อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 297 รถบรรทุกดูปกติดี
ตอนที่ 297 รถบรรทุกดูปกติดี
“ไม่มี ร่องรอยใด ๆ ทุกอย่างล้วนเป็นปกติดี สิ่งเดียวที่ผิดปกติคือเส้นทางที่เขาไปทุกวันไม่ใช่เส้นทางนี้ และนี่ก็ไม่ใช่เส้นทางที่ใช้กลับบ้านของเขาด้วย มันแปลก ๆ อยู่นะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีคนจงใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ฉีเซิ่งเทียนยังคงคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และแน่นอนโอกาสเกิดอุบัติเหตุนอกเส้นทางย่อมเกิดขึ้นได้
“หากมีข้อสงสัยแล้วทำไมไม่ตรวจสอบ นายจะยืนอยู่ที่นี่ทำอะไรอีก?” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“ผมมาที่นี่เพื่อดูแลหลานทั้งสองของผมไง หลานสองคนของผมเชียวนะ! ในเมื่อพวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นผมก็ขอตัวก่อนละกัน!” ฉีเซิ่งเทียนเดินเข้าไปตบไหล่ของถังซั่ว “ปล่อยให้พวกเขาสองคนดูแลแบบนี้คงไม่น่าได้ ถ้าหากมีข่าวคราวอะไรก็บอกฉันด้วยละกัน!”
“นายไปเถอะ!” ถังซั่วตอบไปอย่างอ่อนโยน
“นี่พูดว่าอะไรนะ? ให้ฉันไป? โชคร้ายชะมัดเลย!” แม้ฉีเซิ่งเทียนจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังไปอยู่ดี
ไม่ถึงสองนาทีหลังจากที่ฉีเซิ่งเทียนเดินออกไป ประตูห้องผ่าตัดอีกห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออก อันโหรวรีบวิ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ไม่กล้าพูดเสียงดังเรียกลูกสาว
หน่วนหน่วนยังคงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่หน้าผากมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ แต่ใบหน้าก็ยังคล้ายกับตุ๊กตาที่สวยงามไม่มีเปลี่ยน
เด็กทั้งสองคนถูกจัดแจงย้ายไปยังห้อง VIP เดียวกัน อันโหรวนั่งอยู่ตรงกลาง มองหยางหยางแวบหนึ่ง และมองไปที่หน่วนหน่วนแวบหนึ่ง เมื่อมองทั้งสองคนแล้วเธอก็ไม่อาจเบาใจลงได้เลย
จิ่งเป่ยเฉินมองดูท่าทางของเธอแล้วก็เดินไปที่ด้านหน้า “จะให้ฉันกอดเธอไหม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมองที่ด้านข้าง”
“ฉันชอบมอง” เธอยังคงนั่งจ้องใบหน้าที่นิ่งสงบของหยางหยาง เธอกังวลใจมากแค่ไหน ถึงขนาดปล่อยให้ลูก ๆ ของเธอต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้
เธอเริ่มรู้สึกผิดอยู่ในใจและกล่าวโทษตัวเอง ถ้าหากพวกเขาได้รับผลอะไรตามมาในภายหลังละก็ เธอคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ ๆ
จิ่งเป่ยเฉินย่อตัวลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะจับไปที่มือของเธอที่วางอยู่ตรงเข่า “โหรวโหรว หาอะไรกินก่อนไหม?”
