อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 302 เธอไม่คิดจะทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นแน่ ๆ
ตอนที่ 302 เธอไม่คิดจะทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นแน่ ๆ
ดังนั้นเธอเลยมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเธอเองก็ไม่คิดจะทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นแน่ ๆ โดยเฉพาะอันโหรว!
อันโหรวเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย็นชา ก่อนจะเงยหน้าหันไปมองเหอเหมียว อันที่จริงแล้วครั้งที่แล้วตอนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย เธอได้อัดวิดีโอไว้จึงพอจะคาดเดาได้ว่าคำพูดพวกนั้นคืออะไร
ถึงแม้ว่าเหอเหมียวจะพูดไปแบบนั้น แต่เธอก็ยังทนไม่ได้ และคิดอยากจะประกาศข่าวพวกนี้ออกไปจริง ๆ รวมถึงปล่อยเรื่องของลูกเหอเหมียวออกไปด้วย ให้มันเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น
ผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าลูกของคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม และใช้จังหวะโอกาสนี้ตั้งท้องลูกของตัวเอง!
ตอนนี้ภายในใจของอันโหรวเองก็เริ่มหงุดหงิด ไม่ควรเมตตาพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!
เพราะเธอเองก็รักลูกสุดหัวใจเหมือนกัน……..
ไม่ว่าจะถือกำเนิดขึ้นมาหรือไม่ แต่เด็กน้อยที่น่ารักแบบนั้นก็ไม่ควรที่จะต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะความผิดของผู้ใหญ่!
“ฉันไม่เคยใช้ให้ใครไปทำร้ายลูกของเธอ แต่ไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้ก็ได้” อันโหรวชี้ไปที่เหอเหมียว
เมื่อเหอเหมียวได้ยินอันโหรวพูดถึงตัวเองก็นึกถึงฉากที่จะถูกเหลียวเว่ยแทงจนตายขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่ฉันนะ! ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอตั้งท้อง ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นคนทำ?! ใครที่รู้ว่าเธอตั้งท้องก็ไปหาคนนั้นสิ! ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น เห็นแก่ลูกในท้องของฉันเถอะ ยังไงก็เป็นลูกของพี่โอวหยางนะ เธอปล่อยฉันไปเถอะ! อย่าหุนหันพลันแล่นเชียวนะ!”
อันโหรวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะมองดูด้วยท่าทีที่เฉยเมย บนใบหน้าค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มที่ชวนขำทันที
“ฉันว่าเธอน่าจะหายดีแล้วนะ เหลียวเว่ย ตอนนี้เธอไปมอบตัวที่สถานีตำรวจเถอะ อย่างน้อยก็ตัดสินโทษอะไรได้บ้าง” อันโหรวเอ่ยคำพูดอย่างเย็นชาออกไป
เหลียวเว่ยที่ถือมีดในมือกำลังสั่นเบา ๆ สายตาของเธอจ้องไปที่อันโหรวอย่างดุร้าย แทบจะทนไม่ไหว อยากจะควักลูกตาของอันโหรวออกมาและฆ่าเธอให้ตายซะ “ตัดสินโทษงั้นเหรอ? อย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย! ไม่สนว่าลูกของฉันจะถูกเธอฆ่าหรือเปล่า แต่ฉันเกลียดเธอ อีกทั้งลูกของเธอ ฉันก็เกลียดจนอยากให้พวกเธอตายไปซะ! ห้าปีก่อนหน้านั้นทำไมเธอไม่ถูกจับติดคุกไปเลย! ทำไมเธอไม่เป็นผู้ต้องหาและถูกขังคุกไปซะ! ฉันเกลียดที่เธอกลับมาแบบนี้ ทำไมกัน ทำไมเธอถึงขโมยหัวใจของลี่ไปอีก! ฉันคือภรรยาที่แต่งงานกับเขาอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ!”
เหลียวเว่ยไม่คิดที่จะฟังคำพูดของอันโหรวเลยสักนิด ราวกับว่าตอนนี้เธอหมุนอยู่ในโลกของตัวเอง
อันโหรวรู้สึกว่ามันน่าตลกสิ้นดี ด้วยเหตุนี้เธอเลยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“เธอยิ้มอะไร?”
