อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 287 ห้ามเลือด
ตอนที่ 287 ห้ามเลือด
“เดี๋ยวก่อน!” หลินจือเซี๋ยวหันหลังพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาหมอ หลังจากได้รับคำตอบ เธอถือกรรไกรอยู่ในมือและมองมาที่เขาอย่างไม่สบายใจ
“อย่างน้อยก็ควรห้ามเลือดก่อนใช่ไหม?” เธอทนดูต่อไปไม่ได้
“คุณอย่าขยับนะ อาจจะมีเศษแก้วอยู่บนหัวของคุณอยู่” เขารู้สึกมึนงงอยู่ตลอดเวลา
ฉีเซิ่งเทียนได้ยินเธอบอกว่าห้ามขยับ แต่เธอก็ยังไม่เห็นได้ลงมือทำอะไร ได้แต่เพียงยืนมองอยู่นิ่ง ๆ และมองไปที่ประตู “ห้องของคุณอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”
“แล้วเธอจะยืนนิ่งทำอะไร? แบบนั้นไม่ต้องช่วยฉันหรอก!” ฉีเซิ่งเทียนยื่นมือไปทางเธอ ท่าทางของเขาราวกับว่าอ่อนแรงและพร้อมที่จะล้มลงได้ทุกเมื่อ
หลินจือเซี๋ยวเห็นแบบนี้ก็รีบโยนกรรไกรลงไปที่เตียงทันที ก่อนจะพยุงฉีเซิ่งเทียนและพาเขากลับไปที่ห้อง ทันทีที่มาถึงห้องของฉีเซิ่งเทียน แพทย์กับพยาบาลก็ได้มาถึงพอดี
ตอนที่เห็นฉีเซิ่งเทียนเลือดออกที่ศีรษะ ทั้งสองต่างก็มองมาที่เธอในฐานะผู้ที่ลงมือทำเรื่องนี้
ให้ตายสิ! เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้เสียหน่อย
ถ้าหากเธอรู้ว่าเป็นฉีเซิ่งเทียนที่เดินเข้ามา ต่อให้มอบความกล้านับหมื่นมา เธอก็คงไม่กล้าทุบตีเขาหรอกนะ!
เพราะแจกันพวกนั้นไม่รู้ว่ามันจะมีราคาแพงหรือเปล่า? เผลอ ๆ พรุ่งนี้เธอน่าจะล้มละลายเลยก็ว่าได้
และก็เป็นอย่างที่เธอพูดไว้ไม่มีผิด ที่หัวของเขายังมีเศษแก้วอยู่เล็กน้อย โชคดีที่เธอจำได้ว่าที่นี่มีหมออยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เป็นฆาตกรฆ่าฉีเซิ่งเทียนตายแล้วแน่ ๆ
หลังจากพันแผลเสร็จเรียบร้อย หมอกับพยาบาลก็ได้จากไป ปล่อยให้หลินจือเซี๋ยวคอยดูแลผู้ป่วยอยู่ที่นี่
ฉีเซิ่งเทียนกำลังนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาขาวซีด ริมฝีปากก็ซีดเซียว ทุกอย่างดูแล้วบ่งบอกถึงอาการที่ไม่ค่อยดีนัก
หลินจือเซี๋ยวรีบเอายามาไว้ในมือ พร้อมกับนั่งลงและยื่นน้ำอุ่น ๆ ไปให้เขา “ผู้จัดการฉีกินยาก่อนนะคะ แล้วค่อยนอน”
หลังจากที่เธอพูดก็เกิดอาการเงียบงันนานอยู่สักพัก ฉีเซิ่งเทียนไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น เขายังทำท่าทางราวกับว่าหลับไปแล้ว
“ผู้จัดการฉี ถ้าหากคุณนอนไปแล้ว งั้นก็ไม่ต้องกินยาละกัน” เธอคิดจะวางมันลง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฉีเซิ่งเทียนที่พยายามจะพูดขึ้น
“หลินจือเซี๋ยว เธอนี่มันโง่หรือเปล่า? เธอจะปล่อยให้ฉันตายหรือยังไง ไม่ให้ฉันกินยาแบบนั้น!” เมื่อครู่เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเอ่ยคำพูดอะไรออกมา แต่พอได้ยินสิ่งที่เธอพูดก็รู้ว่าถ้าหากตัวเองไม่พูดไปละก็ มีหวังค่ำคืนนี้คงปวดไปทั้งตัวแน่ ๆ เพราะงั้นเลยต้องฝืนพยายามพูดให้หลินจือเซี๋ยวรับรู้
ความสามารถในด้านการทำงานก็ถือว่าดี แต่ความฉลาดทางด้านความคิดนี่ยังต่ำไปหน่อยจริง ๆ ……..
