อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 282 ยิ่งใหญ่
ตอนที่ 282 ยิ่งใหญ่
“คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ทำอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงจะดูไม่น่าตื่นเต้นแล้วยังไง อย่างน้อยภายในใจของฉันก็รู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ นะ” อันโหรวดึงเขาให้เดินเร็วมากขึ้น
ชายกระโปรงสีม่วงอ่อนโบกสะบัดไปตามจังหวะการก้าวเดินของเธอ ราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปทั่ว เผยให้เห็นข้อเท้าที่ขาวผ่องเล็กน้อย ดูแล้วงดงามสวยสดราวกับดอกบัวสดใหม่ที่ผลิบาน
“ตื่นเต้นจริง ๆ เหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินเอียงศีรษะหันหน้าไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ เธอแค่คิดอยากจะออกจากห้องนี้มากกว่าถึงจะถูก
“จริง ๆ เปรียบมากกว่าไข่มุกอีกทั้ง….” ตัวของเธอหมุนกลับมา ก่อนจะถูกดันไปชิดกับผนัง โคมไฟที่ติดผนังในทางเดินที่เงียบสงบยามค่ำคืนทำให้ใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอดูเด็กลงกว่าเดิม
เธอจ้องสายตาของเขาที่เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ก่อนจะหลับตา นี่มันอะไรของเขา จู่ ๆ ก็คิดอยากจะจูบทันทีเลยแบบนี้เหรอ?
นี่มันไม่ใช่วิธีคลายความตื่นเต้นเสียหน่อยนะ!
รสจูบที่พัวพันเสียขนาดนั้นส่งผลให้ใบหน้าของเธอค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ เธอลืมตาที่พร่ามัวขึ้นพลางจ้องไปที่ใบหน้าของเขาที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างราบเรียบ “ตอนนี้คนที่ตื่นเต้นกลายเป็นนายแล้วนะ”
“ฉันไม่รีบร้อนหรอก ทำไมพวกเราไม่กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนก่อน?” จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้ามองไปที่เธอ สายตาเลื่อนจากริมฝีปากสีแดง ๆ ของเธอ มองไปยังดวงตาที่สะท้อนใบหน้าของเขา
ขณะนี้เองใบหน้าที่เข้าใกล้ของเขาก็ถูกสะท้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันใดนั้นก็มีมือขาว ๆ มาขวางใบหน้าของเขาไว้
อันโหรวค่อย ๆ ลดมือของตัวเองลงและจับไปที่มือของจิ่งเป่ยเฉิน “ไปได้แล้ว! อย่ามัวแต่เล่น!”
“อืม คืนนี้พวกเรายังมีเวลาอยู่” จิ่งเป่ยเฉินรีบเอามือของเขาเกาะไปที่เอวของเธอ ก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง
เมื่ออันโหรวได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ของเขา เธอก็ยิ่งตั้งเป้าเลยว่าคืนนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้เขาเมาให้ได้ ส่วนเธอจะไม่ดื่ม และให้เขาไปหาฉีเซิ่งเทียน ไม่ก็หมิ่นลี่ ถังซั่ว จะทำให้เขาเมาแบบสุด ๆ ไปเลย
ซึ่งถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินเมาเมื่อไหร่ละก็…..
จบแล้ว ยิ่งไม่กล้าจินตนาการเลย!
แสงคริสตัลสีขาวที่แขวนไว้บนเพดานส่องสะท้อนไปมาภายในห้องจัดเลี้ยง ทำให้สว่างไสวไปทั่วทั้งห้อง ภายในงานเลี้ยงล้วนประดับตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง ถ้าหากอันโหรวมองไม่ผิดละก็ กุหลาบแดงเหล่านี้คล้ายดอกกุหลาบที่จิ่งเป่ยเฉินเคยให้เธอเมื่อวันเกิดของเธอ มันคล้ายกันมาก
จิ่งเป่ยเฉินชื่นชอบอะไร งานเลี้ยงวันเกิดของเขาก็ล้วนจัดแจงให้เหมือนกับสถานที่จัดงานแต่งไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะพื้นที่ตรงกลางเวทีมีดอกกุหลาบสีแดงที่บ่งบอกถึงความรักขนาดใหญ่ประดับไปทั่ว พร้อมกับรอบ ๆ เวทีก็มีผ้าฝ้ายสีม่วงคลุมประดับไปทั่วเช่นกัน
“นี่เป็นความคิดของนายหรือหลินจือเซี๋ยวกันแน่?” อันโหรวอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปถามเขา
“ของเธอสิ” จิ่งเป่ยเฉินหันหน้าไปโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า