“ฉันยิ้มและหัวเราะให้กับคนที่มีทัศนคติที่งี่เง่าแบบนี้ไง สุดท้ายมันก็จบแบบไม่สวยทั้งสิ้น เธอคิดอยากจะเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือยังไง!?” อันโหรวเหลือบมองไปยังเหอเหมียว “พวกเธอต่างก็เป็นรักสามเส้ากันทั้งสิ้น ทำไมจะต้องลากแฟนเก่าอย่างฉันเข้ามาในโลกของพวกเธอด้วย ฉันขอพูดให้ชัดเจนเลยนะ ฉันไม่ได้รักโอวหยางลี่แล้ว พวกเราเลิกกันตั้งแต่ห้าปีที่แล้วที่พวกเธอแต่งงานกัน นั่นถือว่าทุกอย่างจบไปหมดแล้ว! เธอนี่มันโง่เกินไปจริง ๆ คิดเหรอว่าต่อให้เขามาขอร้องวิงวอนแล้วฉันจะยกโทษให้กับเรื่องที่ผ่านมา? ตระกูลโอวหยางใส่ร้ายตระกูลอันของฉันอย่างโหดเหี้ยม แล้วยังคิดว่าฉันจะรู้สึกรักใคร่ในตัวเขาอีกอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้ทุกอย่างมันกลายเป็นความเกลียดชังแล้วต่างหาก!”
นอกจากความเกลียดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ!
“แล้วยังไง ในใจของเขาก็มีแต่เธอ เพราะงั้นเธอนั่นแหละที่ผิด เธอไม่น่าจะกลับมา ไม่ควรโผล่หน้ามาให้เขาเห็นด้วยซ้ำ!” สีหน้าของเหลียวเว่ยตอนนี้ดูไม่ดีนัก ริมฝีปากและผิวตอนนี้แห้งกรอบ รอยคล้ำที่ใต้ตาก็ดูหนาแน่น มองดูแล้วใบหน้าของเธอทรุดโทรมมากจริง ๆ
แต่ถ้าหากได้จับจ้องไปที่อันโหรวเมื่อไหร่ ดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความโกรธที่แฝงไปด้วยพลัง
“ดูจากตรรกะความคิดของเธอแล้ว เธอหย่ากับเขาไปก็ไม่ควรที่จะมาโผล่ให้เขาเห็นหน้า ดูจากท่าทางของเธอแล้ว ถือว่าเธอทำได้ไม่เลวเลยนะ”
เหลียวเว่ยที่ยืนอยู่ในห้อง เมื่อถูกพูดด้วยแบบนี้ เธอจะไม่ได้ยินคำเยาะเย้ยของอันโหรวได้อย่างไรกัน ที่พวกเขาหย่าร้างกัน ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะเหอเหมียวอะไรนั่นหรอก แต่เป็นเพราะเธอต่างหาก!
อันโหรวตั้งแต่ยังเด็กล้วนเป็นเป้าหมายและแรงกดดันให้กับตัวเธอมาตลอด ซึ่งเมื่อใดที่เธอได้ตอบโต้และแก้แค้น นั่นถือเป็นความสุขที่สุดของตัวเธอเลยก็ว่าได้ และตอนนี้เธอเองก็เกลียดที่ทำไมเด็กทั้งสองคนนั้นถึงไม่ตายไปในอุบัติเหตุรถยนต์ซะ!
