อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 294 เธอจะต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังเขาแน่ ๆ
ตอนที่ 294 เธอจะต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังเขาแน่ ๆ
เขาไม่เชื่อเลยสักนิด!
จากสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเธอมานั้น ประจำเดือนของเธอไม่ได้มาเมื่อวานแน่ ๆ เธอจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ปิดบังเขาอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยปล่อยฉันที ฉันยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ” ช่วงปีที่ผ่านมา เธอก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว
อีกทั้งยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าอีก จิตใจของเธอวุ่นวายขึ้นมาทันที
“ให้หลินจือเซี๋ยวทำแทนก็ได้ เธอนั่งอยู่ที่นี่เถอะ” เขาไม่อยากเห็นเธอเดินออกไปจริง ๆ
อันโหรวกำลังคิดว่าที่เขาพูดให้นั่งหมายถึงนั่งโซฟาตรงข้ามเขา แต่ทันใดนั้นเธอก็ถูกอุ้มให้มานั่งตักเขาแทน
ลมหายใจของเขาคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ เธอไม่รู้สึกถึงมันได้ยังไงกัน แล้วเขาล่ะ?
เมื่อครู่ให้เซ็นเอกสารก็ไม่เซ็น จู่ ๆ ก็เริ่มมาทำแบบนี้จริงจัง ๆ ไปเสียได้
เธอไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มือทั้งสองข้างเองก็ไม่รู้จะไปวางไว้ตรงไหนด้วยเช่นกัน
“โหรวโหรว……” ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็กอดเธอแน่น ลมหายใจที่ร้อน ๆ ลอดผ่านใบหูของเธอ “เธอทำแบบนี้ ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยปล่อยฉันได้ไหม แบบนี้มันอึดอัดนะ” เธอถูกเขากอดอยู่ตลอด ทุกท่าทางล้วนไม่อาจขยับได้
“เดี๋ยวเธอก็ออกไป!” หากขืนปล่อยเธอไป มีหวังเธอได้วิ่งออกไปแน่ ๆ
อันโหรวแทบจะพูดไม่ออก ก่อนจะเอามือคล้องไปที่คอเขาแน่น ๆ ในเมื่อขยับไปไหนไม่ได้ก็ปล่อยให้เขาไม่ต้องทำงานไปเลยละกัน
“นายดูนะ รั้งฉันเอาไว้ที่นี่ สุดท้ายก็ต้องรบกวนนายอยู่ดี” เธอคิดอยากจะออกไปจริง ๆ
“OK ถ้าเธอคิดอยากจะรบกวนอะไรก็เชิญได้เลย” เมื่อคืนเขาต้องยืนหลับอยู่ตลอดทั้งคืน ตอนนี้กลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวเธอเริ่มทำให้เขาง่วงขึ้นมาเล็กน้อย
อันโหรวมองดวงตาแดงก่ำของเขา สัมผัสได้ถึงความทุกข์ที่เขามีอยู่ในใจ จึงเอ่ยออกไปว่า “เมื่อคืนไม่ได้นอนสินะ งั้นจะอยู่เป็นเพื่อนนายก็ได้!”
“เป็นเกียรติมากเลย” จิ่งเป่ยเฉินอุ้มเธอขึ้น ก่อนจะพาไปที่ห้องพักผ่อนส่วนตัวที่ด้านหลังทันที
ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียง จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอแน่นจากด้านหลัง แม้ว่าตัวเขาจะผล็อยหลับไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงกอดเธอแน่น ไม่ยอมคิดจะปล่อยให้เธอออกไปไหนได้
ฟังจากเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาข้าง ๆ หูของเธอแล้วนั้น เธอค่อย ๆ พลิกตัวหันหน้าเข้าหาเขา ดูเหมือนตอนนี้เขาจะหลับสนิทไปแล้ว คิ้วที่เหมือนกับดาบดูผ่อนคลาย ขนตาที่ดูงอน ดวงตาหลับสนิท ริมฝีปากสีชมพูเผยอขึ้นเล็กน้อย
เพียงแค่หลับตาก็นึกถึงท่าทางของเขาออก ที่แท้ตัวของเธอนั้นได้ฝังรากลึกลงไปในห้วงจิตใจของเขาตั้งนานแล้ว
อาจจะเป็นไปได้ที่เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนหลับ เป็นห่วงเธอจนนอนหลับไม่ลง
เธอค่อย ๆ ดึงแขนของเขาขึ้น ก่อนจะหยิบหมอนด้วยมืออีกข้าง แล้วค่อย ๆ ขยับตัวลงเล็กน้อย ถอยห่างนิดหนึ่ง ก่อนจะวางหมอนไปยังตำแหน่งที่เธอเคยนอน
เมื่อเห็นเขากอดหมอนแน่นขนาดนั้น เธอจึงพยายามเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขา ก่อนจะเดินออกไป
เมื่อเธอออกไปก็เห็นฉีเซิ่งเทียนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ “พี่สะใภ้!”
