อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 300 ห้องผู้ป่วย VIP
ตอนที่ 300 ห้องผู้ป่วย VIP
เหอเหมียวเมื่อเห็นว่าโอวหยางลี่เข้ามาก็ไม่ได้ทักทายเฉาลี่เฟยเลยสักนิด เธอลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่โอวหยาง! ในที่สุดพี่ก็มาหาฉันสักที!”
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” โอวหยางลี่ถามด้วยความอดทน
“ฉันสบายดีค่ะ แล้วก็คิดถึงพี่มาก ๆ ที่นี่คือโรงพยาบาล ฉันไม่อยากเลี้ยงลูกที่นี่ คุณหมอบอกว่าฉันสามารถกลับบ้านได้ พี่โอวหยางพี่มารับฉันกลับบ้านใช่ไหม?” ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วย VIP ห้องใหญ่ สภาพสิ่งแวดล้อมดี แต่ยังไงก็ไม่ใช่ที่บ้าน
“ที่โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างดี ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก็มีหมอคอยช่วยเหลือเธอได้ทันที ดูแลตัวเองให้ดี แล้วฉันจะมาหาเธอบ่อย ๆ” เขาสามารถที่จะพบโหรวโหรวได้โดยบังเอิญที่นี่
“จริงหรือเปล่า?” เหอเหมียวมองเขาอย่างดีใจ แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“แน่นอนว่าฉันพูดจริง ๆ ฉันเป็นพ่อของเด็กก็ต้องมาดูเธอทุกวันอยู่แล้ว แต่เพราะก่อนหน้านี้ฉันยุ่งมากเลยไม่มีเวลามาเยี่ยม เธอคงไม่โกรธฉันหรอกใช่ไหม?” โอวหยางลี่ยิ้มและนั่งลงบนเตียง ก่อนจะลูบไปที่เส้นผมของเธอและมองเธออย่างอ่อนโยน
“ไม่โกรธอยู่แล้ว ฉันรู้ว่าพี่โอวหยางทำงานยุ่งมาก ผู้ชายต้องเอางานเป็นหลัก ฉันเข้าใจดี” เหอเหมียวยิ้มอย่างมีความสุข ดื่มด่ำกับความสุขที่โอวหยางลี่นั้นมอบให้
เฉาลี่เฟยที่ยืนอยู่ด้านในห้องผู้ป่วยกลายเป็นบุคคลล่องหน ไม่มีตัวตนในสายตา โอวหยางลี่ที่เพิ่งทะเลาะกับเธอที่ด้านนอกเมื่อครู่ ทำไมเข้ามาแล้วถึงเปลี่ยนไปแบบนี้? ทำไมถึงดูมีความสุขขึ้นมา?
เธอคิดถึงแต่อันโหรวอยู่ตลอด หรือว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น?
โอวหยางลี่อยู่ในห้องผู้ป่วยนั้นครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไป ระหว่างที่เขาเดินออกไปจากโรงพยาบาลก็ได้มีการสอบถามข้อมูลมาบ้าง ถึงได้รู้ว่าหยางหยางและหน่วนหน่วนถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ มิน่าสีหน้าของโหรวโหรวถึงได้แย่แบบนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เดิมทีเขาอยากจะไปดูสักหน่อย จึงเดินไปที่ชั้นหนึ่ง
ห้องผู้ป่วยที่มีเพียงแค่หยางหยางและหน่วนหน่วน เขาเห็นบอดี้การ์ดร่างใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่ไม่รับแขก
“ฉันมาเยี่ยมพวกเขา ขอเข้าไปข้างในได้ไหม!” ด้านในคงไม่มีคนอื่นอยู่หรอกใช่ไหม?
ครั้งก่อนเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเหมือนจิ่งเป่ยเฉินราวกับแกะ!
แต่ว่าเขาอยากจะเข้าไปพิสูจน์ดูอีกสักครั้ง!
“คุณชายโอวหยาง เชิญออกไปจากที่นี่ด้วยครับ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“ในเมื่อพวกนายรู้จักฉันก็หลีกไปซะ! ฉันมาเยี่ยมคนป่วย เหมือนพวกนายที่ไหนกัน?” โอวหยางลี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเข้มงวด
แม้แต่บอดี้การ์ดทั้งสองคนก็ไม่กล้าสบตาเขา
หลังจากนี้พวกเขาจะเข้าไปพัวพันกับเมือง A ได้อย่างไร?