“อันโหรว! ฉันจะฆ่าเธอ!” เหลียวเว่ยจู่ ๆ ก็วิ่งไปที่ด้านหน้าของอันโหรวอย่างบ้าคลั่ง
เธอรีบก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อกเอาไว้ เธอเลยสามารถก้าวถอยหลังออกไปได้อย่างทันท่วงที
และจู่ ๆ ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นมาที่ด้านหน้า เธอได้ยินเสียงแกรก ส่งผลให้มีดที่เหลียวเว่ยถืออยู่นั้นร่วงหล่นลงสู่พื้นทันที
“เหลียวเว่ย นี่เธอคิดจะทำอะไร? พวกเราหย่ากันแล้วนะ!” โอวหยางลี่จ้องมองไปที่เธอด้วยความโกรธ
มือของเหลียวเว่ยเต็มไปด้วยความเจ็บ เมื่อครู่นี้จู่ ๆ มือของเขาก็ดันเข้ามาจับที่ข้อมือและกดให้มีดร่วงหล่นลงไป
“ลี่! พวกเราหย่ากันแล้ว เพราะงั้นนายไม่ต้องมาสนว่าฉันจะทำอะไร!” เหลียวเว่ยมองไปที่เขา ก่อนจะก้มลงไปเพื่อหยิบมีดขึ้นมา
โอวหยางลี่รีบใช้เท้าเหยียบมีดไว้ทันที “เธอออกไปซะ!”
“ทำไมกัน? กลัวว่าฉันจะทำร้ายคนรักตัวน้อยของนาย หรือจะทำร้ายแฟนเก่าของนายงั้นเหรอ?” เหลียวเว่ยพูดด้วยท่าทางเจ็บปวด “โอวหยางลี่ นายมันไม่ใช่คน! ฉันชอบนายขนาดไหน ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้เมื่อห้าปีก่อนทำอะไรกับนายไว้บ้าง ทำไมในใจของนายถึงมีแต่เธอเพียงคนเดียว นายมีความคิดเรื่องสามัญสำนึกถูกผิดบ้างหรือเปล่า!?”
เขามันไม่ใช่คน และไม่มีทางที่จะใช่คนอีกแล้ว!
แต่ภาพเหตุการณ์ตรงนี้ ทำให้เขาคิดอยากจะทำอะไรกันแน่?
ถ้าหากห้าปีก่อนหน้านั้นไม่ใช่เพราะเหลียวเว่ยและเฉาลี่เฟยร่วมมือกัน พวกเขาก็คงแต่งงานกันแล้ว เรื่องพวกนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ๆ
โหรวโหรวคงไม่มีทางเกลียดเขาแบบนี้แน่นอน!
“ในใจเธอจะโกรธฉันมากแค่ไหนก็ช่าง แต่เธอเอามีดมาแบบนี้คิดจะทำอะไร? คิดจะฆ่าใคร? ครั้งที่แล้วไม่ใช่ว่าเคยให้บทเรียนกับเธอไปแล้วงั้นเหรอ?” โอวหยางลี่มองไปที่เธอ ไม่อยากจะคิดภาพเหตุการณ์ ถ้าหากวันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มีหวังได้เปลี่ยนเป็นห้องสมรภูมิเลือดแน่ ๆ
ก่อนหน้านั้นเขาเคยเห็นผู้คนมาตั้งมากมาย แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนตรงหน้ากลายเป็นคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้
“ก็ได้! ถ้าหากนายมีเมตตาก็อย่าคิดออกไปเชียว ฉันจะหยิบมีดนั้นมาแทงที่นาย โอเคไหม? หลังจากนั้นก็แทงเธอจนตายไปเลย ฉันจะยอมติดคุกไปตลอดชีวิต! ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรต้องมานั่งกังวลใจอีกแล้ว” เหลียวเว่ยเอียงหน้าหันไปมองโอวหยางลี่ ผู้ชายที่เธอรักจนสุดหัวใจ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรูที่ราวกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ทำไมกันนะ ทำไมหัวใจของเธอถึงได้เจ็บ เจ็บถึงขนาดนี้กัน
ตอนนี้ราวกับว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอมีม้าที่วิ่งออกมาเป็นห้าสาย ต่อให้ต้องถูกประหารชีวิตด้วยเครื่องลงทัณฑ์ มีดแต่ละมีดก็จบเพียงแค่ครั้งเดียว
“เธอยังมีพ่อมีแม่อยู่นะ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” อันโหรวเริ่มทนไม่ไหว จึงพูดออกไป ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนบ้าขนาดนี้