“ฉันไม่คิดจะรบกวนเวลาคุณนอนหลับหรอกนะคะ! ในเมื่อคุณหลับได้ก็ถือว่าคุณไม่เป็นอะไรมากแล้ว” เมื่อครู่นี้หมอบอกว่ายาที่อยู่ในมือของเธอนั้นเป็นยาบรรเทาอาการปวด มันจะทำให้ง่วง ในเมื่อเขาหลับไปแบบนี้ ยาก็ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว
ฉีเซิ่งเทียนฝืนลืมตาขึ้นมองไปที่เธออย่างยากลำบาก ก่อนจะอ้าปากและพูดสองคำมาว่า “ป้อนหน่อย!”
“งั้นให้ฉันประคองคุณขึ้นมาก่อนก็แล้วกัน” หลินจือเซี๋ยววางแก้วน้ำกับยาลง ก่อนจะก้มตัวเพื่อช่วยประคองฉีเซิ่งเทียน
แต่ก็ต้องพบเรื่องน่าเศร้าเพราะตัวเธอนั้นไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะยกฉีเซิ่งเทียนขึ้นมาได้
เหมือนกับว่าน้ำหนักของเขามันถ่วงรั้งเอาไว้ไม่ให้เธอประคอง ซึ่งตัวเธอที่มีแรงอยู่เพียงน้อยนิดจึงไม่สามารถพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาได้
“ผู้จัดการฉี งั้นคุณก็นอนกินยาไปละกัน!” แขนทั้งสองข้างของเธอเริ่มเมื่อยล้า แต่เขาก็พยายามจะขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังห่างไกลกับการนั่งปกติอยู่มาก
“เธอไม่รู้วิธีป้อนด้วยปากหรือไง?” ฉีเซิ่งเทียนหลับตาลงก่อนจะพูดขึ้น ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ภายในหัวปรากฏภาพเมื่อครั้งก่อน หัวใจของเขาเริ่มที่จะเต้นอย่างรุนแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
หลินจือเซี๋ยวมองไปที่ริมฝีปากซีด ๆ ของฉีเซิ่งเทียน ก่อนจะนึกถึงภาพครั้งที่ฉีเซิ่งเทียนจูบเธอในครั้งนั้น “ผู้จัดการฉี คุณต้องการลิปสติกรสอะไร หรือจะให้ฉันช่วยหาให้สักอัน ตอนนี้คุณจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย ๆ”
เธอไม่มีทางคิดอยากจะป้อนยาเขาด้วยปากแน่ ๆ เรื่องจูบแรกเมื่อตอนนั้นก็ช่างมันเถอะ แต่เธอไม่มีทางให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเป็นครั้งที่สองด้วยน้ำมือของเขาในตอนนี้หรอกนะ
ฉีเซิ่งเทียนทำท่าจะสลบไปตั้งนานแล้วเพราะทนไม่ไหว แต่เมื่อได้ยินเสียงเธอที่บอกจะหาลิปสติกให้สักแท่ง มันก็ทำให้เขาไม่สามารถนอนหลับอย่างสบาย ๆ ได้เลย
ผู้หญิงคนนี้รับมือยากจริง ๆ ขนาดเขาบาดเจ็บแบบนี้ เธอยังไม่คิดจะปรานีเลยสักนิด
ด้วยเหตุนี้เอง ฉีเซิ่งเทียนจึงพยายามลืมตาขึ้นมา เขาเหลือบมองไปยังมือของเธอ ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดึงเธอให้เข้ามาหา
ในที่สุดก็คิดว่าสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะหลุดมือไปไหนอีก………..
“ผู้จัดการฉี ผู้จัดการฉี?” หลินจือเซี๋ยวมองไปที่ข้อมือของตัวเองและพยายามจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดสลัดให้หลุดออก แต่ทว่าก็ไม่สามารถสลัดให้หลุดพ้นได้
หรือว่าเขาคิดจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีทำเรื่องไร้สาระในตอนนี้?