ถ้าหากเป็นคนคุ้มกันคนอื่นก็คงจะหลีกทางให้แล้ว แต่คนคุ้มกันของจิ่งเป่ยเฉินนั้นไม่ใช่ เขาไม่เคยเก็บมาอยู่ในสายตาเลยสักนิด
บอดี้การ์ดมองเขาและยกมือขึ้น “ส่งคนขึ้นมา!”
“นี่พวกแกจะทำอะไร?” โอวหยางลี่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางมองดูอย่างระมัดระวัง
“เปลี่ยนกะ!” บอดี้การ์ดอีกคนพูดออกมาอย่างเย็นชา
เมื่อโอวหยางได้ยินแบบนั้นก็ตบไปที่อกด้วยความกลัว เขาคิดว่าพวกเขาจะใช้กำลังกับตนเองซะอีก!
“แล้วนี่พวกนายจะหลีกทางให้ฉันไหม? ฉันกับพ่อแม่เด็กเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อกี้ยังเพิ่งจะเจอกัน รู้ว่าหยางหยางกับหน่วนหน่วนได้รับบาดเจ็บก็เลยมาเยี่ยมดูสักหน่อย ฉันรับประกันเลยว่าไม่มีเจตนาร้าย” คำสั่งของจิ่งเป่ยเฉินนี่เข้มงวดเหลือเกิน
บอดี้การ์ดทั้งสองนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนบอดี้การ์ดอีกสองคนก็กำลังเดินมาตรงระเบียง โอวหยางลี่ห่อไหล่ลง คิดว่าต่อจากนี้เวลาเขาออกมาข้างนอกคงต้องมีคนคุ้มกันของตัวเองบ้างแล้ว หากเกิดการต่อสู้กันจะได้ช่วยไว้ได้
ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ซึ่งเขาก็ยังคงยืนขวางการเปลี่ยนกะของพวกเขาอยู่
เวลาเปลี่ยนกะของจิ่งเป่ยเฉินนั้นแปลกจริง ๆ
“อ้าก!”
โอวหยางลี่โดนชกไปที่ท้องอย่างแรง แล้วเตะไปที่เข่าของเขาอีกครั้ง ตอนนี้เขาทรงตัวแทบไม่อยู่
วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ยกเขาขึ้นมาและลากเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“พวกนายปล่อยฉันนะ!” โอวหยางลี่ร้องตะโกน
“พวกนายบังอาจ กล้ายกฉันขึ้นมาแบบนี้!”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! พวกแกได้ยินไหม!”
ปัง! เสียงเขาถูกโยนเข้าไปในลิฟต์โดยไม่สนใจความเจ็บของร่างกาย เขารีบลุกขึ้นจากพื้นทันที
“ชั้นนี้ไม่อนุญาตให้ใครมาทั้งนั้น ถ้าครั้งหน้ายังมาอีกจะไม่โยนคุณออกไปง่าย ๆ แบบนี้แน่!” หลังจากที่พูดจบทั้งสองคนก็เดินกลับไปทันที
โอวหยางลี่มองลิฟต์ที่ค่อย ๆ ปิดลง โรงพยาบาลที่เขาอยู่ตอนนี้…
เหมือนว่าจะเป็นของตระกูลจิ่ง ไม่ต้องพูดถึงชั้นนี้ แม้แต่แผนกผู้ป่วยทั้งหมดก็ไม่อนุญาตให้เข้า
ซวยจริง ๆ
โอวหยางลี่โกรธมาก แต่ก็ไม่มีหนทางอื่น จึงทำได้เพียงเดินออกไปอย่างเศร้าหมอง
แต่ว่าเขาจะกลับไปอีกครั้ง แค่รอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อล้มบริษัทจิ่ง เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ จิ่งเป่ยเฉินจะต้องไม่มีอารมณ์ไปดูแลบริษัทแน่ ๆ
ได้ยินมาว่าพวกเขาเกิดอุบัติเหตุ กล้าชนรถของบริษัทจิ่งคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริง ๆ
……
จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ก็พบว่าพ่อแม่ของจิ่งเป่ยเฉินนั้นอยู่ที่นี่ด้วย หยางหยางและหน่วนหน่วนตื่นมาก็ได้รับการดูแลจากพวกเขาเป็นอย่างดี
“แม่จ๋า! พ่อจ๋า!”