“เขาหลับอยู่ เข้าไปวางไว้ก็พอ แต่อย่าไปรบกวนเขานะ” หลังจากพูดจบเธอก็เดินออกไปทันที
นอนตอนกลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ? หรือว่าพี่เฉินไม่ได้นอนทั้งคืน ปกติพลังของเขาก็ดูเยอะอยู่ทุกวัน ทำไมวันนี้กลายเป็นง่วงไปได้
เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าตำแหน่งที่นั่งไม่มีใครอยู่สักคน เขาเลยวางเอกสารเอาไว้ และเดินออกไปเช่นกัน
ดูท่าเรื่องของพวกเขาน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องผัว ๆ เมีย ๆ ทะเลาะกันก็เหมือนลิ้นกับฟัน พอลงหมอนด้วยกันก็เคลียร์กันได้อยู่แล้ว
ในห้องของผู้ป่วย
เหอเหมียวกำลังนั่งอยู่บนเตียงและมองไปที่เฉาลี่เฟยที่อยู่ตรงหน้า ซุปไก่ในมือของเธออยู่ตรงหน้าเธอมาแล้วตั้งสิบกว่านาที เล่นเอาซะเธอไม่คิดอยากจะดื่มเลยสักนิด
“ฉันอยากเจอพี่โอวหยางค่ะ ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย?” เธออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ตั้งแต่วันนั้นโอวหยางลี่ก็ไม่เคยมาปรากฏตัวอีกเลย
เธอเริ่มจะสงสัยแล้วว่าตอนนี้โอวหยางลี่คิดอยากจะแต่งงานกับเธอจริงหรือเปล่า ถ้าหากไม่แต่งงานแล้วเด็กที่อยู่ในท้องของเธอจะทำยังไง?
“งานของเขายุ่งมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้เขามาหาเธอนะ” เฉาลี่เฟยวางซุปไก่ใส่ในมือของเธอ ตอนนี้อากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“ไม่ได้ค่ะ วันนี้หนูต้องไปพบเขา อีกอย่างคุณช่วยเอาโทรศัพท์มาให้หนูที พ่อแม่ของหนูน่าจะเป็นห่วงแล้ว!” เธอไม่ติดต่อไปนานแบบนี้ พ่อแม่ต้องเป็นห่วงแน่นอน
“เธอวางใจเถอะ พ่อแม่ของเธอ ฉันติดต่อพวกเขาไปแล้ว พวกเขาสบายใจที่เธออยู่ที่นี่” เฉาลี่เฟยคิดไว้แล้วว่าเธอต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ซึ่งตัวเธอเองก็ได้จัดแจงเรื่องพวกนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
สถานการณ์ข้างนอกตอนนี้ซับซ้อนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องลูกชายของเธอที่ทำตัวน่าอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนั้น
“ถ้าฉันไม่กินคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณคงคิดอยากจะให้หลานชายได้กินอะไรใช่ไหม?” ไม่มีข่าวคราวมาหลายวันแบบนี้ ตัวเธอก็แทบจะทนไม่ไหว คิดอยากจะพบโอวหยางลี่
ถ้าหากอยู่ภายใต้คนแบบนี้ต่อไปมีหวังเธอได้กลายเป็นบ้าพอดี
ซึ่งนี่ไม่ใช่วิธีเลี้ยงลูกในท้องด้วยซ้ำ ถ้าจะเลี้ยงให้ดีก็ต้องทำให้จิตใจอยู่ในสภาพอารมณ์ดีด้วยเช่นกัน แต่นี่กลับทำให้เธอจิตใจไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเธอได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าแน่ ๆ
“เหมียวเหมียว เธอฟังฉันนะ เขาทำงาน และเขาก็ยุ่งมาก อีกอย่างตอนนี้กำลังเดินทางไปต่างเมืองในเรื่องธุรกิจ ไม่อย่างนั้นเขาคงมาหาเธอแล้ว!” เฉาลี่เฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นเฉียบ
“งั้นไว้รอเขากลับมาก่อนค่อยกินก็ได้” เหอเหมียวเดินไปที่เตียง ก่อนจะเอาผ้าห่มมาคลุมที่ใบหน้าและคลุมตัวไว้ทั้งตัว
“เหมียวเหมียว เธออย่าทำแบบนี้สิ ไว้เขากลับมาเมื่อไหร่ฉันจะให้พวกเธอได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างแน่นอน ถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังแบบนี้ ฉันก็ต้องพิจารณาดูหน่อยแล้วว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลโอวหยางของเราหรือไม่!” เฉาลี่เฟยเอ่ยด้วยท่าทีที่จริงจัง
เหอเหมียวที่ได้ยินก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น
เธอลุกขึ้นมานั่งทันที นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกโกรธเฉาลี่เฟย
“ทุกครั้งคุณก็พูดแบบนี้อยู่ตลอด แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของพี่โอวหยางเลยสักครั้ง ถ้าหากวันนี้ฉันไม่ได้พบเขาละก็ เด็กฉันก็ไม่อยากได้!” ในเมื่อคนที่เธออยากให้สนใจกลับไม่เหลียวแล เรื่องเด็กอะไรนี่ก็ไม่จำเป็นสำหรับเธอเลยสักนิดเดียว
“เหมียวเหมียว!” เฉาลี่เฟยเริ่มโกรธ คำพูดของเธอที่พูดออกมาแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกโมโหเข้าจริง ๆ
“คุณป้า หนูชอบพี่โอวหยางมากจริง ๆ นะ และคิดอยากจะอยู่กับเขาด้วย ถ้าหากเขาไม่ชอบหนู ไม่สนใจหนู ไม่มองแม้แต่หนู หนูจะทำไปเพื่ออะไร? หนูก็คงไม่ขัดขวางความสุขของเขาอีกแล้ว ตอนนี้หนูคิดอยากจะเจอเขา อยากจะได้ยินด้วยปากของเขามากกว่า” เธอจำเรื่องเกี่ยวกับอันโหรวได้ อีกอย่างตอนนี้เธอคนนั้นก็มีลูกไปแล้วด้วย คงไม่มีทางที่จะมาพบหน้ากันแน่
ส่วนเขาจะยุ่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ยุ่งถึงขนาดไม่ยอมพบหน้ากันเลยเหรอ?