“ถึงแม้มันจะสวยงามมากจริง ๆ ราวกับอยู่ในภาพจินตนาการ แต่ทว่าดูไม่ค่อยเหมาะกับบุคลิกอย่างท่านประธานจิ่งเลยสักนิด ไม่สอดคล้องกับอารมณ์ด้วยซ้ำ…..” เธอเหลือบมองไปที่ดอกกุหลาบสีแดงที่อยู่ตรงกลาง ก่อนจะคิดเหนื่อยอยู่ในใจตัวเอง
ที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีพวกนักธุรกิจมากมายที่ต่างแห่กันมา อีกทั้งยังมีนักข่าวมากมายในงานเลี้ยงนี้อีกด้วย พวกเขาตื่นเต้นมากกับการได้บัตรเชิญ เพราะทุกคนในเมือง A ต่างก็รู้กันดีว่าบัตรเชิญอะไรพวกนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าค่ำคืนนี้ไม่แน่อาจจะมีเรื่องใหญ่ปรากฏขึ้นมาก็ได้
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวปรากฏตัวที่งานเลี้ยง พวกเขาต่างก็ได้รับความสนใจในทันที แสงแฟลชจากกล้องสาดส่องมาทั่วทั้งตัวพวกเขา การพูดคุยของพวกเขาสองคนจึงถูกขัดจังหวะขึ้น
“วันนี้ฉันขอไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้นนะคะ ขอโทษด้วย” อันโหรวเอ่ยปากพูดก่อน อย่างไรตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเธอก็มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าเลขา
ก่อนที่นักข่าวจะได้เอ่ยคำถามก็ถูกเธอสกัดดาวรุ่งอย่างไร้ความปรานี
พวกเขาตั้งความหวังไว้ที่จิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ด้านข้างอันโหรว แต่การที่จะให้เขาพูดอะไรสักคำออกมานั้นค่อนข้างยากมากจริง ๆ
จิ่งเป่ยเฉินเดินไปตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับอันโหรวที่อยู่ในอ้อมแขน ครั้งนี้เขาพูดเพียงแค่สี่คำกับเหล่านักข่าว นั่นคือ “ขอให้สนุกนะ”
“ครับ แน่นอน!”
“ประธานจิ่งวางใจได้เลย!”
อันโหรวกับจิ่งเป่ยเฉินเดินไปที่กลางงานเลี้ยง เธอเหลือบมองเห็นโอวหยางลี่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน และผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ใช่เหลียวเว่ย แต่เป็นเหอเหมียวเพียงผู้เดียว
ทั้งสองคนมองหน้าประสานสายตากัน ทันใดนั้นประกายแสงในดวงตาของโอวหยางลี่ก็พลันปรากฏขึ้น ใบหน้าของเขาดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
อันโหรวเหลือบมองไปที่เขา ก่อนจะเดินออกไป เธอบอกว่าไม่ให้เชิญโอวหยางลี่มา แต่ทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงได้เชิญเขามาที่นี่อีก
ถ้าหากทำได้ละก็ เธอเองก็ไม่คิดอยากจะเจอเขาในงานแบบนี้เพื่อมาเป็นอุปสรรคหรอกนะ
“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่คิดจะละสายตาจากนายด้วย และจะไม่ออกจากข้าง ๆ นายแน่ นายวางใจเถอะ ฉันไม่คิดจะออกไปไหนทั้งนั้น” มีบทเรียนครั้งที่แล้วถึงสองสามรอบ อีกอย่างค่ำคืนนี้ก็เป็นวันเกิดของเขา เธอไม่มีทางยอมออกไปแน่ ๆ
“เด็กดี” จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้าลงพลางมองไปที่ตัวเธอ พร้อมกับทำท่าพึงพอใจและเอื้อมมือไปหยิบน้ำผลไม้แก้วหนึ่งมาให้
“นายดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้นะ เดี๋ยวมือนายจะอยู่ไม่นิ่ง” เธอหยิบแก้วที่อยู่ในมือเขาออกมา พร้อมกับพูดดักทางเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก
“พี่เฉิน!” ฉีเซิ่งเทียนเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองเห็นอันโหรวที่คว้าแก้วไวน์ในมือของเขาออกไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทางด้านจิ่งเป่ยเฉินกลับมองไปที่ข้าง ๆ กายของเขาแทน เห็นเป็นเงาคนที่พร่ามัว เมื่อพยายามมองให้เห็นชัดมันก็ยากที่จะมองจริง ๆ “ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายนายคือ?”
หลินจือเซี๋ยวก้มลงมองไปที่กระโปรงเดรสของตัวเอง คืนนี้เธอลืมใส่ป้ายชื่อพิเศษมานี่เอง!
ทำพลาดแล้วสิ!