“หุบปากไปซะ!” เหลียวเว่ยถลึงตาพลางจ้องไปที่เธอ “เธอควรจะหนีไปให้ไกล ๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะเอามีดแทงเธอ ไม่ปล่อยเธอไปแน่ ๆ”
“เหอะ” อันโหรวยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ฉันคิดว่าตรรกะความคิดของเธอน่าจะมีปัญหานะ ถึงขนาดไปหาคนมาขับรถชนลูกของฉันได้ ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนที่หยิ่งผยองและกล้ามาเผชิญหน้ากับฉันแบบนี้กัน? คิดเหรอว่าเธอถือมีดต่อหน้าฉันแล้วฉันจะกลัวเธอ”
เหลียวเว่ยจ้องไปที่ใบหน้าของอันโหรว ก่อนจะเอนตัวไปหยิบมีดที่โอวหยางลี่กำลังเหยียบมันอยู่ แต่ก็ถูกเขาผลักจนตัวของเธอนั้นล้มลงไปกับพื้น
“โอวหยางลี่ นายยังคิดอีกเหรอว่านายจะเอาชนะใจเธอได้ด้วยการทำกับฉันแบบนี้ ฉันดูนายที่ฝันเฟื่องแบบนี้แล้ว ตลอดชั่วชีวิตนี้อันโหรวไม่มีทางจะมาอยู่กับนายแน่ ๆ ลูกของฉันไม่มีอีกแล้ว ครอบครัวก็ล้มละลาย ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต่อให้นายคิดจะผลักฉันไปถึงขอบสุดของนรก ฉันก็จะลากพวกนายไปด้วย!”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!” อันโหรวมองไปที่เธออย่างเย็นชา
โอวหยางลี่เอียงหน้าไปมองอันโหรว ก่อนจะมองไปที่เหลียวเว่ยและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เหลียวเว่ย ถึงแม้ว่าพวกเราจะหย่ากันไปแล้ว แต่เธอยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ใจเธอต้องการ ฉันรู้ว่าแม่ของฉันให้เงินเธอไปแล้ว เงินพวกนั้นก็เพียงพอที่จะให้เธอใช้ชีวิตได้โดยไร้ความกังวลไปตลอดชีวิตแล้วนะ หรือว่าความเกลียดชังมันครอบงำจิตใจของเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คำพูดของโอวหยางลี่ไม่ได้แค่พูดให้เหลียวเว่ยฟังเท่านั้น แต่พูดให้อันโหรวฟังด้วย ถ้าหากโหรวโหรวสามารถลืมเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้นได้ พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้เช่นกัน
“คำพูดของนาย ลองถามเธอดูสิว่าเธอเห็นด้วยหรือเปล่า? เมื่อครู่นี้เธอก็พูดออกมาแล้ว เธอไม่มีความคิดอื่นใดนอกจากความแค้น หรือว่านายคิดอยากจะจุดความสัมพันธ์พวกนั้นขึ้นมาใหม่อย่างนั้นเหรอ? แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายด้วยนะว่าต้องการหรือเปล่า” เหลียวเว่ยยังคงนั่งอยู่ที่พื้น ตอนนี้เธอได้แต่นั่งโดยไม่ได้ลุกขึ้นไปไหน
สักพักหนึ่งเธอก็เห็นหน่วยรักษาความปลอดภัย พร้อมด้วยหมอและพยาบาลกำลังเดินเข้ามา เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ถ้าหากจะออกไปเธอคงไม่สามารถออกไปได้ตามใจต้องการแน่นอน คงจะต้องให้หมอและหน่วยรักษาความปลอดภัยพาเธอออกไปแทน
“เธอพูดผิดแล้ว ฉันไม่ได้แค่เกลียดตัวเขาอย่างเดียว ฉันยังเกลียดเธอด้วยเช่นกัน” ตอนนี้เธอคิดไปถึงหยางหยางและหน่วนหน่วนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เธอก็แทบทนไม่ไหว อยากจะฉีกร่างของเหลียวเว่ยออกเป็นชิ้น ๆ เช่นกัน