“ฉีเซิ่งเทียน!” เธอตะโกนขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ยินเสียงตอบกลับของฉีเซิ่งเทียนเลยสักนิด ได้ยินแค่เพียงเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาเท่านั้น
ครั้งนี้เขาหลับแล้วจริง ๆ ….
แล้วเธอจะทำยังไงดี?
วันนี้เธอยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้ก็ง่วงมากแล้วด้วย!
คิดอยากจะนอนหลับจะแย่อยู่แล้ว!
เธอยืนอยู่ข้างเตียงเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เปลือกตาบนจะค่อย ๆ หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามคิดจะฝืนรั้งสายตาไม่ให้หลับลง
แต่เมื่อเธอหรี่สายตามองไปบนเตียง ข้าง ๆ ตัวของฉีเซิ่งเทียนนั้นมีพื้นที่ว่าง ๆ พอดี ซึ่งถ้าหากเธอนอนก็สามารถหันซ้ายเพื่อนอนหลับได้อย่างพอดี
เตียงนี่มันช่างใหญ่ดีจริง ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ในที่สุดเธอก็ถอดรองเท้าออก ก่อนจะเปิดผ้าห่มและมุดเข้าไปข้างใน จากนั้นก็นอนตะแคงซ้าย ส่วนมือของฉีเซิ่งเทียนก็กดไว้ใต้คอของเธออย่างตรงจุด หากฉีเซิ่งเทียนเริ่มเอนตัวเข้ามาใกล้เธอแล้วละก็ เธอจะรู้สึกตัวและรีบลุกขึ้นออกจากเตียงทันที เมื่อจัดแจงเสร็จเรียบร้อย เธอได้กลิ่นยาจาง ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป
ครั้งนี้เธอง่วงมากจริง ๆ
หิมะยังคงตกหนักตลอดทั้งคืน ก่อนจะหยุดไปในช่วงตอนเช้าเวลาหกโมง เมื่อท้องฟ้าได้กลายเป็นสีสดใส หิมะด้านนอกก็สะท้อนแสงไปทั่วทุกมุมห้องราวกับเห็นภายในห้องอย่างชัดเจน
“อืม…….” หลินจือเซี๋ยวเคยชินกับการพลิกตัวเป็นนิสัยอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอขยับท่าทางแบบนี้ เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้จนไม่กล้าขยับไปไหน!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอม้วนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฉีเซิ่งเทียนแบบนี้?
ไหนจะท่าทางกอดที่ดูคลุมเครือนี่อีก หลินจือเซี๋ยวรู้ตัวดีจึงไม่กล้าขยับไปไหนมาก เธอแค่อยากจะนอนหลับไปสักพักหนึ่งเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงเจอเรื่องยาก ๆ แบบนี้ได้
หลังจากที่ขยับตัวเล็กน้อยอย่างยากลำบาก แก้มของเธอก็ค่อย ๆ ปรากฏรอยแดงขึ้นมาอย่างเขินอาย เพราะสิ่งที่เธอเผชิญอยู่มันน่าเขินอายเสียจริง ๆ เธอหายใจเข้าออกอย่างแรง ๆ ก่อนจะคิดหาวิธีออกจากที่นี่ไปอย่างเงียบ ๆ ทางที่ดีที่สุดก็คือการไม่ทำให้ฉีเซิ่งเทียนต้องถูกรบกวน
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นสถานการณ์แบบนี้
มันน่าอายจนเกินจะทนไหว……
เธอยกแขนของฉีเซิ่งเทียนออกอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ไม่ได้หวังจะสัมผัสมือเขาเท่าไร แต่ทันใดนั้นตัวของเธอก็ถูกเขาจับไว้ ก่อนจะถูกดึงให้เข้าไปในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนแนบชิดติดกันแทบทุกส่วน ราวกับไม่หลงเหลือช่องว่างใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ผู้จัดการฉี คุณตื่นแล้วเหรอ?” เธอพยายามจะเงยหน้าขึ้นไปมองดูว่าฉีเซิ่งเทียนนั้นลืมตาขึ้นแล้วหรือยัง
แต่ฟังจากเสียงลมหายใจของเขาก็ดูเหมือนเขาจะตื่นขึ้นแล้ว
ฉีเซิ่งเทียนปวดหัวมาก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเมื่อคืนหลินจือเซี๋ยวไม่ยอมให้เขากินยา เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาอยากได้อะไรอย่างอื่นมากกว่ายาแก้ปวดซะแล้วสิ
นั่นก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า………….