อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 286 ควบคุม
ตอนที่ 286 ควบคุม
“นิดเดียว? อืม ก็ได้……..”
ด้านนอกค่อย ๆ มีหิมะที่ตกหนักราวกับขนห่าน แต่ภายในห้องกลับเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง หลังจากพัวพันอยู่สักพักก็แทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ
ทางด้านอันโหรวเองในตอนนี้เธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือ ที่พูดว่านิดเดียวคือแบบนี้เหรอ?
ถึงแม้ว่าอันโหรวกับจิ่งเป่ยเฉินจะออกไปแล้ว แต่ภายในงานเลี้ยงก็ยังเต็มไปด้วยความครึกครื้นและดูมีชีวิตชีวา ผู้คนต่างก็แออัดเต็มไปหมด
ฉีเซิ่งเทียนวางมือซ้ายไปบนไหล่ของถังซั่วที่ตอนนี้กำลังเหม่อลอยอย่างเย่อหยิ่ง “พี่ชาย พวกเรามันล้าหลังจริง ๆ ล้าหลังช้าไปตั้งห้าปี ห้าปีเชียวนะ!”
“พวกนายรู้บ้างไหมว่าพี่เฉินนั้นเกินไปจริง ๆ ก่อนหน้านั้นฉันเคยเดิมพันกับเขาไว้เรื่องใครจะแต่งานก่อน โชคดีนะที่ฉันไม่ลงเดิมพันไว้! ไม่งั้นกว่าครึ่งคงไม่มีทางสู้แน่ ๆ ลูกของเขาตั้งห้าขวบแล้วนะ!” ฉีเซิ่งเทียนยื่นนิ้วทั้งห้าออกมาพร้อมกับทำท่าทางราวกับกำลังสั่นเทา
ตอนนี้ภายในหัวของเขามีแต่ภาพจิ่งเป่ยเฉินตัวน้อย ทั้งใบหน้า ท่าทาง และอารมณ์ล้วนแล้วแต่ถอดแบบมาจากจิ่งเป่ยเฉินชัด ๆ
ถังซั่วถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ก่อนจะเหลือบมองไปที่มือของฉีเซิ่งเทียนที่กำลังสั่นไปมา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายก็หามันได้นะ……..”
“หาไม่เจอนี่สิ!” ฉีเซิ่งเทียนดึงมือของเขากลับไปทันที ก่อนจะยกแก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นและเหลือบสายตามองไปยังโอวหยางลี่ที่กำลังเดินออกไปด้วยท่าทางแปลก ๆ
“ถังซั่ว ถ้าหากว่านายเป็นโอวหยางลี่ นายจะโมโหจนบ้าหรือเปล่า?” ฉีเซิ่งเทียนมองไปยังโอวหยางลี่ที่กำลังเดินออกไปจนลับสายตา
“ก็อาจจะ” หากพิจารณาจากปฏิกิริยาของโอวหยางลี่ในวันนี้ เรื่องพวกนี้ก็ไม่แน่เสมอไป
“ให้ตายสิ!” ฉีเซิ่งเทียนวางแก้วไวน์ลง ก่อนจะรีบเดินออกไปจากที่นั่ง
ทางด้านของหมิ่นลี่ที่ยังดื่มไวน์อยู่ เมื่อเห็นฉีเซิ่งเทียนวิ่งออกไปแบบนั้น ส่วนถังซั่วเองก็หายตัวไปเช่นกัน
ช่วงที่เขาดื่มไวน์อยู่แบบนี้ก็ไม่อยากจะวางมันลงอย่างง่าย ๆ
แต่ท้ายที่สุดหลังจากดื่มจนหมด เขาก็วิ่งตามออกไปบ้าง แต่ละวันพวกนี้จะมีสักครั้งบ้างไหมที่จะไม่เกิดปัญหาขึ้น
ภายในหัวของโอวหยางลี่เต็มไปด้วยความหลอกลวง แต่เดิมทีเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความสับสน
ตัวของเขาสั่นเทาเล็กน้อย แสงไฟที่อยู่ด้านหน้าดูหนักอึ้ง มันแสบตาเสียจริง ๆ ถ้าหากมือไม่ได้จับกำแพงไว้เพื่อประคองตัว มีหวังตอนนี้เขาอาจจะล้มลงไปแล้ว
ตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาก็คือภาพของจิ่งเป่ยเฉินกำลังขอโหรวโหรวแต่งงาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเป็นของจริง เขาดูออกได้เลยว่าทุกอย่างที่ปรากฏตรงหน้าล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
ทำไมโหรวโหรวของเขาถึงได้ไปแต่งงานกับคนอื่นแบบนี้!