“เหมียวเหมียว อย่าพูดไร้สาระ หลานชายคนโตของตระกูลโอวหยางอยู่ในท้องของเธอ เธอจะต้องดูแลเขาให้ดีๆ แล้วเธอจะได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลโอวหยาง เว้นเสียแต่เธออยากจะเห็นลูกชายของเธอเรียกผู้หญิงคนอื่นว่าแม่แทน!” ถ้าเธอยังดื้อดึงอยู่แบบนี้ เธอจะจัดแจงเรื่องพวกนี้ให้เหอเหมียวแน่ ๆ
เหอเหมียวได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที เฉาลี่เฟยเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาหมายความว่ายังไงกัน?
ตราบใดที่ลูกไม่อยู่ในท้องก็ไม่ต้องการเธอแล้วงั้นเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมมากเกินไปจริง ๆ
“หรือว่าพี่โอวหยางกับเหลียวเว่ยยังไม่ได้หย่ากัน?” ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดที่ดูโง่เขลาของอันโหรวในตอนนั้นขึ้นมา
หรือว่าพวกเขาจะรู้เรื่องที่เด็กในท้องของเหลียวเว่ยถูกเธอฆ่าทิ้ง เพราะงั้นเลยคิดจะเอาแต่ลูกให้เกิดออกมา จากนั้นก็ไม่ต้องการเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ?
คิดจะถีบไสไล่ส่งเธอไปให้ไกล ๆ เลยใช่ไหม?
“พวกเขาหย่ากันแล้ว เพราะงั้นเธอก็ต้องเชื่อฟังฉัน ดูแลร่างกายให้ดี ๆ ส่วนเรื่องเขา เธอไม่จำเป็นต้องไปกังวลแทนนักหรอก” เฉาลี่เฟ่ยจริง ๆ แล้วสนใจลูกในท้องของเธอต่างหาก
แต่ถ้าหากเธอไม่สนใจ ไม่รู้ความ เรื่องเด็กนั่นก็ช่าง อย่างไรเสียลี่เอ๋อร์เองก็ยังหนุ่ม หลังจากนี้จะแต่งงานแล้วมีลูกในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“พี่โอวหยางจะไม่มาหาฉันก็ได้ค่ะ อย่างน้อยก็ช่วยเอาโทรศัพท์มาให้ฉันที! ที่นี่มันน่าเบื่อ ฉันขอสาบานเลยว่าจะไม่เปิดดูข่าวอะไรทั้งนั้น และจะไม่ทำอะไรที่เป็นผลกระทบต่อเด็กทั้งสิ้น” เธอแค่อยากจะรู้ว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้างเท่านั้นเอง
หรือว่าตอนนี้ตัวเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ข่าวคราวอะไรพวกนั้นเลยงั้นเหรอ?
“เหมียวเหมียว เธอก็รู้ดีว่าตระกูลโอวหยางในเมือง A มีสถานะทางสังคมยังไงบ้าง แม้ว่าลี่เอ๋อร์จะหย่าไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ถือได้ว่าเป็นชายโสดที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เพียงพอที่จะดึงดูดคนดังและสาวสวยมากมายหลายคน ตอนนี้เธอตั้งท้องลูกของเขาอยู่ โอกาสดี ๆ แบบนี้เธอก็ดูแลตัวเองอยู่ที่นี่ดี ๆ เถอะ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดว่าเธอแท้งลูกไป พอถึงตอนนั้นจะมีผู้หญิงคนอื่นมาท้องลูกของลี่เอ๋อร์แทนนะ เธอลองคิดดูดี ๆ ละกัน อยากจะเชื่อฟังคำพูดของฉันบ้างไหม”
เหอเหมียวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของเฉาลี่เฟย เธอจึงเอนตัวพิงลงไปบนเตียงก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“แบบนี้สิเด็กดี! ในเมื่อตอนนี้เธอไม่คิดอยากจะกินอะไร ซุปไก่เองก็เย็นแล้ว ถ้างั้นก็ฉีดยาบำรุงไปเลยละกันนะ!” เฉาลี่เฟยพูดด้วยรอยยิ้ม