“ฉันไม่มีอารมณ์จะกิน ไม่อยากกินด้วย นายกินเถอะ!” ตอนนี้เธอไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด แค่คิดอยากจะเห็นหยางหยางและหน่วนหน่วนลืมตาขึ้นมาเรียกเธอว่าแม่จ๋าสักคำก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอะไร
แต่หมอก็บอกแล้วว่าพวกเขาน่าจะยังไม่ตื่นเร็ว ๆ นี้ เด็ก ๆ ทั้งสองคนบาดเจ็บที่ขา ถึงแม้จะไม่ได้ตัดแขนขา แต่เธอก็กังวลมากจริง ๆ
“โหรวโหรว เธอคงไม่คิดอยากจะให้พวกเขาตื่นขึ้นมาเห็นเธอมีใบหน้าซีดเซียวหรอกใช่ไหม เธอจะปล่อยให้พวกเขาคิดมากเรื่องเธออีกเหรอ เดี๋ยวพวกเขาจะต้องรู้สึกแย่กว่าเธอแน่ ๆ หยางหยางกับหน่วนหน่วนรักเธอมากแค่ไหน เขาคงอยากให้เธอดูแลตัวเองดี ๆ นะ” ถ้าหากเขาพูดไปแล้วไม่มีประโยชน์ก็คงต้องอ้างหน่วนหน่วนและหยางหยางขึ้นมาแทน
อันโหรวหันหน้าไปมองหน่วนหน่วน เธอไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินข้าวเลยสักนิด อยากจะไปนอนบนเตียงแทนพวกเขาเสียจริง ๆ
“ฉันยอมบาดเจ็บแทนพวกเขาได้เลยนะ ไม่อยากให้พวกเขาบาดเจ็บแบบนี้เลย” เธอเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลง
ถึงแม้จะรู้ว่าการที่เธอพูดแบบนั้นออกมาเพราะเธอรู้สึกโกรธ
แต่ต่อให้เธอโกรธ จิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงเตือนสติเธอด้วยคำพูดอยู่ดี “หรือว่าเธอลืมไปแล้วว่าตอนนี้ประจำเดือนเธอมา ถ้าเธอไม่กินข้าว ร่างกายของเธอจะแย่เอานะ เธอทนได้เหรอ?”
“ฉัน…..” อันโหรวมองไปที่เขาด้วยสายตาหงุดหงิด เรื่องพวกนี้เธอลืมไปเกือบหมดแล้วด้วยซ้ำ
“ฉันอยากเปลี่ยน…..” เธอเม้มริมฝีปากและพูดออกไปอย่างไร้ความอาย “ผ้าอนามัย”
แต่ในกระเป๋าของเธอไม่ได้มีพกติดไว้เลย เธอจึงรีบลุกขึ้น “ฉันไปซื้อก่อนนะ”
“เธอนั่งลงเถอะ ฉันไปเอง!” จิ่งเป่ยเฉินกดไปที่ไหล่ของเธอ “อีกเดี๋ยวพ่อบ้านจะทำอาหารมาส่งให้ อย่าลืมกินข้าวนะ”
“ไม่เอา ฉันจะไปกับนายด้วย!” ถ้าเกิดปล่อยให้เขาไปซื้อคนเดียวมีหวังภาพลักษณ์ที่เขาซื้อข้าวของส่วนตัวของผู้หญิงคงได้ถูกจดจำพอดี
พอคิดแบบนั้นมันก็ดูเกินไปหน่อยแล้ว!
“ฉันไปก็ได้แล้ว ซื้อเสร็จก็กลับมา” จิ่งเป่ยเฉินไม่ต้องการให้อันโหรวเคลื่อนไหวอะไรมากนัก เขาเลยคิดจะไปซื้อมาด้วยตัวเอง
“งั้นให้ฉันไปเองเถอะ นายไม่อายบ้างเลยเหรอซื้อของแบบนั้น?” เธอแทบจะหมดคำพูด ถึงแม้เธอคิดอยากจะอยู่ที่นี่เพื่อดูหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็ตาม
“อายอะไร ซื้อให้ภรรยา ไม่เห็นจะมีตรงไหนน่าอายเลย” จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้าลงไปจูบที่แก้มของเธอ “อย่าลืมกินข้าวนะเด็กดี”
“อืม!” เธอคิดอยากจะกินข้าวอยู่นะ แต่ก็คงกินไม่ไหวแน่ ๆ
ทันทีที่จิ่งเป่ยเฉินเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เขาก็รีบโทรหาฉีเซิ่งเทียนทันที “เป็นยังไงบ้าง?”
“เมื่อครู่ฉันเพิ่งเจอเรื่องน่าสนใจด้วยแหละ คนขับรถบรรทุกได้รับเงินห้าล้านหยวนผ่านบัญชีของเขาเมื่อสามวันก่อน ห้าล้านหยวนเชียวนะ! เห็นได้ชัดว่ามีคนจ้างวานฆ่าชัด ๆ” ฉีเซิ่งเทียนกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายปลายทางของเขา
“เป็นใคร?” จิ่งเป่ยเฉินเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ผนังลิฟต์สะท้อนใบหน้าที่เย็นชาของเขาออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เหลียวเว่ย!”
ยัยผู้หญิงคนนั้น…….
“พี่เฉิน ตอนนี้ฉันจะไปที่บ้านของเธอ จับตัวเธอให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ฉีเซิ่งเทียนพูดพลางเร่งความเร็ว ใครที่มันกล้าแตะต้องหลาน ๆ ของเขาก็ต้องเจอแบบเดียวกันแน่นอน!