ไม่มีทาง!
มือขวาของเขาจับไปที่ลูกบิดประตู ก่อนจะออกแรงบิดอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้การตอบสนองใด ๆ เขาบิดมันอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจเปิดมันออกได้
ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าในเมื่อประตูไม่ยอมเปิดออกแบบนี้ก็คงต้อง…..
ปัง ๆ
โอวหยางลี่ยกขาขึ้นถีบประตูอย่างสุดแรง ก่อนจะตะโกนออกมาไม่หยุด “โหรวโหรว! โหรวโหรว…..”
หลินจือเซี๋ยวที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ภายในห้อง เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านนอกก็ตื่นตระหนก แวบแรกที่เข้ามาในหัวคิดว่าประตูน่าจะแข็งแรงพอ!
เสียงที่ตะโกนอยู่ด้านนอกนั้นยังคงไม่หยุดเรียก ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงกระแทกอย่างแรง เธอรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่กล้าที่จะเปิดประตูห้อง เธอมองไปทางซ้ายและทางขวา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอาวุธต่อสู้ได้เลย เธอจึงหยิบแจกันดอกไม้ขึ้นมาและเดินไปที่หน้าประตู
ปัง ๆ ทันใดนั้นประตูที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกเปิดออก
หลินจือเซี๋ยวเห็นแค่ผู้คนที่หันหลังยืนที่อยู่ตรงทางเดิน เธอหลับตาและหยิบแจกันเดินพุ่งเข้าไปหาคนที่กำลังเข้ามาในห้องและใช้แรงฟาดลงไปอย่างเต็มแรง “อ้ากอ้าก…ออกไปนะ ออกไป!”
เพล้ง! เสียงแจกันดอกไม้ตกลงแตกกระจายบนพื้น หลินจือเซี๋ยวรีบถอยหลังกลับ “อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!”
“หลิน จือ เซี๋ยว!” ฉีเซิ่งเทียนเอื้อมมือขึ้นมาจับที่หน้าผากที่ตอนนี้เลือดไหลออกมาเปื้อนที่ใบหน้า
เมื่อหลินจือเซี๋ยวได้ยินเสียงของฉีเซิ่งเทียนก็หยุดชะงักและเงยหน้ามองเขา นอกจากนี้โอวหยางลี่ก็กำลังถูกหมิ่นลี่เหยียบอยู่ที่พื้น ส่วนถังซั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็กำลังก้มลงมองโอวหยางลี่อยู่เช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ เสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของโอวหยางลี่ เธอกลัวจนต้องป้องกันตัวเอง ไม่ได้มีเจตนาอื่น
“กรี๊ด…..นายเลือดออก!” หลินจือเซี๋ยวเดินเข้าไปที่ด้านหน้าฉีเซิ่งเทียนถึงเห็นว่าตรงหน้าผากของเขานั้นมีเลือดไหลอยู่ หนำซ้ำยังหยดลงบนพื้นอีกหลายหยด
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันคิดว่าคนที่จะเข้ามาในห้องเป็นโอวหยางลี่!” แต่ตอนนี้โอวหยางลี่กลับถูกซ้อมจนสลบไปแล้ว ส่วนคนที่โดนทำร้ายกลับกลายเป็นฉีเซิ่งเทียน!
“พวกนายออกไปก่อน!” ฉีเซิ่งเทียนพูดกับถังซั่วที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและปิดประตู แต่ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งอย่างช้า ๆ
เป็นเพราะโอวหยางลี่ที่ถีบประตูอยู่ตลอด ฉีเซิ่งเทียนรีบเดินเข้าไปเตะโอวหยางลี่ทันที ความจริงแล้วโอวหยางลี่เป็นคนเตะประตูต่างหาก
ตัวล็อกประตูนั้นได้พังไปแล้ว…..
“เอ่อ เอ่อ……..” หมิ่นลี่ลากโอวหยางลี่ออกไปและมองไปที่ข้างใน “เลขาหลิน อย่าลืมดูแลฉีเซิ่งเทียนดี ๆ ด้วยนะ ทำแผลไปก่อน พวกเราไปก่อน!”
