อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 295 เธอขาดอากาศหายใจตาย
ตอนที่ 295 เธอขาดอากาศหายใจตาย
รอยยิ้มในสายตาของเธอมองเหอเหมี่ยวอย่างน่ากลัว เธอกำลังแก้แค้นกับการที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอ
ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะขอโทรศัพท์ หรือว่าเธอจะต้องอยู่ในกรงนี้ตลอดไปเพื่อให้กำเนิดลูก?
“คุณป้าคะ ถ้าอากาศดี ๆ ขอออกไปเดินเล่นทำกิจกรรมได้ไหมคะ? แบบนั้นน่าจะดีกับเด็กนะ” เธอยิ้มหวานออกมา ถ้าหากไม่ยอมให้เธอนั้นออกไปเดินเล่นสูดอากาศ เธอคงได้ขาดอากาศหายใจตายแน่ ๆ
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” เฉาลี่เฟยหัวเราะ ก่อนจะเรียกพยาบาลเข้ามาฉีดยาบำรุงร่างกายให้เธอ
….
จิ่งเป่ยเฉินนอนหลับสนิทและหลับลึกมาก
เขาขยับแขนแต่สิ่งที่ลูบไปกลับไม่ใช่อันโหรว เขาลืมตาขึ้นมองไปที่แขนของตัวเอง ร่องรอยความอับอายปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำสนิท
เธอกล้าหนีไปงั้นเหรอ!
เขาใส่สูทอย่างไม่สนใจและเดินไปที่ห้องทำงานของอันโหรว ทางที่ดีเธอควรอยู่ในนั้นเพราะหากไม่อยู่ละก็……..
ปัง! เสียงประตูดังขึ้น เขามองไปรอบ ๆ ห้องทำงานที่กว้างขวาง แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของอันโหรว
เขารีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แก้วน้ำบนโต๊ะที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งคงเป็นเธอที่รินเอาไว้
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสมันก็พบว่ามันเย็นเสียแล้ว
“อันโหรว!”
ผู้หญิงคนนี้หายไปไหนกันแน่!
หลังจากที่กลับมาที่ห้องทำงานก็เช็กดูกล้องวงจรปิด เขานอนไปสองชั่วโมง แต่เธอกลับออกไปตั้งแต่ชั่วโมงแรก
ภายในหนึ่งชั่วโมงนั้นสามารถทำอะไรได้มากมาย และสามารถที่จะห่างไปจากเขาได้ไกลมาก
“ฉีเซิ่งเทียน หาตำแหน่งของอันโหรวให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เขาเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างแรงด้วยความสิ้นหวังและหมดหนทาง ก่อนจะหลับตาลงด้วยความโกรธ!
เขานอนไปสองชั่วโมง เธอก็หนีไปเสียแล้ว!
ทำให้เขาหลับเพื่อที่จะได้ทิ้งเขาไปสินะ!
ฉีเซิ่งเทียนพุ่งตัวเข้ามาในห้องของเขา ก่อนจะเห็นจิ่งเป่ยเฉินที่สวมใส่เสื้อเพียงตัวเดียวนั่งพิงเก้าอี้อยู่
“พี่เฉิน พี่แน่ใจว่าจะไม่โทรศัพท์ไปถามก่อน? วันนี้ตอนที่ฉันมาหาพี่ยังเห็นว่าเธอยังดี ๆ อยู่เลย!” ตอนแรกฉีเซิ่งเทียนอยากจะโทรศัพท์หาเธอด้วยตัวเอง แต่ว่าสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจใช้โอกาสนี้บอกจิ่งเป่ยเฉิน
โทรศัพท์ของเธอ…….
เหมือนว่าจะลืมไว้ที่บ้านของวิเวียน
หรือว่าวันนี้เธอจะไปที่นั่นอีก วิเวียนพูดอะไรกับเธอกันแน่!
“เฮ้ ๆ” ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ร่างกายของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะรีบเข้าไปขวางเขาไว้ “พี่สะใภ้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรนะ คงไม่ได้หนีไปอย่างไร้เหตุผลหรอก พี่ลองโทรศัพท์ไปถามก่อน ถ้าพี่ไม่โทร เดี๋ยวฉันโทรเอง อีกอย่างหากจะออกไปหาคน รบกวนพี่สวมเสื้อโค้ตไปด้วยได้ไหม? อย่าไปหาคนที่หาไม่เจอแล้วเป็นหวัดเชียว!”
