อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 290 รับผิดชอบจนถึงที่สุด
ตอนที่ 290 รับผิดชอบจนถึงที่สุด
เธอที่ดูเหมือนว่าจะเห็นรอยยิ้มชัยชนะจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างชัดเจน เธอไม่ได้รับปากไปแล้วเหรอว่าจะรับผิดชอบจนถึงที่สุด?
คนแบบนี้ทำไมถึงไม่เชื่อเธอ!
“ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรกคงดีกว่านี้ถ้าเป็นหมิ่นลี่หรือประธานถังที่พุ่งตัวเข้ามาในห้อง ผู้จัดการฉี คุณมันใจแคบเกินไปแล้ว!” เธอก้มศีรษะและพูดขึ้นเบา ๆ ถึงแม้เสียงจะเบาแต่คนอื่น ๆ ก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เนื่องจากบริษัทของถังซั่วนั้นมีบางอย่างต้องจัดการจึงออกไปตั้งแต่เช้า ส่วนหมิ่นลี่ก็กำลังเอนหลังมองดูเธอ “ถ้าหากฉันเข้าไปก่อนละก็! ฉันเองก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายหรอก แน่นอนว่าต้องให้ฉีเซิ่งเทียนจ่ายให้ เขาและพี่เฉินเป็นมิตรที่ดีต่อกัน สามารถต่อรองราคากันได้ ค่อนข้างจะคุ้มค่า!”
เขาต้องออกไปจากตรงนี้แล้ว ตรงนี้กลายเป็นสวรรค์แห่งการแสดงความรัก คนโสดแบบเขานั้นไม่เหมาะสมกับตรงนี้
“ที่รัก พวกเราไปแช่น้ำพุร้อนกันเถอะ!” อันโหรวอุ้มหน่วนหน่วนขึ้นมากอด พวกเขาเองก็ควรจะออกไปจากตรงนี้เช่นกัน
จิ่งเป่ยเฉินจูงมือหยางหยางและเดินออกไป ภายในห้องโถงใหญ่นั้นไม่นานก็เหลือเพียงทั้งสองคนที่ยืนมองดูกันอยู่
“ผู้จัดการฉี แจกันใบนั้นเท่าไรเหรอคะ?” หากรู้ก่อนหน้านี้เธอน่าจะใช้โคมไฟทุบไปที่เขาแทน
“250”
“คุณสิ250![1]” หลินจือเซี๋ยวเหลือบมองเขา ก่อนจะนั่งลงตรงที่หมิ่นลี่นั่งในตอนแรกด้วยท่าทางที่หงุดหงิด
เธอเสียเปรียบแล้ว!
ฉีเซิ่งเทียนชำเลืองมองเธออย่างเฉื่อยชา ริมฝีปากยิ้มขึ้นอย่างลุ่มลึก “ตามเงินเดือนของเธอแล้ว ไม่กินไม่ใช้เลยตลอดสี่ปีก็จบแล้ว ไม่ต้องใช้ชีวิตที่ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น คนอย่างฉันพูดง่าย ถ้าเธอทำให้ฉันอารมณ์ดี ไม่แน่ว่าฉันอาจจะให้ส่วนลดกับเธอก็ได้นะ”
“งั้นฉันยอมไม่กินไม่ใช้เงินเลยตลอดสี่ปีจะดีกว่า!” เธอยังสามารถย้ายไปบ้านโหรวโหรวและตีเนียนกินข้าวฟรีได้อยู่ไหมนะ?
“ไม่มีอนาคต!”
หลินจือเซี๋ยวนั้นได้ยินคำพูดแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจากปากของเขา ก่อนจะเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา “นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องมายุ่ง ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์และตามนิสัยของประธานจิ่ง ถ้าหากคุณไม่ขัดเขา มันก็แค่แจกันเท่านั้นเอง เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว!”
“ว้าว…….ฉลาดมาก แต่ก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าหนี้ของเธอแล้ว”
“คุณยังกล้าพูดว่าจะให้ห้าล้านกับประธานจิ่ง?” พวกเขาเพิ่งจะลงมาด้านล่าง ทำไมจู่ ๆ ถึงให้เงินกับประธานจิ่งเร็วขนาดนั้นจนเธอเองก็ไม่ทันมอง
เมื่อฉีเซิ่งเทียนได้ยินคำพูดของเธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หลินจือเซี๋ยว เธอเพิ่งจะมีความกล้าขึ้นมา บางทีเธออาจจะไม่ต้องชดใช้เลยก็ได้”
เมื่อตอนที่จิ่งเป่ยเฉินอยู่ ทำไมเธอถึงไม่กล้า!
“ผู้จัดการฉี หลังจากนี้พวกเราพยายามอยู่ห่างกันไว้ดีกว่า นอกจากจะคุยกันแค่เรื่องงานเรื่องเดียวเท่านั้น ดีไหม?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเสแสร้งจอมปลอม
แต่ว่าดูเหมือนฉีเซิ่งเทียนยังดูสบายใจที่แกล้งเธอจนโกรธได้ง่ายแบบนี้!
……..
วิลล่าสีขาวในเขตชานเมือง A เหลียวเว่ยกำลังนั่งเล่นไอแพดอยู่บนเตียง บนหน้าจอนั้นเป็นคลิปวิดีโอที่จิ่งเป่ยเฉินขออันโหรวแต่งงานเมื่อคืนวาน ในฉากที่โรแมนติกและอบอุ่นนั้น เธอเห็นเงาของโอวหยางลี่อยู่ภายในงานด้วย
หากพูดเกี่ยวกับโอวหยางลี่ในที่เกิดเหตุนั้น สื่อข่าวเองก็รายงานว่าเขานั้นก็อยากจะเป็นคนรับของไม่ดีต่อเหมือนกัน
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มที่เย็นชาและผิดหวังออกมา ผู้ชายที่เธอชอบ คนที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยชอบเธอเลย เธอรับรู้อย่างชัดเจนเพราะงั้นคนที่พ่ายแพ้ถึงที่สุดนั้นคืออันโหรวหรือเธอกันแน่?
คลิปวิดีโอเล่นไปจนตอนท้าย บนหน้าจอก็ปรากฏตัวหยางหยางที่ใส่ชุดสูทสีดำขนาดเล็ก ดูเหมือนสุภาพบุรุษผู้ดีชาวอังกฤษ และข้าง ๆ นั้นก็มีหน่วนหน่วนที่ใส่ชุดกระโปรงเจ้าหญิงที่น่ารักอยู่ มือของเธอสั่นขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทันทีที่เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกพ่อ
สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่คิดว่าเด็กผู้ชายที่ชื่อหยางหยางนั่นจะเหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินขนาดนั้น เหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินในเวอร์ชั่นตัวน้อย!
เธอขว้างไอแพดที่อยู่ในมือลงบนพื้น เธองอขาทั้งสองข้างและเอามือทั้งสองข้างกุมไปที่หัว ไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นเมื่อครู่
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! ลูกของอันโหรวจะเป็นลูกของจิ่งเป่ยเฉินได้ยังไง! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมีลูกด้วยกันถึงสองคน!” เหลียวเว่ยยอมที่จะเชื่อความจริงพวกนี้
อันโหรวกำจัดลูกของเธอไป แต่แผงกั้นระหว่างเธอกับจิ่งเป่ยเฉินนั้นใหญ่มาก เด็กทั้งสองคนนั้นน่ารักมาก!
ถ้าหากว่าเธอคลอดลูกของเธอออกมาจะต้องน่ารักแน่ ๆ!
“อันโหรว……..”
เธอกัดฟันพูดชื่ออันโหรวออกมา คนที่เกลียดไปชั่วชีวิต!
ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นด้อยกว่าเธอหนึ่งขั้นเสมอ ไม่เพียงแต่จะทำให้เธอกับโอวหยางลี่ต้องหย่ากัน หนำซ้ำยังทำให้ตระกูลเหลียวต้องล่มสลายอีก
ในตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีสิทธิ์อะไรกัน!
เธอไม่ยอม ไม่ยอม!
“อ้ากกก….” เธอเอามือกุมหัวและร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
…….
เมือง A ในช่วงนี้เต็มไปด้วยเรื่องงานแต่งของจิ่งเป่ยเฉินกับอันโหรว และยังมีข่าวของโอวหยางลี่ที่สู่ขอหญิงสาวที่สูงส่งเมื่อห้าปีก่อน แต่จู่ ๆ ก็หย่าร้างกัน ในงานขอแต่งงานของจิ่งเป่ยเฉินนั้นพูดกล่าวกันมาแบบนั้น
ทุกคนที่เข้าร่วมงานแต่งงานของโอวหยางลี่เมื่อห้าปีที่แล้วนั้นรู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างพวกเขา ในโลกโซเชียลนั้นก็มีลงข่าวไว้มากมาย
เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นในเรื่องความบันเทิง ในตลาดการแข่งขันระหว่างโอวหยางกรุ๊ปกับอุตสาหกรรมหยกบริษัทจิ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บริษัทจิ่งได้วางขายคอลเลกชันใหม่ล่าสุดที่ออกแบบโดยวิเวียน นักออกแบบชื่อดังระดับนานาชาติ เมื่อวางตลาดก็กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่อุตสาหกรรมด้านแฟชั่น
ดาราดังต่างเข้าร่วมงานแถลงข่าว บันทึกรายการวาไรตี้ มีตติ้ง และกิจกรรมอื่น ๆ สามารถเห็นเบื้องหลังของบริษัทจิ่ง ทำให้ปราบโอวหยางกรุ๊ปได้
และทำให้โอวหยางลี่นั้นโกรธเป็นอย่างมาก แต่เดิมทีเขาเองก็คิดหาวิธีแก้ไม่ออก ดาราดังส่วนใหญ่เองก็อยู่ภายใต้สื่อของตระกูลถัง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างถังซั่วและจิ่งเป่ยเฉินยากที่จะทำลายตรงส่วนนี้ได้
ดูเหมือนว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นจะครอบคลุมได้เปรียบไปกว่าครึ่ง บรรยากาศภายในบริษัทจิ่งนั้นก็ดีมากเช่นกัน ช่วงนี้อันโหรวยุ่งอยู่เกี่ยวกับเรื่องตระกูลอันของเธอในปีนั้น
เฉาลี่เฟยโล่งใจมาก ตอนนี้เธออยู่ที่บ้านทุกวัน ตอนเช้าก็ไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมเหอเหมียว แม้แต่บริษัทก็ไม่ได้เหยียบเข้าไป ด้านโอวหยางลี่เองก็ไม่เคยกลับมา
แต่ก็ไม่สามารถรับประกันว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์กันจริง ๆ ตอนนี้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ไม่รู้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ผ่านไปได้ดีหรือเปล่า
เธออดไม่ได้ที่จะหันออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง หิมะขาวโพลนที่อยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าตอนนี้แม่ของเธอนั้นอยู่ที่ไหน
ทำไมจู่ ๆ ก็หายไป?
“พี่โหรวโหรว!”
อันโหรวได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็หันกลับไปยิ้มให้ทันที “หิมะตกหนักขนาดนี้ เธอโทรศัพท์มาก็ได้ จะมาด้วยตัวเองทำไมกัน?”
อวี๋กุยห่าวยิ้มตอบกลับ “ฉันก็คิดอย่างนั้น! แต่พี่ก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ชอบออกมาในงานที่คึกคักแบบนั้น ครั้งก่อนได้ดูคลิปวิดีโอที่พี่ตอบรับคำขอแต่งงานของประธานจิ่งไป เพราะงั้นจะไม่มามอบของขวัญให้พี่ได้ยังไงกัน!”
“ก็ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย! รีบให้ของขวัญทำไมกัน” นี่ผ่านมาแล้วสิบวัน แต่วิเวียนเพิ่งส่งของมา ต้องเป็นของขวัญที่ล้ำค่ามากแน่ ๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้ ไม่กล้าเปิดออกดู” อวี๋กุยห่าวหยิบกล่องสีฟ้าที่ห่อมาอย่างประณีตนั้นออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะยื่นไปให้เธอ
หลังจากที่อันโหรวรับมาก็เปิดมันออก ด้านในเป็นกำไลหยกที่สวยงาม สีใสดุจคริสตัล ดูแล้วเหมือนเป็นของของตระกูลอัน
ทันใดนั้นเธอก็หยิบกำไลหยกนั้นขึ้นมา เปิดไฟส่องดูอย่างละเอียดและระมัดระวัง เธอเห็นรอยเล็ก ๆ สองรอย เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมาก
เธอจำได้ว่าเธอเคยทำกำไลหยกแตกไปหนึ่งครั้ง ของพวกนี้ในตระกูลอันมีเยอะมาก เธอเพียงแค่ดูรอยเล็ก ๆ นั้นก็นึกขึ้นมาว่าซ่อมมันตั้งแต่เมื่อไหร่ จนลืมที่จะบอกพ่อของเธอ
ในท้ายที่สุดกำไลหยกบนมือเธอในตอนนี้กับกำไลหยกที่เธอเคยทำแตกเมื่อก่อนนั้นดูเรียบง่ายคล้ายกันมาก โดยเฉพาะรอยแตกบนนั้น
[1] เป็นคำสแลงหมายความว่า โง่ ไม่เต็มบาท บ้า