“หลินจือเซี๋ยว เธอมัวยืนอึ้งทำอะไรอยู่ รีบมาอวยพรพี่เฉินของพวกเราเร็ว วันนี้วันเกิดเขานะ อายุยืนยาวนาน สุขภาพร่างกายแข็งแรง!” ฉีเซิ่งเทียนยื่นแก้วไวน์ไปชนกับแก้วน้ำผลไม้ของจิ่งเป่ยเฉินอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูและดื่มไวน์จนหมดแก้ว
“ผมคิดจะถามคุณอยู่พอดี คุณส่งของขวัญอะไรมาให้กัน?” จิ่งเป่ยเฉินถือแก้วน้ำผลไม้เอาไว้โดยไม่ได้ดื่มหมด ก่อนจะจ้องไปที่ใบหน้าของเธอที่เห็นไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
“เอ๊ะ?” หลินจือเซี๋ยวนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของอันโหรวที่อยู่ด้านข้างตัวเขา บิ๊กบอสถามแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน
เขาถามจริงจังหรือแค่ลองเชิง?
หรือว่าเขาไม่พอใจกับของขวัญชิ้นนั้น?
“เลขาหลิน คุณแอบส่งของขวัญให้พี่เฉินเหรอ?” ฉีเซิ่งเทียนเอียงศีรษะมองไปที่เธอ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและพูดด้วยท่าทางที่สนใจ “ส่งของขวัญอะไรไป พอจะแบ่งปันหน่อยได้ไหม?”
“ผู้จัดการฉี ส่งของขวัญไปแล้วจะเอากลับคืนได้ยังไง ถ้าหากคุณคิดอยากจะได้จริง ๆ ก็รอวันเกิดคุณนะ ฉันจะส่งไปให้ด้วย ไม่แน่อาจจะเซอร์ไพรส์คุณบ้างเหมือนกัน!” ใบหน้าของอันโหรวค่อย ๆ ยิ้มอย่างปกติให้เขา
“อา ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย พี่สะใภ้นี่สมกับเป็นพี่สะใภ้จริง ๆ!” ฉีเซิ่งเทียนมองเธออย่างมีความสุข โดยไม่ได้สังเกตเห็นถึงใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวที่ตอนนี้แตกไปหลายส่วนแล้ว
เมื่อพวกเขาคิดจะเดินออกไป จิ่งเป่ยเฉินก็รีบเอ่ยพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “เมื่อกี้เธอพูดอะไรของเธอ”
“นายกลับไปก็ไม่รู้หรอก จะว่าไปแล้ว แค่พูดทิ้งให้ผู้จัดการฉีเกิดความสงสัยไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง!” อันโหรวโบกไม้โบกมือให้ฉีเซิ่งเทียนสักพัก ก่อนจะพูดต่อว่า “ไปกันเถอะ ไปเล่นกัน”
ฉีเซิ่งเทียนมองพวกเขาอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะดึงหลินจือเซี๋ยวให้เดินออกไปด้วย ทางด้านอันโหรวเห็นฉีเซิ่งเทียนกำลังถามหลินจือเซี๋ยวว่าส่งของขวัญอะไรให้ไป
งานเลี้ยงในตอนนี้ดูคึกคักและมีชีวิตชีวามากจริง ๆ ทันทีที่ฉีเซิ่งเทียนเดินออกไป จิ่งเป่ยเฉินก็ยุ่งมากจนไม่อาจจะเดินไปไหนมาไหนได้ สุดท้ายก็กลายเป็นพูดคุยเรื่องธุรกิจ นี่เป็นครั้งแรกของงานเลี้ยงเลยที่เขาไม่ได้ทำท่าทีเฉยเมย คนส่วนใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ทำได้แค่พยักหน้าเบา ๆ เพื่อเอ่ยทักทายก็เท่านั้น
“ประธานจิ่ง คุณช่างโชคดีจริง ๆ คุณหนูอันสวยงามมากจริง ๆ!”
“คุณหนูอันสมแล้วกับการเป็นผู้หญิงต้นแบบ ไม่เพียงแต่จะสวยงาม แต่ยังโดดเด่นกว่าทุกคนที่เคยพบเห็น!”
มีคำพูดพวกนี้ว่อนอยู่ไปทั่ว แต่ทางด้านอันโหรวกลับรู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อยกับคำพูดที่เอ่ยชมพวกนี้ เธอไม่คิดว่าการอยู่ข้าง ๆ เขาจะต้องเจอคำพูดพวกนี้อยู่ตลอด เล่นเอาซะเธอคิดอยากจะหนีไปจริง ๆ
แต่ทว่าทันทีที่เธอคิดเรื่องพวกนี้ จู่ ๆ ก็ถูกชายที่อยู่ด้านข้างรั้งตัวเธอไว้แล้วดึงไปอีกทาง “ตามฉันมา”
“จำเป็นเหรอ?” อันโหรวมองไปยังดอกกุหลาบสีแดงที่สื่อถึงความรักที่อยู่ตรงกลาง เธอสับสนเล็กน้อย
จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้ามองไปที่เธอ แต่ไม่เอ่ยปากพูดสักคำ ก่อนจะพึมพำอยู่ในลำคอ “อืม….”
คิ้วของเขาค่อย ๆ เลิกขึ้น ก่อนจะเผยอารมณ์ที่ดูเย็นชาและเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยักหน้าอย่างฝืนไม่ได้ ก่อนที่จะถูกเขาดึงขึ้นไป