“ถอยไป!” จิ่งเป่ยเฉินในเวลานี้ไม่มีกะจิตกะใจจะใส่เสื้อโค้ตหรอก คิดเพียงแค่อยากจะออกไป
ฉีเซิ่งเทียนยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาและกางมือทั้งสองข้างขวางเขาไว้ “ฉันบอกว่า จิ่งเป่ยเฉิน ถ้าพี่จะออกไปก็ต้องใส่เสื้อโค้ต พี่รู้ไหมว่าข้างนอกอุณหภูมิกี่องศา? ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วหรือยังไง!”
“ฉันบอกให้นายถอยไป!” ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างน่ากลัว น้ำเสียงที่เย็นชานั่นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าอากาศด้านนอกเสียอีก
“ฮ่า ๆ นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน! มา มา มา มาต่อยฉันสักหมัด” ในชั่วพริบตาฉีเซิ่งเทียนก็อึ้งไปสักพักเพราะเขาโดนชกเข้าที่ท้องอย่างแรง
“บัดซบ นี่พี่กล้าต่อยจริง ๆ เหรอเนี่ย?” ฉีเซิ่งเทียนเพียงแค่พูดขึ้นมาเท่านั้น ไม่คิดว่าจิ่งเป่ยเฉินจะกล้าลงมือจริง ๆ
“ถ้าพี่ต่อยฉันในครั้งนี้ได้ พี่ก็ต้องใส่เสื้อโค้ตด้วย! แม่ง!” ฉีเซิ่งเทียนชกไปที่หน้าท้องของจิ่งเป่ยเฉิน “หมัดของฉันเป็นไง? ได้อยู่ใช่ไหม?”
จิ่งเป่ยเฉินยกขาขึ้นมาเตะเขาหนึ่งที เข่าของฉีเซิ่งเทียนงอไปด้านหลังและตัวเขาก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว “พี่เฉินหยุด ๆ ไม่สู้แล้ว!”
แรงที่เตะมานั้นหนักมาก เข่าของเขาเจ็บเหลือเกิน!
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเขาจากด้านหลัง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน
ฉีเซิ่งเทียนถอนหายใจและหยิบเสื้อโค้ตที่แขวนอยู่ออกไปให้เขา แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าวเพราะลิฟต์ได้ปิดลงแล้ว
“บัดซบจริง!” ฉีเซิ่งเทียนเดินไปที่ลิฟต์อีกตัวโดยหวังว่าจะตามทันเขา
ฉีเซิ่งเทียนวิ่งตามเขาไปที่โรงจอดรถ แต่ก็เห็นว่ารถได้เคลื่อนออกไปแล้ว “ช่างเถอะ อยู่ในรถเขาคงไม่น่าจะหนาว!”
แต่แม้จะคิดแบบนั้น เขาก็ยังรีบขับรถตามจิ่งเป่ยเฉินไปอยู่ดี
ณ เวลานี้เขาจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง โดยลืมที่จะลองโทรศัพท์หาอันโหรว คิดแค่ว่าต้องขับตามรถคันข้างหน้าไป
ตอนนี้อันโหรวอยู่ในบ้านของวิเวียน เธออยากจะลองหาเบาะแสบางอย่าง เธอเปิดกล่องและอ่านกระดาษโน้ตนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่แว่นขยายเธอก็ลองใช้มาแล้ว แต่นอกจากกระดาษโน้ตก็ไม่พบอะไรอีก
ถ้าหากต้องการจะบอกข่าวกับเธอก็สามารถที่จะส่งตรงมาให้เธอได้เลย ทำไมต้องผ่านวิเวียน? ทำไมไม่ใช่วิธีอื่น? ทำไมไม่เข้ามาบอกเธอตรง ๆ ?
หรือว่าไม่รู้ว่าเธอนั้นคิดถึงมากแค่ไหน?