ทางด้านจิ่งเป่ยเฉินที่วางสายโทรศัพท์ก็ได้เดินออกจากลิฟต์ เขาสวมเสื้อและผ้าคลุมหนา ๆ คลุมตัวไว้ ที่ด้านนอกตอนนี้มีหิมะตกหนัก ลมหนาวพัดผ่านมาที่คอของเขา แต่ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถของตัวเอง
เมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ เขาก็หยิบข้าวของที่อันโหรวควรจะใช้ออกมา พร้อมกับพูดว่า “รูดบัตร!”
พนักงานเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขา มองเห็นจิ่งเป่ยเฉินที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มปรากฏขึ้น มีเพียงแต่ใบหน้าที่เคร่งขรึมตลอดเวลา ทั้งยังเผยให้รู้สึกถึงบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขาที่เย็นกว่าด้านนอกเสียอีก
พนักงานรีบรับบัตรของเขามารูด ก่อนจะก้มลงไปหยิบถุงและใส่ของให้เขา กระทั่งเขาเดินออกไป สักพักหนึ่งเธอก็จำได้ว่าเคยเห็นเขามาก่อน จึงมองไปที่เพื่อนร่วมงานพลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้ฉันมองไม่ผิดแน่! นั่นประธานจิ่ง!”
“ฉันเองก็เห็นเหมือนกัน หล่อมากเลย! ใบหน้าที่เย็นชานั้นดูน่าหลงใหลจริง ๆ”
“เพียงแต่อารมณ์ของเขาดูเย็นชามากเลยนะ หรือเป็นเพราะประจำเดือนมาเลยทำให้เขากลายเป็นแบบนั้น?”
“ประธานจิ่งเหลือพลังอยู่เยอะเลยสินะ!””
ตอนที่ออกไปจิ่งเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าตอนนี้พนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตมองเขาเป็นพวกคลั่งเรื่องพวกนี้ เพียงแต่ว่าสำหรับตัวเขาแล้ว ตอนนี้มีแต่ต้องรีบกลับไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ดูโหรวโหรวและดูหยางหยางกับหน่วนหน่วน
เมื่อเขากลับมาถึงห้องผู้ป่วยก็เห็นอันโหรวนั่งอยู่ตรงกลางที่เดิม และยังคงมองไปที่หน่วนหน่วนเช่นเคย ส่วนพ่อบ้านก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอไม่แม้แต่จะกินข้าวเลยสักคำ
“คุณชาย!” เมื่อพ่อบ้านเห็นจิ่งเป่ยเฉินกลับมาก็รู้สึกราวกับเห็นดาวส่องแสงช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
จิ่งเป่ยเฉินเดินไปหาอันโหรว ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่พูดไม่จาเลยสักคำ และพาเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
พ่อบ้านเห็นแบบนั้นก็รีบออกไปด้วยความฉลาดหลักแหลม ส่วนถังซั่วนั้นออกไปก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว
“ในฐานะที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อให้มีเลือดตกยางออกสักคน อันโหรว ตอนนี้เธอก็ควรที่จะเปลี่ยนอะไรให้เรียบร้อยและออกไปกินข้าว!” จิ่งเป่ยเฉินเปิดมันออกมาต่อหน้าเธอและยื่นไปให้เธอตรงหน้า “หรือเธอจะให้ฉันช่วยเธออีกไหม?”
“นายออกไปก่อน!” เธอรีบรับมันไว้ เรื่องแบบนี้เธอไม่อยากให้เขามาช่วยหรอก
เมื่อได้ยินเสียงของเธอที่กลับมาดูมีพลังมากขึ้น เขาก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่สบายใจ
ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงกลางระหว่างเตียงในห้องผู้ป่วย มองไปที่หยางหยางและหน่วนหน่วนที่เหมือนกับโหรวโหรวบางส่วน พวกเขากำลังหลับสนิท ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งหลับไป ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บ
ส่วนทางด้านอันโหรวที่เดินกลับมาหลังจัดแจงตัวเองเสร็จ เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงกลางและกำลังมองพวกเขา เธอก็ค่อย ๆ ก้าวเดินไปอย่างช้า ๆ จู่ ๆ ตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง เธอเองก็ไม่อยากให้หยางหยางและหน่วนหน่วนฟื้นขึ้นมาเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอเช่นกัน
“กินข้าวเถอะ!“ เธอเอ่ยปากพูดก่อน
“ได้!”
จากนั้นทั้งสองคนก็กินข้าวกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