“เด็กดี!” อันโหรวเดินไปพร้อมกับกระติกน้ำร้อนสองอันในมือ “พ่อแม่ไปพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูดูแลต่อเอง”
“ลำบากเธอแย่!” ซูรั่วหยามีสีหน้ากังวล ก่อนจะก้มลงไปมองที่ใบหน้าของหน่วนหน่วน “หลานรัก ดูแลตัวเองนะลูก เดี๋ยวย่าจะมาหาหนูทุกวันเลย!”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หิมะตกหนักแบบนี้เดินทางไปมาน่าเป็นห่วง มีหนูกับจิ่งเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ก็พอค่ะ” คนสูงวัยเดินทางไป ๆ มา ๆ ดูลำบากมากจริง ๆ
“โหรวโหรว เธอนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ!” ซูรั่วหยาลูบไปที่แก้มของหน่วนหน่วน “หน่วนหน่วนต้องดีขึ้นอยู่แล้ว!”
“หน่วนหน่วนทำได้ค่ะ วันนี้หนูไม่ได้เจ็บแล้ว!” หน่วนหน่วนยิ้มตาหยีตอบกลับ
“น่ารักจริง ๆ” ซูรั่วหยากับจิ่งเซิงอยู่ภายในห้องอีกสักพัก รอให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนหลับถึงได้ออกไป
หลังจากที่พวกเขากลับไป บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องก็มารายงานว่าวันนี้โอวหยางลี่มาที่นี่
“อย่าไปสนใจเขา!” อันโหรวไม่ต้องการพูดถึงโอวหยางลี่ในตอนนี้
ภายในห้องผู้ป่วยกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง อันโหรวมองจิ่งเป่ยเฉินที่นั่งอยู่ที่โซฟา “สายตาของฉันเมื่อก่อนนั้นแย่มาก มันแย่มากจริง ๆ”
“แต่ตอนนี้สายตาดีขึ้นก็ดีแล้วนี่” จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้ามองเธอ “เธอเองก็เหนื่อย มานั่งก่อนสิ”
“หาเหลียวเว่ยเจอหรือยัง?”
“ยัง”
โลกช่างกว้างใหญ่ การจะตามหาคนหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ โดยเฉพาะคนที่กำลังหลบหนีอย่างเช่นแม่ของเธอ
เมื่อตอนบ่ายห้องผู้ป่วยด้านนอกก็มีแขกมาเยี่ยมอีกครั้ง
อันโหรวแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูออกมาเจอเกาเซิน หลังจากที่ทั้งสองคนได้เจอกันเมื่อครั้งที่แล้วจนตอนนี้ก็ผ่านไปประมานหนึ่งเดือนแล้ว
ในมือของเขานั้นมีช่อดอกไม้อยู่ แต่เมื่อเข้ามากลับเห็นหน่วนหน่วนและหยางหยาง เขาจึงพูดขอโทษว่า “ฉันคิดว่าเป็นเธอที่เกิดอุบัติเหตุ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ก็คงจะซื้อหนังสือนิทานมาแทน”
“ไม่ต้องหรอก” เธอรับช่อดอกไม้มา “นี่นายกลับมาฉลองปีใหม่เหรอ?”
“ใช่แล้ว!”
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินทั้งคู่คุยกันก็มองไปที่เกาเซิน ชายหนุ่มรูปร่างสูง หนำซ้ำหน้าตาก็ดูหล่อเหลาและสะอาดสะอ้าน นี่ความสัมพันธ์ของพวกเขาคือยังไง?
“โหรวโหรว”
ทันใดนั้นเสียงของจิ่งเป่ยเฉินก็ดังขึ้น เธอยิ้มและเอื้อมมือมา “จิ่งเป่ยเฉิน”