หมิ่นลี่ลากโอวหยางลี่ออกไปด้วยเท้าโดยไม่ได้กังวลว่าจะลากเขาไปที่ทางเดิน ส่วนถังซั่วก็เดินตามมาด้านหลังอย่างสบาย ๆ ก่อนจะแสยะยิ้มขึ้นมา คืนนี้น่าสนใจเสียจริง ๆ
ภายในห้องหลินจือเซี๋ยว เมื่อเธอเปิดไฟในห้องก็เห็นว่าหัวของฉีเซิ่งเทียนมีเลือดไหลติดกับผมอยู่ เลือดที่ไหลอาบแก้มของเขาเป็นภาพที่น่าตกใจมาก เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน ฉันขอหาก่อนว่ามีกระเป๋ายาอยู่หรือเปล่า!” หลินจือเซี๋ยวหมุนตัวจะจากไป แต่จู่ ๆ ฉีเซิ่งเทียนก็คว้ามือของเธอไว้
แรงกระชากของเขาทำให้ตัวเธอนั้นเซไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง เธอมองหน้าเขาที่มีเลือดไหลอยู่ ภายในใจก็รู้สึกตกตะลึงมากขึ้น
“นายดึงฉันมาทำไม? ฉันจะไปหากระเป๋ายา” ตอนนี้เขากำลังเลือดออกอยู่นะ! เขาไม่รู้ตัวเลยหรือยังไง!
“เธอเป็นแบบนี้จะต้องหาถึงเมื่อไหร่? ลิ้นชักที่สองด้านซ้ายหัวเตียง!” ฉีเซิ่งเทียนปล่อยมือออก ก่อนจะเดินไปด้านใน
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหัว แต่เขายังสามารถทนความเจ็บปวดทางร่างกายได้ และภายในใจก็รู้สึกดีใจ
หลังจากนี้เขาสามารถพึ่งพาเธอได้ในอนาคต คุณค่าของแจกันใบนี้…………
หลินจือเซี๋ยวที่ได้ยินเขาพูดก็รีบไปหากล่องยามาทันที ก่อนจะลากเขาไปนั่งลงที่เตียง “นายรู้ได้ยังไงกัน?”
เธอเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบยังไม่รู้เลย!
“พี่ชายของฉันเป็นใคร? ที่นี่ไม่ได้มาถึงร้อยครั้งก็…..” ฉีเซิ่งเทียนจู่ ๆ ก็เงียบไปทันที เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา
“กี่ครั้งกัน?” หลินจือเซี๋ยวหยิบกรรไกรขึ้นมาเตรียมตัดไปที่ผมของเขา แต่เมื่อกรรไกรแตะไปที่ผมของเขา จู่ ๆ เธอก็หยุดชะงัก
“จู่ ๆ ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่าในบ้านพักนี้มีหมออยู่ นายรอก่อนนะ! ฉันจะไปตามหมอมาให้ แล้วจะรีบกลับมา” หลินจือเซี๋ยวเตรียมวางกรรไกรและลุกขึ้น
ฉีเซิ่งเทียนที่กำลังจะตอบสนองคว้ากรรไกรในมือของเธอไว้
หลินจือเซี๋ยวหยุดชะงักและหันกลับมามองทันที มีเพียงรอยแดงภายในมือ แต่ไม่ได้มีรอยเลือดออก
“ไม่ต้องไปเรียกหมอหรอก แผลแค่นี้ต้องเรียกหมอด้วยเหรอ เธอไม่อาย แต่ฉันรู้สึกว่ามันน่าละอายอยู่นะ!” ฉีเซิ่งเทียนเหลือบมองเธอ ริมฝีปากที่เริ่มซีดนั้นพูดขึ้นมาอย่างใจร้อน “เร็วเข้า! อย่าชักช้าลีลา!”
“นายแน่ใจเหรอว่าต้องการให้ฉันทำ? ฉันทำแผลไม่เป็นนะ และฉันก็ตัดผมนายได้น่าเกลียดด้วย ผู้จัดการฉีคิดดี ๆ ก่อนนะคะ ถ้าหากคุณอยากจะใส่วิกปลอมในอนาคตละก็ ฉันจะเป็นคนช่วยเลือกอันที่หล่อที่สุดเอง” หลินจือเซี๋ยวก้มมองไปที่เขาอย่างลำบากใจ ใบหน้าที่เริ่มซีดขาวมีเลือดที่ไหลสีแดงฉาน
ฉีเซิ่งเทียนคิดในใจว่าการปรากฏตัวด้วยทรงผมที่น่าเกลียดในบริษัทนั้น หากเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่อยากที่จะคิดต่ออีก
“ไป ไป ไปเรียกหมอมาที่ห้องฉัน!” กลอนประตูห้องพังไปแล้ว คงไม่สามารถที่จะนอนในห้องนี้ได้อีกต่อไป