้มตัวลงไปหยิบเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะจัดแจงเอกสารให้เสร็จสรรพ ทันใดนั้นเองที่ด้านหน้าก็มีบัตรเชิญตกลงมาจากด้านบน
เธอเงยหน้ามองไปที่บัตรเชิญ ก่อนจะพิจารณาอยู่สักพักว่าควรจะจัดการมันยังไง
“ทิ้งไปซะ!” ทันใดนั้นเองเสียงของโอวหยางลี่ก็ดังขึ้นจากด้านหน้า
“ค่ะ” เธอหยิบแฟ้มขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบบัตรเชิญและเตรียมที่จะโยนมันทิ้งไป
แต่ทว่าเมื่อเธอเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงของโอวหยางลี่อีกครั้ง เขาบอกว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว
เธอจึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับวางบัตรเชิญไว้บนโต๊ะ ก่อนจะออกจากห้องทำงานของเขาไป
โอวหยางลี่มองไปที่บัตรเชิญนั้น จิ่งเป่ยเฉินสามคำที่อยู่บนหน้าซองยังคงติดอยู่ในใจของเขาราวกับว่าเป็นความฝัน
งานเลี้ยงวันเกิด?
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่จิ่งเป่ยเฉินจัดงานเลี้ยงวันเกิด เกรงว่าเป้าหมายคงไม่ใช่แค่เพื่อดื่มสุราหรือไวน์อะไรพวกนั้น แต่การที่ส่งบัตรเชิญมายังบริษัทเขาแบบนี้ ถ้าหากเขาไม่ไปก็คงดูน่าตลกสิ้นดี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากได้ไปก็อาจจะเห็นโหรวโหรว ทำไมเขาจะไม่ไป
ข่าวคราวของจิ่งเป่ยเฉินที่จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านพักอวิ๋นเกอถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง A อย่างรวดเร็ว ทางด้านหลินจือเซี๋ยวก็งานยุ่งมากขึ้น ตอนนี้กลายเป็นยุ่งเสียจนทำอะไรแทบไม่ได้
เพราะนอกจากบริษัทจิ่งจะส่งคำเชิญไปให้คนนอกแล้ว ยังมีผู้คนมากมายต่างก็คิดอยากจะได้บัตรเชิญไปงานวันเกิดของจิ่งเป่ยเฉิน เพราะนี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
หากส่งมอบของขวัญไปให้บิ๊กบอสแล้วมีความสุข ในอนาคตให้หลังการร่วมมืออาจจะราบรื่น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าครั้งนี้บัตรเชิญเป็นสิ่งที่หายากมากแค่ไหน
รายชื่อบนการ์ดบัตรเชิญนั้นเธอทำตามเจตนาของจิ่งเป่ยเฉิน คนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อจะเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ แต่รายชื่อของคนเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด