อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 291 ฉันชอบมาก
“พี่โหรวโหรวมีอะไรหรือเปล่า?” อวี๋กุยห่าวก็อยากจะก้มลงดูเช่นกัน แต่โต๊ะทำงานนั้นกั้นเอาไว้ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน
“เปล่า ฝากบอกพี่ฉันหน่อยว่าฉันชอบมันมาก” เธอจับข้อมือของเธอแล้วเขย่าเล็กน้อย ความรู้สึกที่เย็นชาของเธอนั้นเหมือนจะกระทบเข้ามาที่หัวใจของเธอ มันเจ็บปวดจนเกินบรรยาย
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ!”
หลังจากที่อวี๋กุยห่าวเดินออกไป เธอก็รีบถอดกำไลข้อมือนั่นออกทันที ตระกูลอันที่ล่มสลายในตอนแรก ของของตระกูลอันนั้นแตกกระจัดกระจายถือเป็นเรื่องปกติ พี่วิเวียนอาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลอันจึงส่งมันมาให้กับเธอ
เธอหยิบกล่องขึ้นมาและเอากำไลข้อมือนั้นใส่เก็บเข้าไปในกล่อง แต่กลับรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ตลอด
เธอหยิบกำไลข้อมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เมื่อหยิบมันออกมาจากแผ่นรองกล่อง หรือว่าหยิบแรงเกินไป?
แต่วินาทีต่อมาก็ทำเธอยิ้มไม่ออก
ด้านล่างแผ่นรองนั้นมีกระดาษโน้ตเล็ก ๆ อยู่ วิเวียนนี่ชอบให้ของเซอร์ไพรส์เกินไปไหม?
เธอเปิดกระดาษโน้ตนั้นออกและอ่านไปที่ข้อความนั้น ร่างกายของเธอแข็งทื่อขึ้นมาทันที……
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ลายมือนั้นเหมือนลายมือแม่ของเธอเอามาก ๆ และยิ่งไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษนั้น
บนกระดาษเขียนตัวอักษรง่าย ๆ อยู่เจ็ดคำ ทุกคำนั้นล้วนเหมือนสายฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางอกของเธอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ็บปวดจนยากที่จะเชื่อ
‘ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉิน!’
ทำไมถึงไม่ยอมให้เธอแต่งกับเขา?
ของสิ่งนี้ต้องเป็นแม่ เธอจำลายมือของแม่ได้ดี ไม่ผิดแน่!
หากสามารถส่งของนี้มาให้วิเวียนได้ พวกเขาเคยติดต่อกันงั้นเหรอ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอก็โยนกำไลหยกนั้นเข้าไปในกล่อง เธอไม่ได้สนใจที่จะบอกกับจิ่งเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบออกไปจากบริษัททันที
เธอต้องไปถามให้ชัดเจนว่าของสิ่งนี้เป็นแม่ของเธอ หรือเป็นวิเวียนที่กำลังเล่นตลกกับเธอ
คลิปวิดีโอขอแต่งงานของพวกเขาถูกเผยแพร่ออกไปสิบวัน ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหนของมุมโลก เธอก็มีเวลามากพอที่จะส่งมา หรือแม้กระทั่งส่งโน้ตนี้มาให้เธอ!
ตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาบ้านจิ่งเป่ยเฉิน เธอก็ไม่ได้ขับรถอีกเลย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหิมะที่ตกหนักมากในวันนี้ ถนนหนทางนั้นค่อนข้างลื่น แต่เธอก็ยังขับด้วยความเร็วเพื่อจะไปบ้านวิเวียน
เมื่อถึงที่หมายเธอก็ลงจากรถและมุ่งไปที่ประตูบ้าน กดกริ่งอยู่สองครั้ง เสียงวิเวียนจากด้านในก็ดังขึ้นมา หัวใจของเธอตอนนี้สับสนวุ่นวายและเป็นกังวลมาก
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าประโยคนั้นของแม่หมายความว่ายังไง หรือว่าเรื่องตระกูลอันกับจิ่งเป่ยเฉินจะมีความเกี่ยวข้องกัน?
เมื่อความคิดนี้ผุดเข้ามาในความคิด ความสงสัยภายในใจของเธอก็ยิ่งคิดซ้ำวนไปวนมาอยู่ตลอด
เมื่อวิเวียนเปิดประตูออกก็มีลมแรงพัดเข้ามาทันที เธออดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อยเพราะเธอออกมาด้วยความรีบจึงไม่ได้สวมผ้าพันคอมาด้วย
“โหรวโหรวรีบเข้ามาเร็ว ข้างนอกมันหนาว” เมื่อวิเวียนเห็นเธอ ภายในใจก็เป็นห่วงขึ้นมา รีบพาเธอเข้าไปด้านใน
ทันทีที่อันโหรวเข้าไปในบ้านก็รู้ว่าตัวเองนั้นขับรถมาเร็วมาก อวี๋กุยห่าวเองก็ยังไม่ได้กลับมา
“เธอนั่งลงก่อน ฉันจะไปเอาน้ำชามาให้ ร่างกายจะได้อุ่น ๆ” วิเวียนหันตัวกลับไป แต่จู่ ๆ อันโหรวก็จับแขนของเธอเอาไว้
“ฉันมีเรื่องด่วน” เธอปล่อยมือออกและหยิบกำไลหยกขึ้นมา
เธออยากจะสงบสติอารมณ์ แต่กลับพบว่าตัวเองนั้นไม่สามารถทำได้เลย ภายในใจของเธอนั้นเต้นรัว ริมฝีปากของเธอก็สั่นเทา ก่อนจะพูดออกมาว่า “อันนี้เป็นของที่พี่ให้ฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”
“มีอะไรหรือเปล่า?” วิเวียนรับกำไลหยกนั้นมา “ถึงแม้บนนี้จะมีรอยตำหนิเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบมันนะ”
“ไม่ใช่พี่ที่ส่งมันมาใช่ไหม?” อันโหรวหยิบกระดาษโน้ตที่ยับเล็กน้อยชูขึ้นมาตรงหน้าของเธอ “พี่คะ พี่ต้องรู้จักลายมือบนกระดาษนี้แน่ มันเป็นลายมือของแม่ มันเป็นลายมือของแม่!”
วิเวียนจ้องไปที่ลายมือนั้น และแน่นอนว่าสังเเกตไปที่ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นด้วย
“เมื่อวานฉันได้รับมันมา แต่ไม่ได้เปิดอ่าน จากนั้นก็ได้รับอีเมลแจ้งว่ามอบให้กับเธอ” วิเวียนเองก็ไม่ได้ปิดบังความจริง แล้วเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป่ยจิ่งเยว่อยู่ที่ไหน
“คอมพิวเตอร์ ฉันขอดูอีเมลนั้นหน่อย!” ถ้าหากหาไอพีเจอก็จะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของแม่ได้ แบบนั้นก็ดีเลย
“โหรวโหรว เปล่าประโยชน์ หลังจากที่ฉันเปิดมันดู อีเมลนั้นก็เปิดดูไม่ได้อีกแล้ว ฉันให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบแล้ว ตำแหน่งไอพีก็หาไม่เจอ และถึงแม้จะหาตำแหน่งไอพีเจอ เธอก็คงจะรีบเปลี่ยนที่อยู่ไปแล้ว”
ไม่ว่าวิเวียนจะพูดยังไง แต่เธอก็ยังดื้อรั้นอยากจะดูอีเมลนั้น
คอมพิวเตอร์อยู่ตรงหน้าเธอ มือขวาจับไปที่เม้าส์ด้วยความตื่นเต้น มีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย เธอค่อย ๆ ขยับเม้าส์เลื่อนไปกดดูตรงกล่องจดหมาย
อีเมลอื่น ๆ นั้นเป็นอีเมลเกี่ยวกับงาน แต่มีเพียงแค่อีเมลเดียวที่ไม่มีชื่อ
เธอคลิกเข้าไปเปิดดู แต่มันกลับเด้งออกไปอีเมลหน้าแรก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีเมลฉบับนี้ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้แล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเองก็หาตำแหน่งไอพีไม่เจอ แล้วเธอจะไปหาเจอได้ยังไง
เธอเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างสลดใจ ก่อนจะมองไปที่ข้อความบนกระดาษโน้ตอีกครั้ง ‘ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉิน!’
เธอหลับตาลงฟังเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เธอ ภายในใจของเธอตอนนี้สับสนมาก “พี่คะ พี่ว่าแม่หมายความว่ายังไง?”
วิเวียนถือถ้วยชาร้อน ๆ มาวางไว้ให้เธอตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “โหรวโหรว อย่าไปคิดมาก ความสุขของตัวเองนั้นสำคัญที่สุดนะ ถ้าหากว่าเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ พี่ก็สนับสนุน”
“แต่ว่าแม่ไม่สนับสนุน ไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุน แต่ยังใช้น้ำเสียงที่รุนแรงแบบนั้นด้วย” ในความทรงจำของเธอ แม่ของเธอเป็นคนที่อ่อนโยน ไม่เคยดุเธอตั้งแต่เด็กจนโต
แทบจะไม่เคยได้ยินคำว่าไม่จากเธอเลยด้วยซ้ำ
“โหรวโหรว…..” วิเวียนมองเธอที่เศร้าแบบนั้น แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจยังไงดี
เมื่อก่อนไม่ว่าจะตอนไหน อันโหรวก็เป็นเด็กที่แข็งแกร่งเสมอ แต่เพราะคำพูดที่มีเงื่อนงำประโยคนั้นกลับทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
“อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่นะ ถูกไหม?” ทันใดนั้นอันโหรวก็ยิ้มขึ้นมา
นี่คือความโชคดีในโชคร้ายสินะ
เธอลืมตาขึ้นและเตรียมจะยกน้ำชาขึ้นดื่ม โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น วิเวียนเห็นว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“น่าจะเป็นจิ่งเป่ยเฉิน ตอนนี้ฉันยังไม่อยากรับโทรศัพท์เขา” เธอจับถ้วยชาแน่น เธอต้องคิดอย่างรอบคอบเมื่อต้องกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
โทรศัพท์ยังคงดังอยู่ตลอดแล้วก็ดับไป หลังจากนั้นก็ดังขึ้นอีก
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่แบบนั้นประมาณห้านาทีก่อนจะเงียบไป
จากนั้นเธอจึงยกถ้วยชาที่จับไว้แน่นขึ้นดื่มอย่างช้า ๆ น้ำชาอุ่น ๆ ไหลลงไปในลำคอ แต่ความรู้สึกภายในกลับยังคงบีบหัวใจของเธอไม่คลาย น้ำร้อนนี้ก็ไม่สามารถบรรเทามันได้เลย
อวี๋กุยห่าวขึ้นมาชั้นบนก็เห็นอันโหรว เธอกำลังอยากรู้พอดีเลยว่าเป็นรถของใคร!
“พี่โหรวโหรว นี่พี่……” เธอต้องกลืนคำพูดของเธอลงไปเพราะสายตาของวิเวียน
แต่ว่าพี่โหรวโหรวมาเร็วเกินไปหรือเปล่า? เธอเพิ่งจะออกมายังไม่ถึงบ้าน แต่เธอกลับมาถึงก่อนแล้ว
น้ำชาที่อยู่ในถ้วยหมดอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ว่าจะยังไงเรื่องนี้เธอต้องสืบสวนให้ได้ และต้องสืบให้รู้อย่างแน่ชัดด้วย