ภายในใจของอันโหรวนั้นสับสนเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ออกมาจากบริษัทจิ่งก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันที เมื่อวานตอนที่กลับไป เธอไม่ได้หยิบของของเธอไปด้วย จึงมีเหตุผลมากพอที่จะมาที่บ้านหลังนี้
“โหรวโหรว เธออย่าคิดมากไปเลย ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่แม่คน แต่ว่าแม่ทุกคนก็หวังว่าลูกของตัวเองจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าหากเธอกับเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขด้วยกัน ฉันว่าจิ่งเยว่เองก็คงเห็นด้วย” วิเวียนมองเธอ เมื่อเธอต้องมาเจอกับเรื่องซับซ้อนแบบนี้ ภายในใจก็รู้สึกเสียใจ
มือของอันโหรวหยิบกระดาษโน้ตนั้นขึ้นมา แล้วจู่ ๆ ก็ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ อย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ทิ้งมันลงถังขยะ
“พี่คะ เรื่องนี้มีแค่ฉันกับพี่สองคนเท่านั้นที่รู้ คนอื่น ๆ รวมถึงอวี๋กุยห่าวก็ห้ามบอกเด็ดขาด รับปากกับฉันได้ไหม?” เรื่องนี้ห้ามให้จิ่งเป่ยเฉินรู้เป็นอันขาด
แล้วหลังจากนั้น….
“ฉันรับปาก เธอจะพูดหรือทำอะไรก็ตามนั้น” เธอยอมกลับมาที่นี่ก็เพราะอันโหรว
แม้แต่เหตุผลในการเลือกบริษัทจิ่งนั้นก็เป็นเพราะเธอ ไม่ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะมาหาเธอด้วยตัวเอง เธอก็อาจจะไม่ได้เลือกเป็นนักออกแบบให้กับบริษัทจิ่ง
เธอมีความสามารถพอที่จะเปิดบริษัทเองได้ แบรนด์ของเธอนั้นถือเป็นการรับประกันได้อย่างดี
“ขอบคุณพี่มากนะคะ!” เธอขอบคุณจากใจจริง เมื่อเธอเก็บข้าวของตัวเองเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นกล่องนั้นหรือว่าของที่อยู่ในกล่อง เธอก็ไม่ได้เอามันไปด้วย กังวลว่าจิ่งเป่ยเฉินจะพบมันเข้า
เธอหยิบกระเป๋าลงมาจากบันได พลันเห็นอวี๋กุยห่าวที่กำลังมาสก์หน้าอยู่เปิดประตูให้ใครบางคน
หิมะด้านนอกตกหนักจนลมพัดเข้ามาอย่างแรง บนหัวของจิ่งเป่ยเฺฉินนั้นเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะที่ตกลงมาและกลายเป็นหยดน้ำในทันที
ใบหน้าที่เย็นชานั้นเหมือนว่าจะรีบพุ่งเข้ามาหาเธอ เธอยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ปล่อยให้เขากอดเอาไว้
ร่างกายของเขานั้นสวมใส่แค่เสื้อเชิ้ตชั้นเดียว แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของเขามากกว่าร่างกายของเธอเอง
“นายตื่นแล้วเหรอ? ฉันแค่มาเอากระเป๋าเท่านั้นเอง เมื่อวานนายลากฉันออกไปเลยไม่ได้หยิบไปด้วย!” เธอรักษาน้ำเสียงที่ผ่อนคลายพลางยกมือขึ้นกอดไปที่หลังของเขา
“ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ทำแบบนี้แล้วนะ!” เขาคิดว่าเธอจะเหมือนห้าปีก่อน ที่พอเขาหลับไป เธอก็หนีเขาไปแล้ว
เขายอมรับว่าเขากลัวมาก กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก
อวี๋กุยห่าวมองพวกเขาอย่างอิจฉา ขณะที่กำลังจะปิดประตู จู่ ๆ ก็มีมือหนึ่งดันเอาไว้ก่อน ผู้ชายด้านนอกนั้นเข้ามาทันที
มือของฉีเซิ่งเทียนถือเสื้อโค้ตมาด้วย เขามองไปที่คนสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ด้านใน “ฉันที่เดินทางมาพันไมล์เพื่อเอาเสื้อโค้ตมาให้พี่ชายคงต้องออกจากตรงนี้สินะ!”
เขาบอกแล้วว่าพี่สะใภ้ไม่ได้เป็นอะไร มองดูแล้วอันโหรวไม่น่าจะเป็นผู้หญิงที่ไร้สาระเลยสักนิด มีพี่สะใภ้แบบนี้ พี่เฉินก็ควรจะนอนตื่นขึ้นมาเจอภรรยาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สวยงามแบบนี้ก็คงต้องเหนื่อยหน่อยนะ!